PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ความเคลื่อนไหว ครม.ประยุทธ์1เข้าทำเนียบฯและกระทรวงฯมอบนโยบาย

ประยุทธ และ รมต.เข้าทำเนียบฯกระทรวงฯมอบนโยบาย

พล.อ.ประยุทธ์ เข้าห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว ฤกษ์ 09.09 น. ข้าราชการให้การต้อนรับจำนวนมาก ยังใช้รถประจำตำแหน่ง ผบ.ทบ. เหมือนเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยถือฤกษ์เวลา 09.09 น. เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ โดยมี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นางเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยข้าราชการทำเนียบรัฐบาลให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังใช้รถประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก่อนที่จะหมดวาระตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายนนี้
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางเข้าทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังถือเป็นวันครบกำหนดส่งคืนตึกบัญชาการ 2 หลังทำการบูรณะมากว่า 45 วัน ซึ่งเบื้องต้นยังไม่เรียบร้อยดี เหลือการตกแต่งอีกเล็กน้อย
--
พล.อ.ประวิตร มั่นใจแก้ปัญหาความมั่นคง เพื่อความปลอดภัยของ ปชช. เห็นผลชัด 1-2 เดือนนี้ คุยสันติสุขแก้ไฟใต้ รอรายงานเลขาฯ สมช.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก ว่า ในส่วนของตนเองได้ดูแลรับผิดชอบในด้านความมั่นคง โดยจะดูแลให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างครอบคลุม ลดปัญหาอาชญากรรม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้กำลังสั่งการเพื่อให้เกิดการทำงานที่ชัดเจน พร้อมกับจะเรียกประชุมหน่วยงานของรัฐในเร็ววันนี้ และจะทำให้เห็นผลชัดเจน ภายใน 1-2 เดือน
ส่วนนโยบายการปราบคอร์รับชั่นนั้น ตนเองไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม เพราะทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลได้พูดชัดเจนแล้ว ว่าทุกหน่วยงานของรัฐจะต้องมีเรื่องขจัดการคอร์รัปชั่นแทรกเข้าไปอยู่ด้วย โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมที่จะต้องมีความโปร่งใสและความปรองดองเป็นที่ตั้ง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ขอให้มีความเชื่อมั่น โดยจะต้องนำพาประเทศเดินต่อไปให้ได้ ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันยืนยันว่าประเทศจะเดินต่อไปได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องการพูดคุยสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีการเรียกประชุมเร็ว ๆ นี้
----------
พล.อ.อนุพงษ์ รู้สึกเป็นเกียรติเข้ามารับผิดชอบงานมหาดไทย ยึดหลักโปร่งใส ความซื่อตรง ทำงานเพื่อประชาชน ย้ำไม่มีวาระทางการเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวมอบนโนบายต่อผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ว่า รู้สึกเป็นเกียรติในการเข้ามารับผิดชอบหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นถืองานสำคัญ นอกจากนี้ หากหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งใจทำงานตามความคาดหวังของประชาชน ได้แก่ ความโปร่งใส ความซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้เพื่อนำความเจริญและความสุขไปสู่ประชาชน ก็จะถือว่า ได้ทำหน้าที่
หลักของกระทรวงได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้จะต้องไม่มีเรื่องของการทุจริตหรือไม่ถูกต้อง รวมถึงใครทำผิดต้องดำเนิน
การตามความผิด
นอกจากนี้ การเข้ามาทำงานในครั้งนี้ ไม่มีวาระทางการเมือง ดังนั้นเมื่อทำการปฏิรูปตามโรดแมป ที่ได้ตั้งไว้ ก็ถือว่าหมดหน้าที่และจะส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สานต่อการทำงานต่อไป ขณะที่ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวบรรยายสรุปการทำงานของกระทรวงที่รับมอบภารกิจจาก คสช. การตั้งศูนย์ดำรงธรรม เป็นต้น
-------------
พีระศักดิ์ ระบุ สนช. ยังไม่หารืออย่างเป็นทางการ สอบจัดซื้อจัดจ้างไมโครโฟนห้องประชุม ครม. เชื่อไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์รัฐบาล
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการให้คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการใช้งบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อจัดจ้างห้องประชุมคณะรัฐมนตรีที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า ขณะนี้ สนช. ยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีเชิญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ฝ่ายกิจการพิเศษ ในฐานะดูแลรับผิดชอบการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารภายในทำเนียบ กรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวในที่ประชุม สนช. ที่มีขึ้นในสัปดาห์นี้ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับตามอง

อย่างไรก็ตาม นายพีระศักดิ์ เชื่อว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของรัฐบาล เพราะคณะรัฐมนตรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลก็ได้รับผิดชอบด้วยการให้ คตร. เร่งตรวจสอบ
--------------
นายกฯ เดินทางเป็นประธาน การแถลงยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ทหาร ของ น.ศ.วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) 2556
             พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางมาเป็นประธานในงานแถลงยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2558-2562 โดยคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี 2556 โดยมี ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทนเหล่าทัพ ข้าราชการ นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมภายในงานอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะให้ข้อคิดเห็นภายหลังที่มีการแถลงยุทธ์ศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหารแล้วเสร็จ โดยการแถลงยุทธ์ศาสตร์ชาติยุทธ์ศาสตร์ ทหารในครั้งนี้ มีการกำหนดจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่ "การปฏิรูปประเทศ สร้างความผาสุกให้คนในชาติ"
---------
พล.อ.อนุพงษ์ ยัน สานต่องานปรองดอง มั่นใจสำเร็จใน 1 ปี ขู่หากพบทุจริตซื้อไมโครโฟนจัดการแน่นอน โยกย้าย ขรก.เสร็จภายในเดือนนี้
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายแก่ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงประจำกระทรวง ว่า การดำเนินการด้านการปรองดองจะสานต่อการดำเนินของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่ง กระทรวงมหาดไทย จะใช้กลไกการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สร้างความเข้าใจกับประชาชน และเตรียมประชุม ร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อมอบนโยบายสร้างความปรองดองอีกครั้ง โดยเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการสำเร็จได้ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ยังได้ยืนยันถึงการทำงานด้วยความโปร่งใส ซึ่งเป็นวาระสำคัญตามโรดแมป ของ คสช. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไว้อยู่แล้ว
ในส่วนกรณีการจัดซื้อไมโครโฟนที่ใช้ในห้องประชุมภายในทำเนียบรัฐบาล ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภาครัฐเข้ามาดูแล ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริตจริงก็จะมีบทลงโทษอย่างแน่นอนเนื่องจากเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ในส่วนเรื่องบัญชีรายชื่อโยกย้ายข้าราชการจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ตนเองพร้อมชี้แจงข้อมูลการทำงานแก่สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป
---------------
"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" เตรียมวางรากฐานเศรษฐกิจไทยไปสู่ "ดิจิตอล-อีโคโนมี" เร่งทำงานตามนโยบายข้อ 6 ให้เกิดผลจริง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลถึงกรอบการทำงานด้านเศรษฐกิจ ว่า เตรียมวางรากฐานเศรษฐกิจไทยไปสู่ "ดิจิตอล-อีโคโนมี" ที่ต้องเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานในการใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต่างชาติ ทั้งประเทศสิงคโปร์ เกาหลี และญี่ปุ่น สนใจ
ทั้งนี้ ส่วนตัวจะเร่งทำงานตามนโยบายรัฐบาล ข้อ 6 ให้เกิดผลจริง โดยเริ่มจากการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชน ภายใน 3 เดือน นี้ และข้อ 7 ในการวางรากฐานเศรษฐกิจทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม คมนาคม การปรับปรุงโครงสร้างน้ำมัน เป็นต้น เพื่อวางรากฐานให้รัฐบาลชุดต่อไปเข้ามาสานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยว่า ได้เสนอชื่อ นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเลขานุการรองนายกรัฐมนตรี และ นายอำนวย ปะติเส อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และตั้งบุคคลเป็นผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี อีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 16 ก.ย. นี้
-------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมหารือข้าราชการระดับสูง วางแนวทางการทำงาน
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเข้ากระทรวง เพื่อประชุมร่วมกับข้าราชการระดับสูง แลพนักงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ในการวางกรอบการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายของทางคณะรัฐมนตรีที่ได้มีการแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ก่อนหน้านี้ รวมทั้งจะมีการวางแนวทางการทำงานเรื่องเร่งด่วนให้มีความสอดคล้องกับการทำงานของทาง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมแล้วเสร็จ จะมีการแถลงนโยบายการดำเนินงานภายใต้กรอบ 5 ยุทธศาสตร์หลักของรัฐบาลพร้อมวางเป้าหมาย 1 ปีเห็นผล ภายใต้หลักการ "ทำก่อน ทำจริง ทำเร็ว เพื่อความยั่งยืนในอนาคต" อีกด้วย
---------
พล.อ.ฉัตรชัย พร้อม รัฐมนตรีช่วยฯ พาณิชย์ เข้ากระทรวงแล้ว เปิดให้ข้าราชการระดับ ผอ. ร่วมรับฟังนโยบาย
ในวันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางถึงกระทรวงพาณิชย์ ในเวลา 09.00 น. และได้เข้าประชุมมอบนโยบาย ให้กับผู้บริหาร
และข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์ทันที โดยในครั้งนี้ได้ใช้ห้องประชุมชั้น 12 ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
เป็นสถานที่ในการจัดการประชุม เพราะเป็นห้องประชุมใหญ่สามารถจุคนได้จำนวนมาก เนื่องจากการมอบนโยบายของ
พล.อ.ฉัตรชัย ในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการเข้าร่วมรับฟังนโยบายด้วย จากธรรมเนียม
ปฏิบัติเดิมที่จะให้ผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับรองอธิบดี เข้ารับนโยบายเท่านั้น และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการมอบนโยบาย
ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย
----
รัฐมนตรีพาณิชย์ มอบนโยบายเน้นดูแลสินค้าเกษตร แทรกแซงราคาเท่าที่จำเป็น กำหนดเป้าส่งออกปีหน้าที่ 4%
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบนโยบายให้กับผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เน้น 2 ยุทธศาสตร์สำคัญสอดรับกับการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยยุทธศาสตร์เร่งด่วนคือการดูแลสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวต้องได้ราคาดีรักษากลไกตลาดและจะมีการแทรกแซงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ในขณะที่การระบายข้าวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดประมูลเป็นการทั่วไปและการขายแบบ G2G แต่จะต้องดูแลไม่ให้ราคาข้าวฤดูกาลใหม่มีราคาตกต่ำ ซึ่งราคาข้าวจะต้องไม่ต่ำกว่า ตันละ 8,500 บาท และสำหรับการดูแลภาคการส่งออกนั้นได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เร่งหาตลาดใหม่ และเน้นการค้าชายแดนให้มากขึ้น รักษาตัวเลขการส่งออกในปีนี้ให้ขยายตัวร้อยละ 3.5 และเป้าหมายการส่งออกในปีหน้าอยู่ที่ร้อยละ 4
-------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมเรียกผู้ประกอบการ คุยตรึงราคาสินค้าเดือนนี้ พร้อมวางรากฐาน พณ. ระยะยาวให้ยั่งยืน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงนโยบายในการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน ว่าหลังจากจะสิ้นสุดมาตรการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าในช่วงเดือนพฤศจิกายน ภายในเดือนนี้ตนจะเรียกผู้ประกอบการมาประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสมว่ายังจำเป็นต้องมีการตรึงราคาสินค้าต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีต้องดูแลให้ภาคเอกชนเห็นแก่ประชาชนแต่จะต้องมีความเข้าใจในภาคเอกชนด้วยเพราะเสียโอกาสทางการค้ามาแล้วตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่สถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สงบ และสำหรับนโยบายในระยะยาวของ กระทรวงพาณิชย์ ในระยะ 10 ปีนี้ จะต้องมีการวางรากฐานกำหนดเป้าหมายให้มีความยั่งยืน เน้นความร่วมมือในการทำการค้าระหว่างประเทศทั้งในกรอบของอาเซียน อาเซียนบวกสาม และอาเซียนบวกหก
----------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หวัง จีดีพี ปีนี้ โต 2% มองปีหน้าฟื้นตัว หลังนโยบายรัฐชัดเจน
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ว่า จะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 2 ซึ่งหากขยายตัวได้ตามเป้า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยมองว่าไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา รวมทั้งมีงบประมาณของภาครัฐที่ยังค้างท่อ และมีการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐผ่านนโยบายต่าง ๆ จะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 2 ขณะที่ ปีหน้ามั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน เพราะปีนี้ มีฐานต่ำ
ขณะที่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ vat ที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 และจะมีการปรับขึ้นเป็นร้อยละ 10นั้น นายสมหมาย กล่าวว่า จะต้องดูตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ
------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว เดินทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมมอบนโยบายผู้บริหารและข้าราชการ
บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. นางกอบกาญจ์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ถือฤกษ์ดีเดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ โดยมี นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารและหน่วยงานในสังกัดดระทรวงฯ รอให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ภายหลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวงฯ แล้วเสร็จ ได้เดินทางมายังห้องประชุม 1 เพื่อมอบนโยบายแก่ผู้บริหารและข้าราชการ
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีพร้อมทั้งแนะนำหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากนั้นผู้บริหารและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ รวมถึงภาคเอกชนได้แสดงความยินดีและมอบของที่ระลึก
---------
/////////
คดี ชายชุดดำ
"สมยศ" เผย โอนคดี 5 ชุดดำ ให้ DSI สอบ เร่งล่าอีก 2 ย้ำหลักฐานชัด - รอ กริชสุดา ชี้แจงหลักฐานการโอนเงิน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหา
"ชายชุดดำ" 5 ราย ที่ก่อเหตุป่วนในการชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 ว่า สำหรับการสืบสวนสอบสวนอยู่ในความ
รับผิดชองของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แล้ว เพื่อติดตามผู้ต้องหาอีก 2 รายที่กำลังหลบหนีแต่ด้านการดำเนิน
คดี ข้อหาครอบครองอาวุธสงครามนั้น ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ด้านกรณีที่ นายถาวร เสนเนียม
อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมายืนยันว่า ชายชุดดำมีอยู่จริง โดยมี 4 คน ที่ติดต่อ และบอกเล่าข้อเท็จ
จริง ว่ามีใครบ้างอยู่เบื้องหลังนั้น ไม่ทราบว่าเป็นจริงแค่ไหน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ นายถาวร ที่จะนำหลักฐานพยานมายืน
ยันกับประชาชนเอง โดนแนวทางในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่กับหลักฐานพยานมากกว่า จะไม่เอาความคิดเห็น
หรือข้อมูลของบุคคลใด มาเป็นองค์ประกอบทางคดีแน่นอน
ซึ่งการติดตามคนร้ายอีก 2 รายนั้น เจ้าหน้าที่ก็เร่งสืบสวนจับกุม แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ด้านคดีทางการเมืองเมื่อปี 53 นั้น ก็เร่งทยอยคลี่คลายตามพยานหลักฐาน สำหรับการตรวจสอบหลักฐานการโอนเงิน ของ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล สหายสุดซอย ให้กับผู้ต้องหาทั้ง 5 รายนั้น ยังไม่ยืนยันว่าเป็นเงินค่าอะไรและไม่ได้ปรักปรำว่าเป็น
เงินค่าจ้าง ซึ่งต้องรอ น.ส.กริชสุดา เข้ามาชี้แจงถึงรายละเอียดเอง ด้านการติดต่อกับ น.ส.กริชสุดา ก็คงจะไม่มีการ
ติดต่อ โดย พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวแล้วจากกรณีดังกล่าวไม่ได้รู้สึกกดดันกับการทำงาน เพราะการดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมทุกขั้นตอน ย้ำเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ พนักงานสอบสวนทำงานด้วยความโปรงใส ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่
----------
รอง ผบก.บก.ป. เผย สั่งฟ้อง ชายชุดดำทั้ง 7 คน ข้อหามีอาวุธครอบครองไม่ได้รับอนุญาต เตรียมส่งสำนวนให้
อัยการกองคดีอาญา วันนี้
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มชายชุดดำ ที่ก่อเหตุใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชน ในช่วงการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า คดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 312/2557 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 2557 ตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับชายชุดดำนั้น แนวทางการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ทราบว่า มีผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 8 คน แต่ 1 ในนั้น เสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือผู้ต้องหา 7 คน และตำรวจติดตามจับกุม ได้แล้วรวม 5 คน และทุกคนให้การรับสารภาพ พร้อมกับนำชี้ ที่เกิดเหตุ มีความสอดคล้องกับเหตุการณ์และแนวทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ รวมถึง นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น ซึ่งสื่อมวลชน สามารถบันทึกภาพไว้ได้ ในวันเกิดเหตุ
ดังนั้น คณะพนักงานสอบสวน จึงมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้ง 7 คนในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรโดยจะส่งสำนวน จำนวน 2 แฟ้ม มีความหนา 775 หน้า ให้อัยการกองคดีอาญา ในวันนี้
-----------
วรัญชัยบุกยื่นหนังสือชื่นชม สมยศจับชายชุดดำ พร้อมจี้เร่งรัดติดตามคดี เสธ.แดง - 6 ศพ วัดปทุมวัน
ชี้เพื่อความเป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติ
นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มพลังประชาธิปไตย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชากาตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.วิฑูร เหลืองอมรศักดิ์ ผู้กำกับการตำรวจสันติบาล 3 กองบัญชาการตำวจสันติบาล เป็นตัวแทนรับหนังสือ สำหรับเนื้อหาสำคัญในหนังสือระบุว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.สมยศ ได้จับกุมชายชุดดำที่ก่อการร้ายต่าง ๆ บริเวณสี่แยกคอกวัว ในเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2553 อันเป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หรือ เสธ.เปา อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต กลุ่มพลังประชาธิปไตย ขอชื่นชมที่สามารถติดตามจับกุมได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้ดำเนินการสืบสวนและจับกุมในคดีของอีกฝ่าย เพื่อความเป็นธรรมและเสมอภาคเท่าเทียมกันไม่เลือกปฏิบัติ โดยไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะคนที่เสียชีวิตล้วนเป็นคนไทยเช่นกัน และทุกฝ่ายกำลังจับตา โดยมีคดีที่ยังไม่คืบหน้า 3 คดี คือ คดีการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง คดีฆ่า 6 ศพ ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ตลอดจนคดี 98 ศพ เมื่อปี 2553 ซึ่งกลุ่มพลังประชาธิปไตย จะติดตามความคืบหน้าของคดีเหล่านี้ คู่ขนานกับคดีชายชุดดำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย
/////////////
สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ดีขึ้น ด้าน พระนครศรีอยุธยา น้ำยังคงล้นตลิ่ง จนท.เร่งช่วยเหลือ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 29 จังหวัด รวม 77 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,374 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 26 จังหวัด เหลือเพียง 3 จังหวัด คือ จังหวัดสุโขทัย ยังเหลือท่วมที่ลุ่มและพื้นทีการเกษตร 4 อำเภอ จังหวัดพิษณุโลก ยังมีน้ำท่วมขัง 3 ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง และ จังหวัดพิจิตร ปัจจุบันมีน้ำท่วมใน 2 อำเภอ ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลผ่านทรงตัว
ขณะที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2 อำเภอ คือ อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่กว่า 10 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,406 ครัวเรือน ทาง ปภ.จังหวัด ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบความเสียหายเพื่อทำการช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยสามารถแจ้งเหตุ หรือติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำจังหวัด ประจำสาขา หรือโทรสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ช.ม. เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วน
---------
เครือข่ายปชช.ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมสงขลา-สตูล ยิ่นหนังสือถึงนายกฯ คัดค้านนโยบายก่อสร้างท่าเรือเชื่อมทะเลอันดามัน-อ่าวไทย
เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสงขลา-สตูล เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านนโยบายก่อสร้างท่าเรือเชื่อมชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดยกำหนดให้มีการพัฒนาระบบคมนาคมเพื่อขนส่งสินค้าทางน้ำระหว่างสองฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยซึ่งหมายถึงโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือในจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ที่การก่อสร้างส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จึงขอให้รัฐบาลศึกษารายละเอียดและข้อมูลให้รอบด้าน รวมถึงยุติการดำเนินการใดๆ ของหน่วยงานราชการในพื้นที่ซึ่งนำไปสู่การจัดทำโครงการดังกล่าวต่อไป
------------
นายกฯ บอก น.ศ.วปอ. ไม่ได้ยึดอำนาจรัฐบาล เก่าแต่เข้ามาแก้ขัดแย้ง
///เข้าหน้าเปิด/// นายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับข้อเสนอยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหารของนักศึกษา วปอ. ปี 2556 พร้อมยืนยัน รัฐบาลไม่ได้เข้ามายึดอำนาจบริหาร แต่เป็นการเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง เพื่อให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า และเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยขอให้มั่นใจในการทำงานของ คสช.และรัฐบาล
///โดยภารกิจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงบ่าย เป็นประธานงาน การแถลงยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ.2558-2562 โดย คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 2556 ซึ่งมีนายประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และข้าราชการทหารระดับสูงเข้าร่วม

สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ มีสาระสำคัญ ให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง มีเกียรติและศักดิ์ศรีในสังคทโลก สังคมแห่งการเรียนรู้ ควบคู่คุณธรรม มีคุณภาพชีวิตที่ดี และรักษาสิ่งแวดล้อม กำหนดวัตถุประสงค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะ 5 ปี คือ มีการปฏิรูปการเมือง มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งลดความเหลื่อมล้ำของสังคม มัการกระจายโอกาสทางการศึกษา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าขณะนี้ เป็นปัญหาเดิม ซึ่งสิ่งที่ต้องดำเนินการคือการปรับประชาธิปไตยให้เหมาะสมกับประเทศ และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งตนพอใจที่รัฐบาล เหล่าทัพ ภาคเอกชน และประชาชน มีความเห็นในแนวทางเดียวกัน ทั้งด้านความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ให้ทันต่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ขณะเดียวกัน ในการทำงาน จะต้องทำให้วิกฤติเป็นโอกาส เพื่อแก้ปัญหา และพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นนั้นก็ต้องแก้ปัญหาในทุกมิติ เพราะมีความเกี่ยวพันในทุกๆเรื่อง

ขณะที่ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยัน เป็นเรื่องภายในประเทศ ซึ่งจะต้องระมัดระวัง ไม่ให้ขยายไปยังต่างประเทศ โดยขณะนี้ รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงกำลังเร่งรัดดำเนินการให้ดีขึ้นผ่านการพูดคุยเจรจา เพื่อให้เกิดความสันติสุข

ไม่มีความคิดเห็น: