รายงาน : แนวโน้ม การเมือง แนวโน้ม ‘อยาก’
ไม่ว่าที่สกายวอล์ก อนุสาวรย์ชัยสมรภูมิ ไม่ว่าที่แยกราชประสงค์
จึงเห็นจำนวนไม่มากนัก ถึงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระบุว่า เป็นเรือนร้อย ถึงกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ถึงกับระบุว่า เป็นพวกก่อกวน
มิใช่ก่อกวนอย่างธรรมดา หากก่อกวนอย่างเป็น “อาชีพ”
แต่ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อาจมองข้ามหรือมองไม่เห็นการรวมตัวกันของประชาชนบนหน้าเวทีปราศรัย
ไม่ว่าที่ตลาดบางแค ไม่ว่าที่ร้อยเอ็ด ไม่ว่าที่นครศรีธรรมราช
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินสาย “ปราศรัย” ของขุนพลนักพูดจากศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร เรื่อยไปจนถึงหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี
แต่ละจุดมีคนมากกว่า 5,000 และบางแห่งมากกว่า 10,000
ถามว่าคนเรือนหมื่นไปรวมตัวกันรับฟังคำปราศรัยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ของ นายอดิศร เพียงเกษ และรวมถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะอะไร
เพราะมีการกะเกณฑ์ บังคับ หรือว่าจ้าง
คำตอบ 1 เพราะว่าพวกเขามีความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อพรรคการเมืองที่จัดเวที เพราะว่าพวกเขานิยมชมชอบนักพูดฝีปากกล้า
คำตอบ 1 เพราะว่าพวกเขา “อยากเลือกตั้ง”
ที่ลงความเห็นว่า เพราะพวกเขา “อยากเลือกตั้ง” เนื่องจากสภาพการณ์เช่นนี้บังเกิดขึ้นในห้วงก่อนการเลือกตั้ง
และเนื้อหาที่พูดล้วนเป็นเรื่อง “การเมือง” ล้วนเป็นเรื่อง “การเลือกตั้ง”
นั่นก็คือ สะท้อนความรู้สึกของ “คนอยากเลือกตั้ง”
ต้องยอมรับ นับแต่มีประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญ” เมื่อเดือนเมษายน 2560 และนับแต่มีการประกาศและบังคับใช้ “กฎหมายลูก” อันเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561
สังคมไทยก็เริ่มเข้าสู่ “มิติ” ของ “การเลือกตั้ง”
ปัจจัยอะไรที่บ่งบอกว่าจะทำให้มีการเลื่อน มีการยื้อ ถ่วง หน่วง ดึง “วันเลือกตั้ง” ให้ทอดยาวออกไปย่อมก่อความหงุดหงิด
เป็นความหงุดหงิดอันปะทุขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือแยกราชประสงค์
ขณะเดียวกัน เมื่อพรรคการเมืองเดินสายพร้อมกับขุนพลนักพูด นักปราศรัยฝีปากคม ก็ย่อมได้รับการเข้าร่วมจากชาวบ้านอย่างคับคั่งอบอุ่น
เกิดบรรยากาศ “อยากเลือกตั้ง” กันอย่างกว้างขวาง ซึมลึก
สัมผัสได้ว่า แม้กระทั่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ “อิน” กับบรรยากาศ ถึงกับโจนลงจากเวทีไปอยู่ในท่ามกลางการโอบกอดจากชาวบ้าน
ชาวบ้านที่ล้วนอยู่ในกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” ทั้งสิ้น
ไม่ว่าภาพอันปรากฏที่แยกราชประสงค์ หรือบนถนนราชดำเนิน หรือที่ร้อยเอ็ด ยโสธร ล้วนเป็นภาพที่สะท้อนเนื้อหาความรู้สึกร่วมกัน
นั่นคือ ความรู้สึก “อยาก” เลือกตั้ง
นั่นคือ ความรู้สึกที่ตั้งความหวังว่า ด้วย “การเลือกตั้ง” จะเป็นโอกาสนำพาสังคมไทยก้าวพ้นไปจากทศวรรษอันมืดมนตลอด 10 กว่าปีนับแต่รัฐประหาร 2549
จึงไม่ควรเมิน “ความรู้สึก” ของประชาชนต่ำกว่าความเป็นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น