PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว17ก.ย.57

@นายกมอบนโยบายห้ามขรก.พลาดทุจริต ร่วมยุติขัดแย้งทำปรองดองลุยปฏิรูปปัดต่างตอบแทน-ยันไม่คิดตั้งพรรคการเมือง
@ประยุทธ์อารมณ์ดีร้องเพลงคืนความสุข-จับตากริชสุดาขอคนเห็นต่างคุย
@คุมพล.ท.มนัสพวกอีก7ฟ้องอัยการศาลทหารคดียึดอาวุธล่าอีก4รวมจักรภพ
@นายกฯขู่ถ้านร.ตีกันจะสั่งปิดรร.จนกว่าตร.สอบเสร็จ
@ผลผ่าศพ2ฝรั่งพบคราบอสุจิ,แผลต่อสู้รอผลDNA1วัน-ตร.คาดฝีมือเพื่อน
///////

นายกรัฐมนตรี เตรียมประชุมส่วนราชการ มอบนโยบายทำงาน 1 ปี บ่ายนี้ คาด ช่วงเช้าเข้า ทบ. ประชุมหน่วยขึ้นตรง

ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ เวลา 13.30 น. เตรียมเป็นประธานการประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการ หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อหารือถึงแผนปฏิบัติการดำเนินงานที่แต่ละกระทรวงจะต้องไปจัดทำให้สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลและดำเนินการตามแผนให้สัมฤทธิ์ผลภายในระยะเวลา 1 ปี ส่วนช่วงเช้า คาดว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้ากองบัญญาการกองทัพบก เนื่องจาก วันนี้มีประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ที่ต้องมอบหมายงานให้ทำงานควบคู่ทั้ง คสช. และรัฐบาล ขณะที่บรรยากาศการรักษาความปลอดภัยทั้งในและโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ยังคงมีการวางกำลังตำรวจและทหารดูแลอย่างเข้มงวด
----
นายกรัฐมนตรี เตรียมประชุมข้าราชการระดับสูง พร้อมมอบนโยบายการทำงาน ขณะถ่ายทอดสดช่อง 11

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด บรรดารัฐมนตรี รวมถึงข้าราชการระดับสูง เริ่มทยอยรวมตัวที่ห้องประชุม ตึกสันติไมตรีแล้ว โดยในเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เตรียมเป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ต่อผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวง หัวหน้าผู้ตรวจราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ภายหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้ว ขณะเดียวกัน จะมีการมอบหมายแผนปฏิบัติงาน หรือ Action Plan ให้หน่วยงานแต่ละด้าน สานต่อนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร และต้องทำตามแผนให้สัมฤทธิ์ผลภายในระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ ช่วงที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบาย จะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์
-------
นายกมอบนโยบาย ขรก.ร่วมขับเคลื่อนประเทศ ยุติความขัดแย้ง รับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย พร้อมเร่งลุยแก้เศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มอบนโยบายรัฐบาลต่อข้าราชการระดับสูง เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพราะข้าราชการเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ และที่ผ่านมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมานาน ทำให้สภาพเศรษฐกิจชะงักลง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทำความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ

ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คสช. หลังควบคุมอำนาจการปกครอง สามารถแก้ปัญหาได้หลายส่วนและสภาวะบ้านเมืองปัจจุบันสงบสุข ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศที่กำหนดไว้ 11 ด้าน ตามโรดแมประยะที่ 2 ของรัฐบาล ส่วนการแต่งตั้งตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่มีสัดส่วนของทหารนั้น ไม่ได้เป็นการตอบแทนใคร แต่ไม่ต้องการให้เกิดการทุจริต
--------
นายกฯ ขอคนเห็นต่างที่อยู่ต่างประเทศกลับมาคุยกัน ตามความเคลื่อนไหวกลุ่มต้านต่อเนื่อง เตรียมนำ ครม. ลงพื้นที่ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายของรัฐบาลแก่ผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการ ว่ายังคงมีการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต่อต้านที่อยู่ในต่างประเทศ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน รวมถึง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ส่วนตัวอยากขอให้กลุ่มผู้เห็นต่างที่อยู่ในต่างประเทศเดินทางกลับมาพูดคุยกันเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า จะมีการนำคณะรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ขณะที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนตัวจะมีการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมร้องเพลงคืนความสุขให้ประชาชนกับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางเข้าถึงตึกไทยคู่ฟ้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
-----------
พล.อ.ประยุทธ์ ยัน ใช้งบประมาณคุ้มค่า ลุยปราบโกง แก้ค้ามนุษย์ แจง ครม. ทุก 3 ด. - รอผลสอบไมค์

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยืนยันกับข้าราชการระดับสูง ว่า การเข้ามาของรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ทำเพื่อชาติ พร้อมย้ำการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่สำคัญ ทั้งยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหาอาชญากรรม การค้ามนุษย์ เป็นปัญหาน่ากลัวที่ต้องเร่งแก้ไข โดยขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจการทำงานที่ต้องร่วมมือกัน และรายงานผลสัมฤทธิ์ของแต่ละหน่วยงานและหน่วยงานต่อคณะรัฐมนตรีทุก 3 เดือน

ทั้งนี้ ทุกกระทรวง ทุกฝ่ายต้องมีความอดทน เพราะประชาชนมีความเดือดร้อน จึงต้องลงพื้นที่เข้าหาประชาชน เพื่อไม่ให้ประชาชนออกมาชุมนุมอีก ส่วนความขัดแย้งในโรงเรียนที่ยกพวกตีกัน ต่อไปต้องสั่งปิดทันที

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอผลตรวจสอบขั้นตอนการจัดซื้อไมโครโฟนของห้องประชุมคณะรัฐมนตรีอยู่
////////////
วินธัย เผย คสช. ปรับโครงสร้างสอดคล้องรัฐบาล ขณะยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ด้านคดีชุดดำให้เป็นหน้าที่ตำรวจ

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในการปรับโครงสร้างใหม่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของรัฐบาล โดยจะดูแลด้านความมั่นคงพร้อมกับเป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ การยกเลิกกฎอัยการศึก ไม่ได้มีการวางกรอบระยะเวลา แต่จากที่ผ่านมาถือว่ามีความสงบเรียบร้อยขึ้น ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวอยู่และมีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งขอร้องให้เห็นแก่ประเทศชาติ เพื่อให้มีการเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ทาง คสช. และรัฐบาล จะเร่งสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้แก่นานาประเทศ

อย่างไรก็ตาม กรณีการจับกุมตัวชายชุดดำนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะมีการดำเนินการตามพยานหลักฐานอย่างแน่นอน
//////////
"พล.อ.สมเจตน์" เป็น ปธ. ประชุม กมธ.ร่างข้อบังคับ สนช. แทน "พีระศักดิ์" หลังติดภารกิจต่างประเทศ 

บรรยากาศที่รัฐสภา ล่าสุด คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมาธิการแทน นายพีระศักดิ์ พอจิตร ที่ติดภารกิจประชุมในต่างประเทศ

โดยที่ประชุมมีการเชิญสมาชิก สนช. ที่เสนอคำแปรญัตติเข้าร่วมประชุม ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สนช. ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่างข้อบังคับชุดเดิมเพื่อพิจารณา รวมทั้งมีการกำหนดแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ โดยสรุปคือให้รับคำแปรญัตติโดยสมาชิกที่ประสงค์จะแปรญัตติต้องแสดงความจำนงภายในวันที่ 12-15 กันยายนที่ผ่านมา จากนั้นได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการรวบรวมและประมวลคำแปรญัตติ

ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการจะต้องจัดทำรายงานการพิจารณาเสนอต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งในวันศุกร์ที่ 19 กันยายนนี้
---------
วิป สนช. ประชุมพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ที่ คสช. เสนอให้สภาพิจารณา เตรียมบรรจุเข้าสู่วาระ

บรรยากาศที่รัฐสภาล่าสุด ได้เริ่มต้นการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชั่วคราว หรือ วิป สนช. โดยมี พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์ รองประธานคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และมีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณาจำนวน 2 ฉบับ

รวมทั้งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งที่ประชุมได้เชิญตัวแทนตุลาการศาลปกครองเข้าร่วมประชุม เนื่องจากก่อนหน้านี้ตุลาการศาลปกครองได้รวมรายชื่อ 101 รายชื่อยื่นต่อประธาน สนช. ขอให้ชะลอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง เพราะเห็นว่าเนื้อหาบางส่วนยังไม่ครอบคลุม อีกทั้งยังไม่มีการส่งร่าง พ.ร.บ. ให้กับผู้พิพากษาของศาลปกครองให้พิจารณาก่อนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่คณะตุลาการศาลปกครองเข้าชี้แจงรายละเอียดต่อคณะกรรมาธิการนั้น ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามรับฟังด้วย
///////////
"วิษณุ" เตรียมร่วม ป.ป.ช. ชี้แจงขั้นตอนบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยในภาคเช้า ตั้งแต่เวลา 10.00 น. นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย จะร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. การร่วมชี้แจงขั้นตอนการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี ภายหลังรับตำแหน่งต่อ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ซึ่งประชุมร่วมกับรัฐมนตรีหรือตัวแทนรัฐมนตรีของทุกกระทรวง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้ยืนยันภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ว่า จะต้องชี้แจงทั้งหมด เพราะไม่มีอะไรปิดบัง
---
รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงขั้นตอนแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ครม. ยัน ต้องยื่นภายใน 30 วัน หมดเขต 3 ต.ค. นี้

นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวภายหลังการเข้าชี้แจงรายละเอียดการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะรัฐมนตรี ว่า การชี้แจงในวันนี้เพื่อให้รัฐมนตรี และข้าราชการทางการเมืองเข้าใจหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งตามกฎหมาย จะต้องยื่นภายใน 30 วัน คือวันที่ 3 ตุลาคม และในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ป.ป.ช. จะเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยบุคคลที่จะต้องยื่นบัญชี คือ คณะรัฐมนตรี และคู่สมรส รวมถึงบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยขณะนี้ ยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดยื่นเข้ามา รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย ขณะเดียวกัน ได้มีการยื่นในตำแหน่งอื่นตามกฎหมาย ป.ป.ช. ที่ให้ข้าราชการระดับสูง ตั้งแต่ อธิบดี ปลัดกระทรวง รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยข้อห้ามคือถือหุ้นเกินร้อยละ 5 แต่หากประสงค์ที่จะถือหุ้น ต้องแจ้งต่อประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยจะต้องโอนให้นิติบุคคลที่มีอำนาจบริหารหลักทรัพย์แทน ภายใน 90 วัน และแจ้งกลับมายัง ป.ป.ช. ภายใน 10 วัน หลังจากนั้น ป.ป.ช. จะเป็นผู้เปิดเผยกับสาธารณชนต่อไป
/////////
"ภุชงค์" เผย สรรหา สปช. คกก.ตัดเหลือด้านละ 50 คน ครบทั้ง 11 ด้านแล้ว ส่วนภูมิภาคเสร็จแล้ว 49 จังหวัด

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้มีการประชุมเพื่อคัดสรรสมาชิก สปช. อีก 7 ด้านที่เหลือ โดยตอนนี้เสร็จสิ้นครบทั้ง 11 ด้านแล้ว ซึ่งจะมีการนำรายชื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อไป ส่วนในระดับจังหวัดแล้วเสร็จ 49 จังหวัดแล้ว กำหนดวันสุดท้ายคือวันที่ 22 กันยายนนี้

ทั้งนี้ นายภุชงค์ กล่าวว่า ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ องค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อได้เพียง 2 คนเท่านั้น ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบมีองค์กรนิติบุคคลที่ยื่นเสนอรายชื่อบุคคลมากกว่า 2 คน มี 20 องค์กร ส่วนบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเพื่อรับการสรรหาทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดนั้น มีเพียง 220 คนเท่านั้น

เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวว่า สมาชิก สปช. ทั้ง 11 ด้าน จำนวนด้านละ 50 รายชื่อ และสมาชิก สปช. จังหวัด จำนวน 5 รายชื่อ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีรายชื่อรั่วไหลอย่างแน่นอน
---------------
รองเลขาธิการ กกต. เผย วันนี้ ที่ ร.1 พัน.4 รอ. มีการประชุมของกรรมการสรรหาใน 7 ด้าน คาดจะดำเนินคัดเลือกบุคคลครบทั้ง 7 ด้าน

นายบุญยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 ก.ย.) ที่ ร.1 พัน.4 รอ. มีการประชุมของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ใน 7 ด้าน เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. อาทิ ด้านการศึกษา ด้านการเมือง ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น

นอกจากนี้ ด้วยตนในฐานะเลขานุการ ในการสรรหา สปช. ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุม และอำนวยความเรียบร้อยตลอดการประชุมของคณะกรรมการสรรหา สปช. วันนี้

ทั้งนี้ นายบุญยเกียรติ กล่าวอีกว่า การประชุมของคณะกรรมการสรรหาทั้ง 7 ด้านวันนี้ คาดว่าจะได้ตัวบุคคลครบทั้ง 7 ด้าน ซึ่งภายหลังจากนี้ เมื่อคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน คัดเลือกบุคคลได้แล้ว ก็จะนำรายชื่อปิดผนึก ส่งต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แบบลับ
-----------
  ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. วันนี้ (17กย) บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภายหลังการปิดรับการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ซึ่งช่วงเวลานี้ อยู่ใน
กระบวนการคัดเลือกบุคคล ส่วนของจังหวัด และในส่งกลางทั้ง 11 ด้าน

   โดยในวันที่ เมื่อเวลา 9.00 น ที่ผ่านมา ที่ร1 พัน 4 รอ. ได้มีการประชุมของคุณกรรมการสรรหา ใน 7 ด้าน อาทิ คือด้านการศึกษา ด้านการเมือง ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น

   ด้านของการสรรหา สปช. ส่วนของจังหวัด ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 49 จังหวัด และในอีก 28 จังหวัด จะดำเนินการคัดเลือกในช่วงระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2557 นี้

   ขณะที่ นายภุชงค์ นุตราวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง คณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ด้านอื่นๆ ที่ได้ตั้งขอสังเกตุ โดยโพสข้อความเฟสบุ๊กส่วนตัว ถึงการสรรหาสมาชิก สปช. ส่วนของข้อผิดพลาดของการส่งบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ขององค์กรและนิติบุคคลว่า มีบางองค์กร นิติบุคคล ที่ส่งรายชื่อบุคคลมากกว่ากำหนด ตามที่ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการสรรหาสมาชิก สปช. กำหนดไว้

  โดยเชื่อว่าการกระทำที่ขัดต่อกฏหมายในครั้งนี้    ด้านของนิติบุคคล และบุคคลนั้น ไม่มีเจตนากระทำผิด หรือเอาเปรียบบุคคลเข้ารับการสรรหา สปช. รายอื่นๆ โดยเกิดขึ้นจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน และการรู้เท่าไม่ถึงการ

  อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช. พบว่ามีองค์กร และนิติบุคคลเสนอชื่อเกินกว่า 2 ด้าน มีถึง 20 องค์กร และบุคคลเสนอชื่อ เกินกว่า 1 ด้าน มี 203 คน
---------
เลขาธิการ กกต. เผย วันนี้ คกก. สรรหา สปช. 11 ด้าน ประชุมเคาะ 50 คน ใน 7 ด้าน พร้อมกัน ขณะ สปช. ส่วนจังหวัด เคาะแล้ว 49 จว.

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ว่า ในวันนี้ (17 ก.ย.) มีการประชุมของคณะกรรมการสรรหาใน 7ด้าน อาทิ คือ ด้านการศึกษา ด้านการเมือง ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้เริ่มการประชุมแล้ว ที่ ร.1 พัน.4 รอ. เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ภายหลังการประชุมหากคณะกรรมการสรรหา สปช. ได้คัดเลือกบุคคลได้ครบแล้วทั้ง 11 ด้าน คาดว่าในวันที่ 19 กันยายน นี้ จะนำบัญชีรายชื่อเสนอต่อคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อพิจารณาคัดเลือกต่อไป

ขณะเดียวกัน ส่วนการสรรหาในส่วนของจังหวัด ได้ดำเนินการครบแล้ว 49 จังหวัด และในอีก 28 จังหวัด จะมีการดำเนินการคัดเลือกในช่วงระหว่างวันที่ 17 - 22 กันยายน 2557

พร้อมกันนี้ ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ในบางจังหวัด ที่ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลแล้ว ก็ได้เข้ายื่นบัญชีรายชื่อซองเอกสารปิดผนึกเป็นความลับ ต่อสำนักงาน กกต. ในส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งคาดว่า เช้าของวันที่ 23 กันยายน นี้จะรวบรวมรายชื่อทั้ง 77 จังหวัด เสนอต่อ คสช. ต่อไป

---------
/////////////
กสทช. ยังไม่คุ้มครองช่อง 3 เสี่ยงจอดำ 28 ก.ย. ระหว่างนี้รอฝ่ายกฏหมายพิจารณา ย้ำจะหาทางออกร่วมกันให้ดีที่สุด 

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม กสทช. ได้รับทราบเรื่องที่ช่อง 3 ขอให้ กสทช. ทบทวนมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่ให้ช่อง3 สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นฟรีทีวี และมติที่ให้ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีถอดช่อง3 อนาล็อก ออกจาก
ผังรายการของช่อง

โดยที่ประชุม ได้ให้ช่อง 3 ทำหนังสือยืนยันว่าผู้ที่ลงนามในหนังสือมีอำนาจในการลงนามหรือไม่ เนื่องจากหนังสือที่ส่งมารายชื่อไม่เหมือนกัน ซึ่งหากเป็นผู้มีอำนาจลงนามจริง จะนำเรื่องส่งให้ที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาให้ความเห็นว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับแล้วจะมีมาตรการคุ้มครองหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ ในระหว่างที่อยู่ในการพิจารณา มติ กสท. จะยังมีผลบังคับใช้อยู่ ซึ่งช่อง 3 อนาล็อกจะต้องจอดำในวันที่ 28 ก.ย. นี้ หลังครบ
กำหนด 15 วันที่สำนักงานได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้บริการโครงข่ายทราบ

อย่างไรก็ตาม กรรมการ กสทช. ทุกคนเชื่อและจะพยายามไม่ทำให้เกิดปัญหาจอดำ โดยจะหาทางออกร่วมกันให้ดีที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีการ
พิจารณาอีกครั้งในการประชุมบอร์ดสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีที่เครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังสื่อวิทยุและโทรทัศน์ มายื่นหนังสือขอให้
กสทช. เพิกถอนสัมปทานและใบอนุญาตของช่อง 3 ที่ประชุมมีมติให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ กสท. พิจารณาต่อไป
//
กสทช. อนุมัติเงินชดเชยบอลโลกให้อาร์เอสเพิ่มอีกกว่า 369 ล้านบาท พร้อมเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช.
เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. ....

นายฐากร ตัณฑสิทธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า
ที่ประชุม กสทช. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยกรณีการถ่ายทอดการแข่งขันบอลโลก 2014 ให้บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล
บรอสคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด (อาร์เอส) เพิ่มเติมอีก 369.859 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งลดลงจากวงเงินที่ กสทช. อนุมัติไว้เดิมกว่า 57 ล้านบาท ทั้งนี้ หากบริษัท อาร์เอส เห็นว่าวงเงินดังกล่าวยังไม่เหมาะสมสามารถอุทธรณ์ต่อ กสทช. ได้

นอกจากนี้ ที่ประชุม กสทช. ยังได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามมาตรา 28 ได้ โดยหากร่างประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้ประชาชนสามารถรับชมฟรีทีวีทั้ง 24 ช่อง และช่องบริการสาธารณะ ได้ในลำดับช่องที่ 1-36
ในทุกระบบ (ทุกแพลตฟอร์ม) เหมือน ๆ กัน ส่วนช่องรายการอื่น ๆ จะเรียงตั้งแต่ลำดับช่อง 37 เป็นต้นไป
///////////
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. มีผล 1 ตุลาคม

ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 โดยประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 131 ตอนพิเศษ 183 ลงวันที่ 17 กันยายน 2557
//////
รองผู้บังคับการกองปราบ เผยส่งสำนวนให้อัยการศาลทหาร จ.สระบุรี ในคดี พล.ท.มนัส พกปืนไม่มีใบอนุญาตตามหมายจับศาล

พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบ เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานสอบสวน ได้นัดหมายให้ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 กับพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย มาพบเพื่อนำตัวส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหารจังหวัดสระบุรี ที่กองปราบปราม

ในวันนี้ ล่าสุด พนักงานสอบสวน กองปราบปราม ได้นัดหมาย พล.ท.มนัส กับพวก ไปพบที่อัยการศาลทหารจังหวัดสระบุรี แล้ว โดยพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนให้อัยการศาลทหารจังหวัดสระบุรีแล้ว

สำหรับคดีนี้ ถือเป็นคดีสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกับการใช้อาวุธสงคราม และนำไปสู่การจับกุม ซึ่งจากพยานหลักฐานพบความเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องรวม 11 คน และศาลได้อนุมัติหมายจับไว้แล้ว สามารถจับกุมได้แล้ว 7 คน และหนีหมายจับ 4 คน หนึ่งในนั้น มี นายจักรภพ เพ็ญแข รวมอยู่ด้วย ซึ่งฝ่ายสืบสวนของคณะทำงาน จะได้เร่งติดตามผู้ที่หลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป
/////////
ผลผ่า 2 ศพ พบคราบอสุจิ และบาดแผลต่อสู้ รอผลตรวจ DNA คาดรู้ผลภายใน 24 ช.ม.

พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผย ผลการผ่าชันสูตพลิกศพ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เสียชีวิต ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เบื้องต้นศพของ นางสาวฮานนาห์ วิคตอเรีย อายุ 24 ปี เสียชีวิตจากการถูกของแข็งที่ศีรษะ และมีเพศสัมพันธ์ก่อนเสียชีวิต เนื่องจากพบคราบอสุจิในบริเวณช่องคลอด แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด ส่วน นายเดวิด วิลเลียม พบร่องรอยซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งกระทบศีรษะ และพบบาดแผลที่บริเวณหลังฝ่ามือทั้งสองข้าง อีกทั้งยังเชื่อว่าเป็นการต่อสู้ รวมถึงมีน้ำในปอด จึงเชื่อว่าผู้ตายอาจถูกทำร้ายและลากลงน้ำก่อนเสียชีวิต ส่วนกรณีพบคราบอสุจิบริเวณทวารหนักของผู้ตายนั้น จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยดังกล่าว ส่วนของแข็งที่ทุบบริเวณใบหน้าและศีรษะของผู้ตายคาดเป็นของแข็งไม่มีคม

ทั้งนี้ ผู้บังคับการนิติเวชวิทยา กล่าวด้วยว่า การตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ จากหลักฐานเส้นผมในมือและคราบอสุจิที่อยู่ในช่องคลอดของฝ่ายหญิง ซึ่งจะมีการนำหลักฐานดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนนำผลดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย เพื่อหาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในคดีต่อไป
/////////////////
เจ้าที่ตำรวจ นำผู้ต้องหา ยิง น.ศ.เทคนิคกรุงเทพ และ น.ศ.ช่างปทุมวัน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ ซ.วัดศรีบุญเรือง  


เจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก กว่า 200 นาย นำผู้ต้องหายิงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และ นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

โดยจุดแรกเป็นบริเวณซอยวัดศรีบุญเรือง ถนนรามคำแหง ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง นายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีทั้งครอบครัวผู้เสียหาย และเพื่อนร่วมสถาบันมามุงดูจำนวนมาก ซึ่งต่างอยู่ในอารมเศร้าเสียใจ และโกรธแค้น

ขณะที่บิดาของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า หากเป็นไปได้ก็อยากทำให้ตายตามบุตรชายไปและย้อนถามไปถึงพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ ว่าเลี้ยงลูกอย่างไรถึงให้มีจิตใจโหดร้ายถึงเพียงนี้ พร้อมระบุว่าอยากให้กรณีของลูกชายตนเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง โดยจากนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนต่อที่บริเวณรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ


////////
นายกสมาคมรถร่วม ขสมก.  เข้าพบ "ประจิน" พรุ่งนี้ ถกขึ้นค่าโดยสาร 2 บาท ให้รัฐช่วยหาแหล่งเงินทุน 

นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน หรือ รถร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น. ตนเองพร้อมด้วยสมาคมรถร่วม ขสมก. จะเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยจะมีการหารือเรื่องให้ภาครัฐเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งการจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ การพัฒนารถโดยสาร รวมทั้งการขอขึ้นค่าโดยสาร 2 บาท ซึ่งรถเมล์ร้อน ก็จะมีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 10 บาท จากปกติ 8 บาท รถเมล์ปรับอากาศปรับขึ้นระยะทางละ 2 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการ
หลังจากที่ต้นทุนด้านแรงงานและอะไหล่รถปรับขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: