PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

“บรรยง” วิเคราะห์ “บิ๊กตู่” ไม่ควรรับเป็นนายก ไม่สง่างาม ทำประเทศติดล็อก แนะถอยดีกว่า



ภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 62 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี จะต้องตอบรับหรือปฏิเสธ เป็นนายกรัฐมนตรี ในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ไม่ว่า พลเอกประยุทธ์ จะรับหรือปฏิเสธ ล้วนเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองในโค้งเลือกตั้ง และส่งผลทิศทางการจัดรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และอดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือซูเปอร์บอร์ด แสดงความเห็นกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงกรณีนี้ว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ควรรับข้อเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะโอกาสจะเป็นนายกฯอย่างสง่างามนั้นแทบไม่มี
นายบรรยงวิเคราะห์ว่า “ถ้าพลเอกประยุทธ์ตอบรับข้อเสนอ การที่พลเอกประยุทธ์จะเป็นนายกได้อย่างสง่างามที่สุดคือ พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ซึ่งจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลย ยกเว้นจะต้องโกงมโหฬาร เหมือนการเลือกตั้งปี 2500 ที่จอมพลป.โกงจนนำไปสู่การปฏิวัติ”
สมมติฐานที่ 2 ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนอันดับ 2 หรือ 3 ซึ่งมีคนวิเคราะห์ว่ายากที่จะได้ที่ 2 และถ้าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนอันดับที่ 3 พลเอกประยุทธ์ จะไม่สามารถเป็นนายกฯได้อย่างสง่างาม เนื่องจากประชาชนเลือกคนอื่น 6 คน จาก 2 พรรค
“ถ้าคะแนนมาที่ 3 ท่านจะเป็นนายกฯอย่างสง่างามได้ยังไง ประชาชนเลือกคนอื่น 6 คนก่อนหน้าท่าน และอีกอย่างสมมติว่าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนน 100 เสียง จะเป็นนายกฯได้ยังไงในเมื่อประชาชนเลือกท่าน 20 เปอร์เซ็นต์ นายกรัฐมนตรีที่เริ่มรับตำแหน่งด้วย approval rate แค่ 20 เปอร์เซ็นต์มันแทบจะไม่มีในโลก ประชาชนเขาเลือกคนอื่น 80 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนผิดฝาผิดตัว เอาเจตนามามั่วกันไปหมด ผมงงมากว่าเนติบริกรเขียนอย่างนั้นไปได้ไง แต่มันเขียนไปแล้วก็ต้องใช้”
สมมติฐานที่ 3 สมมติว่าสามารถจะใช้อำนาจของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 250 เสียง ไปต่อรองจนพรรคอื่นเข้ามาร่วม ก็ไม่มีทางที่จะมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 250 เสียง ยกเว้นว่า หนึ่งในสองขั้วใหญ่มาร่วมรัฐบาล คือขั้วเพื่อไทย ที่มีอยู่ 3 พรรค กับขั้วประชาธิปัตย์ ถ้า 2 ขั้วนี้ไม่มาร่วม รัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐไม่มีทางได้ 250 เสียง ซึ่งโอกาสที่ขั้วเพื่อไทยจะมาร่วมนั้นแทบไม่มี ส่วนขั้วพรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมได้ในกรณีเดียวที่พอจะดูดีคือ พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนที่ 1 หรืออย่างน้อยได้คะแนนที่ 2 แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนเสียงมากกว่าพรรคพลังประชารัฐ แล้วพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลโดยยอมให้บิ๊กตู่เป็นนายก จะเป็นผลเสียต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างมาก
“ถ้าประชาธิปัตย์ใหญ่กว่า แล้วประชาธิปัตย์ยังยอมลดตัวไปร่วมด้วยและยอมให้บิ๊กตู่เป็นนายก ประชาธิปัตย์จบ พรรคที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทยก็จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะมันไม่มีทางที่จะตอบกับผู้ที่เลือกตัวเองได้เลย ดังนั้นก็อาจจะต้องให้ประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ ซึ่งถ้าทำอย่างนั้น พลเอกประยุทธ์ ก็เสียหน้ามโหฬาร สมมติว่ากล้ำกลืนอยู่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาล่าง ก็บริหารประเทศไม่ได้ เพราะว่าแป๊บเดียวก็ผ่านกฎหมายสำคัญไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ ต้องปฏิวัติหรือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็จะออกอีหรอบเดิม เพราะว่าเลือกตั้งใหม่ คะแนนของพลังประชารัฐยิ่งจะแย่กว่าเดิม เพราะว่าเป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรไม่ได้ ทำประเทศติดล็อก”
นายบรรยง วิเคราะห์อีกว่า หากสมมติฐานกลับกัน ถ้าประชาธิปัตย์เข้าร่วมและยอมให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง ถ้าออกกรณีนั้น ผมจะบอกว่าโดยนิสัย โดยคุณสมบัติ โดยความเคยชินของพลเอกประยุทธ์ก็จะบริหารงานไม่ได้ เพราะว่าทุกวันนี้มีอำนาจล้นอยู่ในมือ มีขุนพลอยพยักรอบข้าง ก็ยังหงุดหงิดเกรี้ยวกราดทุกวัน ถ้าเกิดมีนักการเมืองเข้าไปอีก 3-4 พรรค คงสติแตก ทำงานไม่ได้”
“ทั้งหมดผมวิเคราะห์เพื่อจะบอกว่า พลเอกประยุทธ์ไม่มีเหตุผลที่จะรับเสนอชื่อ เพราะไม่มีอะไรดีสำหรับพลเอกประยุทธ์เลย ถอยตอนนี้ก็ยังมีคนชื่นชมว่า 5 ปีที่ผ่านมาขยันทำงาน จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็อีกเรื่องหนึ่ง”  
นอกจากนั้นนายบรรยงวิเคราะห์ผลดีที่จะเกิดกับประเทศ ในกรณีที่พลเอกประยุทธ์ไม่รับการเสนอชื่อว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่รับจะมีทางทำอะไรให้ดีได้อีกหลายอย่าง เช่น 1.การตั้งสว.จะทำได้อย่างมีอิสระมากขึ้น สามารถเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพราะไม่จำเป็นต้องตั้งสว.เพื่อจะเลือกตัวเอง 2.ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่รับเท่ากับคืนอำนาจให้ประชาชน ปล่อยให้รัฐบาลใหม่บริหารประเทศ ปลดล็อก เลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งถ้าพลเอกประยุทธ์อยู่มันเลิกไม่ได้
“ยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นมรดกที่ฉุดประเทศ ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นมาจากความตั้งใจดี แต่เป็นความตั้งใจดีที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบ มันเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัวที่คุณเอาเรื่องแผนยุทธศาสตร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นที่สุดมาปนกับกฎหมายที่ต้องชัดเจนและห้ามยืดหยุ่น ยุทธศาสตร์เป็นสิ่งที่ควรมี แต่ยุทธศาสตร์ที่เป็นกฎหมายที่บังคับทุกคนต้องทำตาม มันไม่มีที่ไหนในโลกนี้มี คุณเอาสองเรื่องที่ธรรมชาติตรงข้ามกันมารววมกัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้”
นายบรรยงมองว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่รับการเสนอชื่อ คนที่ได้รับผลเสียคือพรรคพลังประชารัฐและเครือข่ายที่บิ๊กตู่เคยรับปากไว้
“คนที่พังคือพรรคพลังประชารัฐ คุณ (พลเอกประยุทธ์) ปฏิวัติเพราะคุณบอกว่าการเมืองแบบเก่ามันเหลวแหลก นักการเมืองแบบเก่ามันห่วย แต่พอตั้งพรรคพลังประชารัฐ คุณกลับไปรวบรวมคนเหล่านั้นมา แต่ก็มีคนดีเข้าไปด้วย แต่ผมถามว่า ถ้าคุณไม่ลง ใครพัง ก็คือคนพวกนั้นที่คุณอยากให้เขาพังตั้งแต่ตอนปฏิวัติ เขาจะได้พังซะที นี่เป็นยุทธศาสตร์ที่ยิ่งกว่าโจโฉแตกทับเรืออีก ส่วน 3 ดร. กับสนธิรัตน์ คุณก็กลับไปทำอย่างอื่น กลับมาเป็นนักวิชาการดีกว่าเยอะ แต่ถ้าคุณเดินต่อ คุณจะเริ่มมีแผลเต็มไปหมด”
ทั้งนี้ นายบรรยงบอกว่า ตนวิเคราะห์ในมุมของพลเอกประยุทธ์ว่าไม่ควรรับ ลอยตัวไปดีกว่า ส่วนเจ้าตัวพลเอกประยุทธ์จะรับหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ

ไม่มีความคิดเห็น: