PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กปปส.ประกาศ “ยิ่งลักษณ์-รัฐบาล” โมฆะ-เล็งหานายกฯ ใหม่"..//

“สุเทพ” อ่านประกาศ กปปส.ชี้นายกฯ-รัฐบาลโมฆะตั้งแต่ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ หนำซ้ำยุบสภาโดยไม่รอพระราชกฤษฎีกา เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดหานายกรัฐมนตรีใหม่ ที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ พร้อมขอให้มั่นใจแนวทางประชาภิวัฒน์ต่อผู้ชุมนุม
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่แยกสวนมิสกวัน เมื่อเวลา 19.15 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้อ่านประกาศ คณะกรรมการ กปปส.ฉบับที่ 1/2556 เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลโมฆะตั้งแต่วันที่ประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน การประกาศยุบสภา โดยไม่รอพระราชกฤษฎีกา เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้รัฐบาลยุบสภาแต่ก็ไม่สามารถรักษาการต่อได้ นายกรัฐมนตรีเป็นโมฆะ จึงทำหน้าที่ไม่ได้แล้ว เมื่อรัฐบาลไม่มีอำนาจรักษาการ ขณะนี้จึงเป็นสุญญากาศ เป็นช่องว่างทางอำนาจ จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนในการจัดหานายกรัฐมนตรีใหม่ ที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชาภิวัตน์ครั้งนี้ และจะประกาศความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

มีรายงานว่า นายสุเทพ จะปราศรัยอีกครั้งในเวลา 20.00 น.และเวลา 22.40 น.จะอ่านคำสั่ง กปปส.

รายละเอียด สุเทพ ประกาศคณะกรรมการ กปปส.

เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นอ่านประกาศคณะกรรมการ กปปส. ฉบับที่ 1/2556 เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ความว่า

ประกาศคณะกรรมการ กปปส. ฉบับที่ 1/2556
เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ความว่า "ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว.มีสาระสำคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐาน และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 อันเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ด้วยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง ซึ่งภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งดังกล่าว ได้แถลงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับการที่นายกรัฐมนตรีได้นำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ทั้งที่เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาและกระบวนการแก้ไขไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรคห้า ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ให้ต้องปฏิบัติตามเป็นเด็ดขาด และต่อมา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยยังมิได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร อันมาตรา 108 บัญญัติให้เป็นพระราชอำนาจ นับเป็นการกระทำอันล่วงละเมิดพระราชอำนาจอย่างชัดแจ้งที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีก ดังปรากฏตามแถลงการณ์ของสภาทนายความ การกระทำทั้งหลายดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกันจงใจกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต และตั้งต้นอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้ตกเป็นโมฆะนับตั้งแต่วันที่ประกาศไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการกระทำที่เป็นการจงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยไม่สุจริตดังกล่าว มีความร้ายแรงถึงขนาดที่ไม่อาจจะให้รัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจในนามของประชาชนได้อีกต่อไป

ดังนั้น แม้นายกรัฐมนตรีจะได้มีการประกาศยุบสภาไปแล้วก็ตาม ก็ไม่ส่งผลให้รัฐบาลที่สิ้นสภาพไปแล้วรักษาการต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นไปตามความดังกล่าวข้างต้น จึงถือได้ว่าเวลานี้ ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะสูญญากาศ เนื่องจากไม่มีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว จึงชอบที่จะต้องมีการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยการจัดให้มีนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยตามเจตจำนงของมวลมหาประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้มวลมหาประชาชนได้มั่นใจกับหลักการประชาภิวัฒน์ ด้วยวิธีสงบ สันติ อหิงสาต่อไป และศรัทธาเชื่อมั่นในความเป็นรัฏฐาธิปัตย์แห่งมวลมหาประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง และได้ทวงคืนกลับมาไว้ได้โดยสิ้นเชิง และพร้อมที่จะประชาภิวัฒน์ประเทศไทยโดยเร็วต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ 10 เดือนธันวาคม พ.ศ.2556

ลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เลขาธิการคณะกรรมการ กปปส.

http://astv.mobi/AgWxkJC
"กปปส.ประกาศ “ยิ่งลักษณ์-รัฐบาล” โมฆะ-เล็งหานายกฯ ใหม่"..//**“สุเทพ” อ่านประกาศ กปปส.ชี้นายกฯ-รัฐบาลโมฆะตั้งแต่ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ หนำซ้ำยุบสภาโดยไม่รอพระราชกฤษฎีกา เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดหานายกรัฐมนตรีใหม่ ที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ พร้อมขอให้มั่นใจแนวทางประชาภิวัฒน์ต่อผู้ชุมนุม
       

       
       วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่แยกสวนมิสกวัน เมื่อเวลา 19.15 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้อ่านประกาศ คณะกรรมการ กปปส.ฉบับที่ 1/2556 เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลโมฆะตั้งแต่วันที่ประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
       
       ขณะเดียวกัน การประกาศยุบสภา โดยไม่รอพระราชกฤษฎีกา เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้รัฐบาลยุบสภาแต่ก็ไม่สามารถรักษาการต่อได้ นายกรัฐมนตรีเป็นโมฆะ จึงทำหน้าที่ไม่ได้แล้ว เมื่อรัฐบาลไม่มีอำนาจรักษาการ ขณะนี้จึงเป็นสุญญากาศ เป็นช่องว่างทางอำนาจ จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนในการจัดหานายกรัฐมนตรีใหม่ ที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชาภิวัตน์ครั้งนี้ และจะประกาศความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
       
       มีรายงานว่า นายสุเทพ จะปราศรัยอีกครั้งในเวลา 20.00 น.และเวลา 22.40 น.จะอ่านคำสั่ง กปปส.
       
       รายละเอียด สุเทพ ประกาศคณะกรรมการ กปปส.
       
       เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นอ่านประกาศคณะกรรมการ กปปส. ฉบับที่ 1/2556 เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ความว่า
       
       ประกาศคณะกรรมการ กปปส. ฉบับที่ 1/2556
       เรื่อง ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี
       
       ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ความว่า "ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว.มีสาระสำคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐาน และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 อันเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ด้วยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง ซึ่งภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งดังกล่าว ได้แถลงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับการที่นายกรัฐมนตรีได้นำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ทั้งที่เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาและกระบวนการแก้ไขไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรคห้า ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ให้ต้องปฏิบัติตามเป็นเด็ดขาด และต่อมา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยยังมิได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร อันมาตรา 108 บัญญัติให้เป็นพระราชอำนาจ นับเป็นการกระทำอันล่วงละเมิดพระราชอำนาจอย่างชัดแจ้งที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีก ดังปรากฏตามแถลงการณ์ของสภาทนายความ การกระทำทั้งหลายดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกันจงใจกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต และตั้งต้นอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้ตกเป็นโมฆะนับตั้งแต่วันที่ประกาศไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการกระทำที่เป็นการจงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยไม่สุจริตดังกล่าว มีความร้ายแรงถึงขนาดที่ไม่อาจจะให้รัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจในนามของประชาชนได้อีกต่อไป
       
       ดังนั้น แม้นายกรัฐมนตรีจะได้มีการประกาศยุบสภาไปแล้วก็ตาม ก็ไม่ส่งผลให้รัฐบาลที่สิ้นสภาพไปแล้วรักษาการต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นไปตามความดังกล่าวข้างต้น จึงถือได้ว่าเวลานี้ ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะสูญญากาศ เนื่องจากไม่มีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว จึงชอบที่จะต้องมีการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยการจัดให้มีนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยตามเจตจำนงของมวลมหาประชาชนต่อไป
       
       ทั้งนี้ ขอให้มวลมหาประชาชนได้มั่นใจกับหลักการประชาภิวัฒน์ ด้วยวิธีสงบ สันติ อหิงสาต่อไป และศรัทธาเชื่อมั่นในความเป็นรัฏฐาธิปัตย์แห่งมวลมหาประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง และได้ทวงคืนกลับมาไว้ได้โดยสิ้นเชิง และพร้อมที่จะประชาภิวัฒน์ประเทศไทยโดยเร็วต่อไป
       
       ประกาศ ณ วันที่ 10 เดือนธันวาคม พ.ศ.2556
       
       ลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
       เลขาธิการคณะกรรมการ กปปส.

http://astv.mobi/AgWxkJC

ไม่มีความคิดเห็น: