PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2562

ยี่ห้อ"ลุงตู่"ต่อรองยาก

ไม้ล้มอย่าข้าม คนล้มอย่าซ้ำ

กับปรากฏการณ์ “สึนามิ” เลือกตั้งถล่มพรรคประชาธิปัตย์ โดนกวาดระเนระนาด กรุงเทพฯสูญพันธุ์ ฐานที่มั่นปักษ์ใต้โดนเจาะพรุน กลายเป็นพรรคต่ำร้อย แต้มน้อยสุดในประวัติศาสตร์พรรครอบ 40 กว่าปี

“เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนีความรับผิดชอบไม่พ้น ต้องประกาศไขก๊อกแม่ทัพ

ตามสภาพการณ์ธรรมชาติ เด็กรุ่นใหม่เจน Z “นิวโหวตเตอร์” 7 ล้านเสียงไม่รู้จักนักการเมืองรุ่นเก่า ยังไงก็ต้องเลือกคนรุ่นเดียวกัน จูนอารมณ์กันได้มากกว่า

เข้าจังหวะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บอสใหญ่ค่ายอนาคตใหม่ โคตรเซียนการตลาดเหลี่ยม “ทักษิณ”

ตีกินเลือกตั้งยุคโซเชียลมีเดีย “เจนอัลฟา” ใช้นิ้วขับเคลื่อนโลก

แต่ทั้งหมดทั้งปวง ตามตัวเลขคะแนนดิบของพรรคพลังประชารัฐกว่า 8 ล้านเสียง มาอันดับหนึ่ง สะท้อนถึงมติมหาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเจน X คนวัยทำงานและเจน baby boom ผู้อาวุโส ต่างช่วยกันออกมาเทคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช.

ตั้งใจเลือกความสงบจบที่ “ลุงตู่”

ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้า วัดจากรอบ 5 ปีที่ผ่านมาชั่วดีถี่ห่าง บวกลบคูณหารแล้ว มันเป็นอะไรที่สัมผัสจับต้องได้กับผลงานที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศชาติสงบ การพัฒนาการทางเศรษฐกิจรุดหน้า เทียบกับการต้องไปเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงการเมือง

วนซ้ำวิกฤติ มันเป็นอะไรที่คิดง่าย

ชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาถล่มทลายเหนือการคาดหมาย แบบที่ครองแชมป์ในกรุงเทพฯ เจาะภาคใต้ ตีฐานอีสาน กวาดที่นั่งภาคเหนือ

คะแนนนิยมไหลมาแบบธรรมชาติครอบคลุมทั่วประเทศ

ปฏิเสธไม่ได้ มันยกระดับความชอบธรรม เพิ่มโอกาสจากกติการัฐธรรมนูญที่เอื้อให้อดีตผู้นำทหาร คสช. ตีตั๋วต่อนายกฯแบบสง่างามตามกติกาประชาธิปไตย

ท่ามกลางกระแสความหวั่นอกหวั่นใจ อาการผวา “เดดล็อก”

จากตัวเลขผลการเลือกตั้งที่ออกมาก้ำกึ่งสูสีระหว่างฝ่ายหนุน “ลุงตู่” กับพวกแท็กทีม

ไม่สังฆกรรม พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งกันไม่ขาด อาจเกิดปัญหาการวัดพลังเสียงในสภาผู้แทนราษฎร

แต่พวกเซียนเขี้ยวการเมืองมองขาด นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด

สถานการณ์แบบนี้มีมาตั้งแต่ยุค “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ หรือสมัยของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งยุคของนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ และนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำที่เสียงปริ่มน้ำ

แบบที่ ส.ส.ปวดขี้ปวดเยี่ยว ห้ามลุกเข้าห้องน้ำ ก็ผ่านมาได้

เหนืออื่นใด ตัวเลข ณ เวลานี้ ยังไม่นิ่งแต่อย่างใด เพราะตามปฏิทินการประกาศรับรองผล ส.ส.อย่างเป็นทางการมีเวลาอีก 60 วัน จะไปรู้กันชัดตอนต้นเดือนพฤษภาคม ระหว่างนี้ยังมีปรากฏการณ์ใบเหลือง ใบแดง กกต.จากการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง

จุดพลิกผัน ตัวเลขแกว่งอีก 10-20 ที่นั่งเป็นอย่างน้อย

แต่ที่ลุยไปก่อนล่วงหน้าตามธรรมชาติการเลือกตั้งก็คือการเจรจาฟอร์มรัฐบาล ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แบไต๋เป็นนัย ขยับกันแล้วตั้งแต่ปิดหีบเลือกตั้ง

ตามสูตรที่แทงหวยล่วงหน้า ไฮโลเปิดถ้วยแทงรัฐบาลผสม

ล็อกได้ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย บวกกับเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านพรรคเล็กพรรคน้อย

แถมมี “งูเห่า” รอให้ไล่ต้อนช้อนเสียงแน่นอนในสถานการณ์แบบนี้

เรื่องของเรื่อง จุดที่ซีเรียสๆจริงของ “นายกฯลุงตู่” และทีมจัดรัฐบาลน่าจะอยู่ที่การแบ่งโควตา จัดสรรปันส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี แบ่งกระทรวงให้พรรคร่วมรัฐบาล

ในสถานการณ์ที่ตัวแปรอย่าง “ภูมิใจไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” ถือไพ่ต่อรอง

แต่สำคัญเหนืออื่นใด ในจังหวะเลือกตั้งเปลี่ยนผ่าน ตามปรากฏการณ์ประชาชนแห่ออกมาไล่น้ำเน่าการเมืองเก่า รัฐบาลเลือกตั้งชุดแรกของการเปลี่ยนผ่านต้อง “หล่อ” หน่อย

ต้องคำนึงถึงภาพการยอมรับ โดยเฉพาะ “ปลอดเชื้อ” คอร์รัปชัน

นั่นหมายถึงต้องคุมเกมกันให้ดี ทั้งในทีมพลังประชารัฐที่ประกาศจองกระทรวงล่วงหน้าตอนหาเสียง

หรือกรณีพรรคภูมิใจไทยที่แว่วๆว่าจองกระทรวงคมนาคมตั้งแต่หัววัน นั่นก็จะเกิดภาพ “conflict of interest” ผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจยักษ์ก่อสร้างซิโน-ไทยฯ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นัวเนียเมกะโปรเจกต์หลายแสนล้าน

ตามสถานการณ์ที่สังคมไทยให้ความสำคัญ กับประกาศสำนักพระราชวังที่อัญเชิญพระบรมราโชวาทของ ร.9 “ส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง”

ไม่ใช่แค่ลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ยังหมายรวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลบริหาร

เชื่อเถอะ “ลุงตู่” ไม่ยอมเสี่ยงท้ากระแสแค่แลกกับเสียงหนุนแน่.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: