PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

ล้มเสาไฟฟ้า

"โค้ชสุเทพ"ติวเข้มว่าที่ผู้สมัครส.ส.รปช. ลั่นพร้อมล้มเสาไฟฟ้า อัดบางพรรคต้องประจบสอพลอ"หัวหน้าพรรค"กว่าจะได้ลงสมัครส.ส. ยกกรณี"ลูกหมี"เป็นตัวอย่าง
7 ม.ค.62 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้กล่าวเปิดการอบรมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในหัวข้อ "หัวใจสำคัญและอุดมการณ์ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย" ว่า ตั้งแต่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่ผ่านมาไม่มีพรรคไหนเป็นพรรคของประชาชน ทุกครั้งที่มีการตั้งพรรคการเมืองก็จะหาผู้ที่มีชื่อเสียง กวาดต้อนบริวารเข้ามาอยู่ด้วย
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า วันนี้มีการพูดเรื่องดูด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่มีมานานแล้ว ดังนั้น ที่วิจารณ์นักการเมืองย้ายพรรคก็ไม่ใช่เรื่องแปลก พรรคไหนเลี้ยงดูดีกว่าก็ไปที่นั้น ประชาชนเป็นเพียงข้ออ้างว่าทำการเมืองเพื่อประชาชน ซึ่งไม่เห็นมีจริง บางคนในชีวิตนักการเมืองย้ายพรรคมาแล้ว 4 - 5 หน และวันนี้ก็คิดจะย้ายอีก ไปหาสังกัดที่มีความมั่นคง เมื่อเข้าไปอยู่แล้วก็ทำตัวเป็นลูกพรรคที่ดี หัวหน้าพรรคจะสั่งการอย่างไรก็ทำให้หมด เพราะชีวิตเขาขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค เพราะเขาเป็นเจ้าของพรรค เป็นคนออกทุน ออกเงิน เขาเป็นคนเลี้ยงดูลูกพรรคเหล่านั้น นี้คือปัญหาของประเทศ เพราะนักการเมือง พรรคการเมือง ไม่ได้ทุ่มเทจริงจังที่จะทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน
"ประชาชนจะรู้สึกว่านักการเมืองดีด้วยก็ตอนกำลังจะเลือกตั้ง บางคนก็หมอบกราบเข้าไปกราบเท้าประชาชน พูดจาพิเศษ มีสัญญามากมาย แต่หลังเลือกตั้งเข้าไปอยู่ในสภา ก็ไม่เคยมาหา อีก 4 ปีก็มาว่ากันใหม่ เสียงของประชาชนที่อยากร้องก็ร้องไป เดี่ยวก็หมดแรงไปเอง ผมเดินคารวะแผ่นดินไปทั่วประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ใน กทม.และในต่างจังหวัด มีความทุกข์เหมือนกัน คือ ความยากจน ซึ่งไม่ใช่จนในรัฐบาลนี้ แต่จนมานานแล้ว และนโยบายหาเสียงแก้จนก็จะมีมาอีก พูดเพ้อว่าคนจนจะหมดไปใน 1 ปี ไปอยู่เมื่อนอกก็จน ไม่จริง เพ้อทั้งนั้น" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้พรรคการเมือง นักการเมืองทั้งหลาย ละเลยต่อเสียงของประชาชน ไม่ฟังประชาชน แต่ฟังคำสั่งหัวหน้าพรรคอย่างเอาจริงเอาจังมาก สั่งให้ล้อมศาลากลางก็ไป ไปเผาก็ไป เอาอาวุธเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็ได้ ฆ่าคนก็ได้ ติดคุกก็ได้ โดยยอมตายขายชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย การเมืองในประเทศไทยจึงกลายเป็นเรื่องของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจรัฐ เข้ามาเป็นผู้กุมอำนาจรัฐของประเทศนี้ มาตอนหลังเจ้าของกิจการธุรกิจทั้งหลาย มีกลุ่มทุน ครอบครัวทำธุรกิจเข้ามาเป็นเจ้าของพรรค เริ่มลงทุนมากมายมหาศาล เรียกว่าทุนสามานย์ เพราะเอาเงินมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู่ทางการเมือง ใช้อิทธิพลและเงินหว่านล้อมให้คนลงคะแนน
การเข้าสู่อำนาจในทางการเมืองที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม เมื่อเข้าไปมีอำนาจก็ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจโดยไม่เกรงใจประชาชน แต่พรรค รปช.ทำเพื่อประชาชน ไม่เป็นพรรคของคนใดคนหนึ่ง ถ้าโครงสร้างของพรรคการเมืองที่รวมอำนาจของคนกลุ่มเดียวเป็นเจ้าของพรรค อย่างนี้ไม่มีโอกาสพัฒนาการเมืองได้ จะต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในพรรค เพราะที่ผ่านมาเป็นเผด็จการตั้งแต่เจ้าของพรรคแล้ว ดังนั้น ไม่มีทางที่จะพูดถึงประชาชนได้ประโยชน์ และเมื่อมีพรรคการเมืองของประชาชนเกิดขึ้น พฤติกรรมของนักการเมืองจะเปลี่ยนไปเอง
"พรรคการเมืองต้องรับใช้ประชาชน ทำตามคำสั่งประชาชน โดยประชาชนเป็นใหญ่ และเพื่อผลักดันเปลี่ยนแปลงการปฏิรูปประเทศ และวันนี้พรรค รปช.มีสมาชิก 2 หมื่นกว่าคน เราฝันว่าต้องมีสมาชิก 1 ล้านคน แล้ววันนั้นเราจะมีพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น สมาชิกต้องไปอธิบายกับประชาชนว่าทำไมต้องเสียค่าสมัครสมาชิก 365 บาท บางคนอาจคิดว่ามากไป ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ และการเดินคาราวะแผ่นดินครั้งหน้าผมจะทำกระปุกออมสินแล้วจะไปถาม กกต.ว่าผิดหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็จะใส่ท้ายรถไว้ ถ้าประชาชนบอกว่าไม่มีเงินสมัครเป็นสมาชิกพรรค ก็เอากระปุกออมสินไปหยอดวันละบาท และที่ผมไปเดินมา มีประชาชนมาเล่าให้ฟังว่ามีคนมาให้เงิน 500 บาท เอาไปจ่ายค่าบำรุงพรรค 50 บาท เหลือทอน 450 บาท แต่ผมไม่มีหลักฐาน และเรื่องนี้แสดงให้เห็นตั้งแต่ต้นว่ามันทำทุกอย่างให้ได้ชัยชนะ ไม่คิดถึงสิ่งที่ผิดชอบและไม่ถูกต้อง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า พรรคเราไม่มีเสาโทรเลข เสาไฟฟ้า หลักกิโลเมตร รอบนี้พรรคจะส่ง ส.ส.ไปล้มเสาโทรเลข เสาไฟฟ้า หลักกิโลเมตร ดูอย่างพรรคอื่น สมาชิกประจบสอพลอหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เพื่อให้ได้ลง ส.ส.ดูตัวอย่าง นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกือบจะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.แต่พรรค รปช.ไม่มี หัวหน้าพรรคไม่ได้มาสั่ง เพราะพรรคให้ความสำคัญกับความเสมอภาคทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยบัญชีรายชื่อของพรรคจะมีทั้งหมด 150 คน มีผู้ชาย 75 คน ผู้หญิง 75 คน เพื่อความเท่าเทียมกัน และเวลาเรียงบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคจะอยู่อันดับ 1 อันดับที่ 2 จะเป็นสุภาพสตรี เราจะเรียงบัญชีรายชื่อสลับชาย - หญิง แบบนี้ เพื่อเชิดชูให้ผู้หญิงยืนเคียงข้างผู้ชายในการทำงาน

ไม่มีความคิดเห็น: