PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ภาษีมรดก/ภาษีที่ดินทรัพย์สิน อย่างไหนสำคัญกว่ากัน

ภาษีมรดก/ภาษีที่ดินทรัพย์สิน อย่างไหนสำคัญกว่ากัน
16ก.ย.2557

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อสภาฯ ว่า จะเร่งออก “กฎหมายภาษีมรดก” ให้เสร็จ ภายในปีนี้ เก็บภาษีจากมรดกของเศรษฐี เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม แต่ หลาย

ฝ่ายรวมทั้งผมด้วย เห็นว่า การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำคัญกว่า สร้างความเป็นธรรมในสังคมได้มากกว่า เก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า ไม่ต้องรอให้เศรษฐีตายเสียก่อนจึงจะได้เก็บภาษี

ก็ไม่รู้มือดีคนไหนชงไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งออกมา “กฎหมายภาษีมรดก” ทั้งที่ควรจะเร่งออก “กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สิน”มากกว่า ตัวร่างกฎหมายก็มีอยู่แล้ว

ผมไม่ได้คัดค้านการเก็บภาษีมรดก แต่รู้ว่าเศรษฐีสามารถหลบเลี่ยงภาษีมรดกได้อย่างง่ายดาย สู้การเก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สินที่เป็นสิ่งปลูกสร้างไม่ได้ รัฐเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า เพราะ

หลบเลี่ยงยาก ที่สำคัญที่สุด การเก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สิน เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคมได้ดีที่สุด

ผมเชื่อว่า นายกฯประยุทธ์ คงมองออก กฎหมายฉบับไหนสำคัญกว่ากัน

ระหว่าง กฎหมายภาษีมรดก กับ กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สิน กฎหมายที่ “เศรษฐี” กลัวที่สุดก็คือ กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สิน แต่ไทยกลับล้าหลังมาก ล้าหลังยิ่งกว่า กัมพูชา ซึ่งมีการออก

กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สินมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ไม่เชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลูกน้องไปหาข้อมูลดูได้ เพราะ “ที่ดินส่วนใหญ่ของประเทศไทย” ตกอยู่ในมือของ “เศรษฐีไม่กี่คน” เท่านั้นเอง

เรื่องนี้ผมไม่ได้กล่าวหาใคร พล.อ.ประยุทธ์ ไปหาอ่านได้จาก รายงานภาวะสังคมไตรมาส 2 ปีนี้ ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมฯ ดูได้เลยครับ

ในรายงานสภาพัฒน์ระบุว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดินสูงมาก โดย กลุ่มผู้ถือครองที่ดิน 20 เปอร์เซ็นต์ ที่ถือครองที่ดินมากที่สุด มีสัดส่วนการถือครองที่ดินสูงถึง 79.9

เปอร์เซ็นต์ของที่ดินทั้งหมด ในขณะที่กลุ่มผู้ถือครองที่ดินน้อยที่สุด 20 เปอร์เซ็นต์ ถือครองที่ดินเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แสดงว่า ที่ดินเอกชนทั้งหมดในประเทศไทยเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นกี่สิบกี่ร้อยล้านไร่ไม่รู้ ไปอยู่ในมือเศรษฐีที่ดินกลุ่มเล็กๆเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เห็นรายงานสภาพัฒน์แล้ว ผมก็เลยไม่แปลกใจ ทำไมกฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สินจึงออกไม่ได้เสียที แท้งแล้วแท้งอีก ก็ไม่รู้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแท้งอีกหรือไม่

ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ กล้าผลักดัน กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สิน ออกมาโดยเร็ว ผมรับรองว่านายทุนเศรษฐีที่ดินร้องจ๊ากแน่นอน จะรีบคายที่ดินในครอบครองเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านไร่ออกมา

ทำประโยชน์ทันที เพื่อลดภาระภาษีที่ดิน

คราวนี้ ความเป็นธรรมในสังคมก็จะเริ่มเกิดขึ้น คนยากคนจนที่ไม่มี ที่ดินทำกินเพราะถูกเศรษฐีนายทุนกว้านซื้อไปเก็บหมด ก็จะเริ่มได้รับเมตตาจากเศรษฐีนายทุน เช่น จ้างไปทำประโยชน์จากที่ดิน

หรือให้เช่าทำประโยชน์จากที่ดิน คนยากจนจะได้มีที่ดินทำกิน ไม่ต้องไปบุกรุกป่าสงวนตัดไม้ทำลายป่าเพื่อหาที่ดินทำกินอีกต่อไป นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำที่แท้จริง

ภาษีทรัพย์สิน ก็เช่นเดียวกัน วันนี้เศรษฐีไทยสร้างบ้านกัน หลังละ 100 ล้านบาท 500 ล้านบาท 1,000 ล้านบาท อวดรวยให้เห็นมากมายแต่ไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและบ้านที่เป็นทรัพย์สินแม้แต่บาทเดียว

รัฐเก็บแต่ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ที่ “คนจน” กับ “เศรษฐี” จ่าย 7% เท่ากัน มันเป็นธรรมหรือไม่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ลองไปตรองดู

กฎหมายภาษีที่ดินและทรัพย์สิน คือ การสร้างความเป็นธรรม และ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมที่ดีที่สุด เชื่อผมเถอะครับ รีบทำออกมาให้เสร็จในปีนี้ แล้วประเทศไทยจะดีขึ้นทันตาเห็นแน่นอน อย่า

ไปรอเศรษฐีตายเพื่อเก็บภาษีมรดกเลยครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

ไม่มีความคิดเห็น: