PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

จากเพื่อนคนหนึ่งของสุทิน ธาราทิน....


มกลับมาจาก รพ วิภาราม เมื่อช่วงค่ำ นั่งตรึกตรองกับตัวเองว่าจะเขียนถึง สุทิน อย่างไรดี ด้วยความ คาดไม่ถึง จริงๆ ผมรู้จัก สุทิน เมื่อปี 2521 เมื่อเข้าเรียน ญว เราอยู่ห้องเดียวกัน คือ 4/3 สุทิน เปน ผู้ชายตัวเล็ก ผอม ดูจริงจัง บ้านสุทินอยู่แถวรถไฟ ขณะที่ผมอยู่ในกลุ่มที่ เพื่อค่อนข้างเอาแต่สนุกสนาน อยู่ไปซักพัก ผมกับสุทินสนิทกันท่าไหนไม่รู้ และอาจมีหลายคนในห้องไม่รู้ เราเรียนมัธยมปลายในช่วงหลังประชาธิปไตยเบ่งบาน รุ่นพี่หลายคนเดินทางเข้าป่า เพื่อต่อสู้ทางอาวุธกับรัฐบาล แต่เรายังเด็ก โตไม่ทัน สุทินมักแวะเวียนมาชวนคุยเรื่องการเมือง เรื่องความทุกข์ยากของประชาชน เรื่องชาวนา กรรมกร ชนชั้นแรงงานและกรรมาชีพ สุทินชี้ให้เห็นการกดขี่ข่มเหงและเอาเปรียบจากผู้มีอำนาจ ชนชั้นปกครอง นายทุน ผมฟังเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง สุทินเอาหนังสือหลายเล่มของมาร์กซ์ และ เลนิน มาให้อ่าน จำได้ว่า มี ปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี แค่ชื่อเรื่องก้อไม่เข้าใจซะแล้ว แต่ก้ออ่าน แบบไม่ค่อยเข้าใจ สุทินเอา เทปคาสเซท เพลงเพื่อชีวิต และของวงดนตรีในป่ามาให้ฟัง ความจริงเก็บไว้นาน จนเมื่อย้ายไปมา จึงหายไป เสียดายจนถึงตอนนี้ ผมก้อบอกสุทินว่า ความจิง พ่อผมก้อนอนฟังสถานีวิทยุคลื่นสั้น ของ พคท ทุกวัน น่าจะเปนจุดที่เข้ากันได้ ผมเคยถามสุทินว่า ถ้าผมสอบแพทย์ และวิศวะ ไม่ได้ ผมควรเรียนอะไร ระหว่าง รัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ สุทินตอบว่า นิติศาสตร์ เป็นหลักกฏหมาย และเปนความจริงแท้ แต่ รัฐศาสตร์ ขึ้นอยู่กับผู้สอนและตำราว่าใครเขียน ชนชั้นปกครองจึงเขียนการปกครองที่กดขี่ข่มเหงประชาชน ผมจำคำสุทินว่าไว้ประมาณนี้ โชคดีหรือโชคร้ายไม่ทราบที่ผมสอบติดแพทย์ แต่นั่นคงเปนเหตุผลที่สุทินเลือกเรียนนิติศาสตร์ที่รามคำแหง เมื่อติดแพทย์ สุทินยังสอนผมให้รับใช้ประชาชน ให้ดูแลคนยากจน ไม่่คนร่ำรวย ผมก้อจำคำสุทินและปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้ผมคิดผิดหรือถูก ผมติดข้อคิดของสุทินไว้ในใจตลอดเวลา ผมทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เล่นดนตรีเพื่อชีวิต ออกค่ายอาสา ยามว่างถกเรื่องการเมืองกัน ในปีที่เราเข้ามหาวิทยาลัย เปนปีที่เริ่มมี นโยบาย 66/23 ทำให้มีคนป่ากลับสู่เมือง ที่เรียกว่า จากวนาสู่นาคร แต่้ราก้อยังถกการเมืองกันในกลุ่ม แต่เวลาที่ผ่านพ้นไป ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อะไรก้อเปลี่ยนแปลง ผมไม่เจอสุทินเลยนับแต่ไปเรียนหนังสือ พยยามติดตามแต่ก้อไม่พบข่าว แต่เวลาคุยเรื่องการเมือง ในใจผมคิดถึงสุทิน เสมอ ผมได้ยินข่าว สุทิน เมื่อเริ่มมีข่าวว่า เขาร่วมในกลุ่มจัดตั้ง องค์กรพิทักษสยาม และมีข่าวเขาเปนแกนนำ ผมดีใจที่ได้ยินชื่อสุทินอีกครั้งหนึ่ง ที่ดีใจกว่านั้นคือ สุทินยังไม่ทิ้งวงการ เมื่องานเลี้ยงรุ่นประมาณเดือนพฤษภาคมปีนี้ ผมเจอสุทิน ตังจริงในงาน และนั่นเปนครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เจอสุทินตัวเปนๆ สุทินอ้วนขึ้น ดูภูมิฐาน พูดจาดี เหนเพื่อนดื่มกัน สุทินบอกว่า เขาเคยดื่มเหล้าหนัก แต่ขณะนี้เขาเลิกเด็ดขาด และตั้งใจศึกษาธรรมะ เขาเล่าว่า แต่งงาน มีลูกเล็กๆ 1 คน เขาจบปริญญาโท ทำงานเปนนักวิชาการอิสระ เกี่ยวกับองค์กรอะไรสักอย่างผมฟังไม่ถนัด ถามว่า ทำไมออกมาต่อต้านรัฐบาล เขาเล่าว่า สมัยหนึ่ง เขาเคยช่วยในโครงการบางเรื่องด้วยซ้ำ เพราะเหนว่า เปนผู้มีความตั้งใจดี แต่เมื่อผ่านไป เริ่มเหนว่า การณ์ไม่เปนดั่งที่คิดไว้ เขาจึงถอนตัว แต่เมื่อเห็นว่า ถ้าปล่อยไว้คงไม่ดีแน่ เขาจึงออกมาขับไล่ ผมรับฟัง ยังบอกว่า ทุกคนทำตามบทบาทของตนเองไป แต่ก้อบอกเพื่อนว่า เอาใจช่วยเพื่อนเสมอและตลอดเวลา เมื่อการต่อสู้รุนแรงขึ้น ผมติดตามข่าวสุทินตลอดเวลา ประกอบกับมีเพื่อนอย่าง เกาะ และคนอื่นๆที่เข้าร่วมกิจกรรมคอยส่งข่าวมา เมื่อเช้า ผมแปลกใจที่ สุทินโพสเฟสไว้ว่า เจอ เกาะกับนก ผมยังเขียน เม้น เพื่อนไปว่า เอาใจช่วย ตอน 11 โมง พอบ่ายเริ่มมีคนโพส คนโทมาถามว่า สุทิน ถูกยิงจิหรอ ผมใจไม่ดี ภาวนาว่าขอให้ไม่จิง ทั้งที่คิดในใจว่า คงจิง และแล้ว เพื่อนก้อจากเราไป ผมเปนพวกไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก้อตาม แต่เหตุครั้งนี้อุกอาจนัก กลางวันท่ามกลางผู้คนรวมถึงตำรวจมากมาย มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย ใบไม้หนึ่งที่ปลิดปลง คงไม่ร่วงหายเลยเปล่า การเสียสละตัวเองของใบไม้ เพื่อให้ต้นยังสงวนน้ำไว้ และให้กำเนิดใบใหม่ที่เข้มแข็งกว่า และเกิดดอกออกผลที่งดงามต่อไป สุทินต้องไม่ตายเปล่า อุดมการณ์ของเขาจะถูกสานต่อ เขาจะอยู่ในใจของผองชนตลอดกาล หลับให้สบายเถิดเพื่อน พิมพ์ต่อไปไม่ไหว น้ำตาไหล รักเพื่อเว้ย

ไม่มีความคิดเห็น: