PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2562

ข้อควรระวังช่วงเลือกตั้ง

ข้อควรระวังช่วงเลือกตั้ง!
โดย สิริอัญญา 
วันพุธที่ 6 มีนาคม 2562

นับแต่มีการปลดล็อคให้มีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ในท่ามกลางความคึกคักของการรณรงค์เลือกตั้งนั้นกลับมีความแตกแยก แตกสามัคคี และมีความขัดแย้งกว้างขวางมากยิ่งขึ้น มีการใส่ร้ายป้ายสี โกหกพกลม รวมทั้งใช่เล่ห์กลอุบายต่าง ๆ เพื่อทำลายล้างกันในทางการเมือง จนสถานการณ์น่าวิตกอย่างยิ่ง 

ความจริงการรณรงค์เลือกตั้งแต่ก่อนมานั้น พรรคไหนใครมีนโยบายหรือมีวิธีการหาเสียงที่น่ารักน่าชังอย่างไร จะคุยโวโอ้อวดกันอย่างไร หรือจะทุเรศทุรังประการใดก็ยังเป็นเรื่องที่จำกัดอยู่เฉพาะการเสนอรณรงค์ของฝ่ายตน 

ไม่มีการทำลายล้างทางการเมืองกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันราวกับว่าเป็นศัตรูที่จะต้องล้างผลาญกันจนถึงที่สุด และไม่มีการใช้วิธีอุบาทว์ชาติชั่วนานาชนิด หรือวิธีการที่วิปริตผิดมนุษย์ แต่บัดนี้สิ่งเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นเพียงหวังผลอย่างเดียวคือขอให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง 

ไม่รวมถึงกระบวนการเอาเปรียบและกระบวนการฉ้อโกงนานาชนิดที่คิดสรรสร้างสรรค์หากันจนวิปริตพิสดาร และมิได้คำนึงถึงผลกระทบและความเสียหายใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นส่วนรวม 

ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป แพ้ชนะในการเลือกตั้งจะมีความหมายได้อย่างไร ชัยชนะที่ได้มาท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงแตกแยกเป็นศัตรูกันทั้งบ้านทั้งเมืองจะมีประโยชน์อันใด และความพ่ายแพ้ให้แก่ความโสมมเช่นนั้นกลับจะเป็นเชื้อไฟให้แก่ความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติรุนแรงยิ่งขึ้น 

อะไรเป็นสาเหตุของเรื่องนี้เห็นทีว่าไม่ต้องกล่าวถึง ทุกคนก็รู้กันทั่วไปแล้ว ดังนั้นในวันนี้จึงสมควรที่จะได้แสดงพฤติกรรมหรือการกระทำในการรณรงค์เลือกตั้งในบางเรื่องบางสิ่งที่กำลังจะก่อเกิดอันตรายใหญ่หลวงในบ้านเมือง รวมทั้งสถาบันทั้งหลายในบ้านเมืองของเรานี้ด้วย ที่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและอันตรายอย่างยิ่งจะมีดังต่อไปนี้ 

ประการแรก การใช้เล่ห์กลอุบายนานาชนิดโดยคิดว่าการรณรงค์เลือกตั้งคือสงครามชิงอำนาจรัฐที่จะต้องทำลายล้างกันให้ราบคาบไปข้างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ที่พึงเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เพราะนั่นเป็นสถานการณ์ที่มีการชูเป็นประเด็นหลักในสงครามปลดแอกประเทศจีน เพื่อการปฏิวัติประเทศจีนจากการตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ และจากการกดขี่ข่มเหงของอำนาจรัฐทรราชที่เป็นหุ่นให้กับต่างชาติจนประเทศชาติล่มจม ประชาชนล่มสลายทั้งประเทศ 

การใช้เล่ห์กลสารพัดชนิดนั้น หากถึงขั้นใช้เพื่อการทำลายล้างกันโดยวิถีแห่งการทำสงครามแล้ว ไม่ว่าแพ้ชนะหรือปราชัยประเทศไทยก็ย่อยยับอับจน 

ประการที่สอง คือการเอาเปรียบและการฉ้อโกงในการเลือกตั้งที่กำลังขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง ด้วยกรรมวิธีโกงเลือกตั้งที่เคยใช้มาในอดีตบ้าง ที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้การโกงได้ผลมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผิดถูกและความยุติธรรมในบ้านเมืองบ้าง โดยเฉพาะการอวดดื้อถือดีว่ากรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ทั้งในระดับเขต ระดับจังหวัด และระดับชาติ อาจจะเป็นฝักเป็นฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งเสียไปซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นเจตนารมณ์สำคัญของการเลือกตั้ง 

การเอาเปรียบและการฉ้อโกงนั้นจะทำให้เกิดการไม่ยอมรับในผลการเลือกตั้ง และจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งมีบทเรียนให้เห็นมาแล้วในอดีตหลายยุคหลายสมัยจนแผ่นดินเกิดเป็นจลาจล แล้วคนรุ่นเราท่านจะเดินตามซ้ำรอยให้วิกฤติของชาติเหล่านั้นกลับฟื้นคืนมาอีกครั้งหนึ่งหรืออย่างไร 

ประการที่สาม คือการแอบอ้างและฉวยใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้าม ถึงขั้นตั้งเป็นประเด็นชี้นำให้ประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายที่ต้องการเป็นประธานาธิบดีกับฝ่ายประชาธิปไตย ว่าแล้วก็ชี้หน้าด่าอีกฝ่ายหนึ่งหรืออีกพวกหนึ่งว่าพวกนั้นคือพวกต้องการเป็นประธานาธิบดี แล้วอวดอ้างตนเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย 

มีบ้างที่เลยเถิดไปมากถึงขั้นออกความคิดความเห็นต่อสาธารณะว่าพวกตนเท่านั้นที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ส่วนพวกอื่นเป็นพวกไม่จงรักภักดี 

พฤติกรรมเหล่านี้คือพฤติกรรมโหนเจ้าและล้มเจ้าตัวจริง เพราะนี่คือการแอบอ้างอิงเอาสถาบันให้เป็นฝักเป็นฝ่าย ทั้ง ๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ก็ทรงอยู่เหนือการเมือง ไม่เคยเลยที่จะทรงเห็นราษฎรคนใดเป็นศัตรู มีแต่น้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณที่เห็นราษฎรทั้งหลายเป็นบุตรของแผ่นดิน เป็นกำลังของแผ่นดิน ที่ทรงอนาทรและทรงปกปักรักษาช่วยเหลือตลอดมา 

การแอบอ้างอิงเช่นนี้เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่สุด แต่ไม่อยากจะกล่าวเลยไปกว่านี้ เพราะไม่อาจหยั่งน้ำใจใครได้ว่ามีความมุ่งร้ายหมายบ่อนทำลายสถาบันสำคัญของชาติ โดยลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ที่สำคัญคือพวกที่แอบอ้างแบบนี้มักจะเป็นพวกสิ้นไร้ไม้ตอก ประชาชนไม่นิยมเชื่อถือในทางการเมือง จึงต้องอิงแอบสถาบัน ดังนั้นจึงมีโอกาสแพ้เลือกตั้งสูงมาก 

และถ้าแพ้เลือกตั้งแล้วจะไม่เท่ากับการดึงเอาความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองให้พ่ายแพ้ตามไปด้วยดอกหรือ! และอย่างน้อยที่สุดการแอบอ้างอิงเช่นนี้มีแต่จะก่อให้เกิดความแตกแยกภายในชาติ เพราะบางพวกก็น้อยเนื้อต่ำใจ บางพวกก็ไม่พอใจ อันเป็นวิสัยธรรมดาของคน 

ดังนั้นประชาชนชาวไทยทั้งผองจึงต้องรู้เท่าทันเล่ห์กลอุบายอิงแอบอ้างเจ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้าม และจงมั่นใจเถิดว่าการอ้างอิงแอบเช่นนี้ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ความปรารถนาดี และไม่ใช่ความจงรักภักดีใด ๆ เลย แต่เป็นความเห็นแก่ตัวซึ่งอาจมีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ก็ได้ 

พรรคไหนใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็รู้แก่ใจดีกันอยู่ จึงควรจะหยุดได้แล้ว ไปคิดอ่านวิธีรณรงค์เลือกตั้งในทางที่ชอบที่ควรจะดีกว่า 

ประการที่สี่ การธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ความศรัทธาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการเลือกตั้งที่จะต้องเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งจะเป็นทั้งประโยชน์ชาติ ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านไปพร้อมกัน 

ไม่มีใครต้องการให้ กกต. ไปติดคุกติดตะรางเหมือนกับรุ่นพี่ที่ติดคุกติดตะรางกันมาหลายคนในหลายชุดแล้ว และในปัจจุบันนี้บรรดาหมอดูหมอเดาทั้งหลายก็เริ่มออกคำพยากรณ์กันบ้างแล้วว่าให้ กกต. ระมัดระวังในการทำหน้าที่ให้จงหนัก เพราะฤกษ์ผานาทีในการตั้ง กกต. ชุดนี้เป็นเพชฌฆาตฤกษ์ หากพลาดพลั้งอาจจะติดคุกติดตะรางกันทั้งคณะ ซึ่งขอภาวนาอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย 

กกต. จะต้องตระหนักในเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งและภาระหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมสถานหนึ่ง และต้องกำราบปราบปราม รวมทั้งขจัดผู้ที่กระทำผิดกฎหมายหรือฉ้อโกงการเลือกตั้งมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป เพื่อทำให้ทุกฝ่ายยอมรับในการดำเนินงานของ กกต. ให้ได้ 

มิฉะนั้นก็จะเกิดเป็นกลียุคขึ้น ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้มีลักษณะพิเศษกว่าทุกครั้ง ซึ่งจะเกิดจากใครมีเจตนาอะไรก็ยากจะคาดเดา แต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งจะมีระยะเวลาตรวจสอบไต่สวนเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ไม่ชอบในระดับต่าง ๆ และจะต้องประกาศผลการเลือกตั้งภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 

ก็จะไปทับเขตการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และทำให้ไม่คิดไม่ได้ว่าใครหนอช่างวางเวลาให้เป็นไปเช่นนี้ เพราะช่วงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม จนไปถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 นั้นย่อมเป็นช่วงเวลาที่โกลาหลมากที่สุด เพราะจะเป็นช่วงของการร้องเรียน ตรวจสอบ ไต่สวน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง การเพิกถอนการเลือกตั้ง และการจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเขตการพระราชพิธีทั้งสิ้น ดังนั้นหากการไม่เป็นไปตามกฎหมายโดยสุจริตและเที่ยงธรรมแล้วไซร้ ก็เท่ากับเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในห้วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์ของชาติ 

เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันและสามัคคีกันทุกฝ่าย เพื่อให้การเลือกตั้งทั่วไปเป็นไปโดยเรียบร้อย ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น: