PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำเนียบ พร้อมรับรัฐบาลใหม่ ภายหลังโปรดเกล้าฯ


ทำเนียบ พร้อมรับรัฐบาลใหม่ ภายหลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ขณะพรุ่งนี้ เตรียมถวายสัตย์เข้ารับตำแหน่ง
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยการปรับปรุงอาคารสถานที่ มีความพร้อมรองรับการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากเมื่อวานนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี จำนวน 32 ราย ดูจากสัดส่วนคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1 มีทหาร 11 คน ตำรวจ 1 คน หากรวม พล.อ.ประยุทธ์ มีทหารรวม 12 คน ทั้งนี้ เมื่อมีพระบรม
ราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว จะมีการบันทึกภาพหมู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า และถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งพร้อมกัน ได้กำหนดการเป็นวันที่ 2 กันยายน ภายหลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ชุดใหญ่ เสร็จสิ้น

อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เตรียมเข้าตรวจงานตึกบัญชาการ 1 พร้อมส่งมอบให้ทำเนียบรัฐบาล รับรัฐบาลใหม่

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งมือเก็บรายละเอียดงานการปรับปรุงอาคารสถานที่ ถึงแม้จะพร้อมรองรับรัฐบาลใหม่ แต่บางจุดก็ยังไม่เรียบร้อย โดยวันนี้ นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง แจ้งว่า จะเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยในการปรับปรุงภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งต้องติดตามดูว่าจะสามารถส่งมอบตึกบัญชาการ 1 ในส่วนที่ได้รับผิดชอบให้แก่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ได้หรือไม่ ส่วนการนำสื่อมวลชนเข้าดูห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และห้องทำงาน ของรองนายกรัฐมนตรีที่ปรับปรุงเสร็จนั้นต้องของอนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน

ขณะเดียวกัน เวลา 10.00 - 11.00 น. จะมีกลุ่มเพื่อนนายเทวัน โต๊ะสมัน ที่ถูกกองบับคับการกองปราบจับกุม โดยระบุว่ามียาเสพติดในครอบครอง ทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนจน ไม่มีเงิน มีครอบครัวที่ต้องดูแล และไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด จึงเดินทางมาเรียกร้อง คสช. ที่ทำเนียบประตู 4 เพื่อขอความเป็นธรรม

อธิบดีกรมโยธาฯ เผย ใช้งบปรับปรุงทำเนียบ 60 ล้าน ยัน พร้อมรับการทำงานของ รบ.ใหม่

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวถึงการปรับปรุงตึกบัญชาการ 1 และ 2 ว่า ภาพรวมขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด เหลือเพียงการเก็บรายละเอียด เช่น ชั้นสองอยู่ระหว่างการติดม่านและพรม รวมถึงการเก็บทำความสะอาด โดยงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด 169 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของการติดตั้งจอมอนิเตอร์ และอุปกรณ์เทคนิคเกี่ยวกับ
การประชุมของห้องประชุม 301, 302 และ 501 ที่ใช้เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 60 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายมณฑล กล่าวต่อว่า ไม่เป็นห่วงจุดใดเป็นพิเศษ เพราะใช้ช่างประมาณ 300 คนต่อวัน และมีระยะเวลาการทำงานเพียง 1 เดือน จึงถือเป็นผลงานที่น่าภูมิใจแล้ว นอกจากนี้ ไม่ทราบว่ารัฐมนตรีจะเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงใด แต่ทางห้องทำงานพร้อมสำหรับการใช้งานแลัว เหลือเพียงให้รัฐมนตรีเข้ามาตรวจสอบว่าจะเข้ามาปรับปรุงสิ่งใดหรือไม่
---
"พล.ต.อ.อดุลย์" ยังไม่รู้วันถวายสัตย์ปฏิญาณตน ลั่น พร้อมทำงานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควบ คสช. ลุยแก้ปัญหาค้ามนุษย์
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางเข้ามาเก็บของในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมไปปฏิบัติงานที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยระบุว่า ยังไม่ได้รับการประสานว่าจะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนจะรับหน้าที่เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่จะนำคณะรัฐมนตรี ถ่ายรูปก่อนเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนรับหน้าที่ ทั้งนี้ ผู้บริหาร คสช. ทุกคน ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ใน คสช.ควบคู่
กันไปกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงาน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเน้นเรื่องการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ เพราะตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งการแก้ปัญหาความยากจนด้วย
---
"ม.ล.ปนัดดา" รับหนักใจควบ 2 ตำแหน่ง ยังไม่ได้รับแจ้งกำหนดการถวายสัตย์ปฏิญาณ รอการแบ่งงาน ยันไม่ลาออกปลัดสำนักนายกฯ แน่นอน

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ควบ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า รู้สึกหนักใจเพราะความหนักใจจะทำให้มีความตั้งใจในการทำงานมากขึ้น ขณะที่บทบาทใหม่ยังคงอยู่ในหน่วยงานเดิม โดยจะสานต่อในเรื่องการปฏิรูประบบข้าราชการให้มีความว่องไวและปลอดการทุจริตคอร์รัปชั่น ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้าว ยืนยันว่าจะแล้วเสร็จกลางเดือนกันยายนนี้ โดยในทุกโกดังและไซโลข้าวมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดูแล ขณะที่ตัวเลขยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้นน่าหนักใจแต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม การแบ่งงานของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่มี 2 คน ต้องรอนายกรัฐมนตรีสั่งการลงมา ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่ถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับตำแหน่งแล้ว โดยยังไม่ได้รับแจ้งกำหนดการถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา กล่าวต่อว่า ได้ลาออกจากรองประธานกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แล้ว หลังทราบเรื่องการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมยืนยันว่า ไม่ลาออกจากตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นข้าราชการประจำ
--
ผลตอบรับมุมมองนักวิชาการและภาคเอกชน โฉมหน้า ครม.ประยุทธ1นิด้า มอง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ตามคาด ชี้ ทหารนั่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ มีตำแหน่งเดียว ไม่กระทบเชื่อมั่นต่างประเทศ

ดร.ณดา จันทร์สม คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) เปิดเผยผ่าน รายการ ไอ.เอ็น.เอ็น. โฟกัสเศรษฐกิจ ว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เมื่อวานนี้ ถือว่าไม่เกินความคาดหมายและเป็นไปตามกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้

ส่วนการที่มีทหารเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 12 คนจากทั้งหมด 32 คน ในด้านเศรษฐกิจมีเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น จึงมองว่าไม่มีผลกับความเชื่อมั่นต่างชาติ แต่ภาพรวมของรัฐบาลยังต้องรอดูเสียงตอบรับจากต่างประเทศ โดยเรื่องที่รัฐบาลชุดใหม่ควรเข้ามาแก้ไขเร่งด่วนที่สุด ได้แก่ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 การอนุมัติโครงการลงทุน การเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เอกชนมีความเชื่อมั่น กล้าลงทุนหรือขยายฐานการผลิต การเร่งสร้างความเชื่อมั่น ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ดูแลค่าเงินบาท และผลักดันการส่งออกไทย เนื่องจากปัจจุบันได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการยกเลิกกฎอัยการศึกซึ่งมีผลกับการท่องเที่ยวมาก ดังนั้นจึงอยากให้มีการพิจารณายกเลิกในบางพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยงก่อน

ดร.ณดา กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ ทางนิด้าคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2 เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกหดตัว
---
ส.อ.ท. มองโฉมหน้า ครม. เชื่อบริหารประเทศเติบโต หลังนำคนมีความรู้สามารถ เดินหน้าขับเคลื่อน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โฉมหน้าของ ครม.ชุดใหม่ ในส่วนของรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าจะบริหารประเทศให้เติบโตได้ โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจาก นายจักรมนต์ ผาสุกวณิช ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีความเหมาะสม เพราะเคยผ่านงานด้านการลงทุน และเป็นอดีตผู้บริหารคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และอดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จึงถือเป็นประวัติการทำงานที่ดี มีความเข้าใจ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาด้านอุตสาหกรรม และเดินหน้าคณะทำงานขับเคลลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับ ส.อ.ท. ที่มีการตั้งคณะทำงานมาก่อนหน้านี้

ขณะที่ ณรงค์ชัย อัครเศรณี รับมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพได้ เพราะเคยคุมด้านเศรษฐกิจมหภาคมาก่อน สำหรับกรณีนี้ที่ ครม.ชุดนี้มีทหารนั่งเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจหลายท่านนั้น เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้ดี เพราะช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา สามารถผลักดันเศรษฐกิจได้ชัดเจน จึงถือเป็นผลงานที่ดีอยู่แล้ว และสามารถทำงานสอดคล้องกับเอกชนได้ เช่น กระทรวงคมนาคม ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรัฐมนตรีนั้น ซึ่งพบว่า ช่วงที่ทำงานในตำแหน่งรองหัวหน้า คสช. พล.อ.อ.ประจิน ผลักดันผลงานด้านเศรษฐกิจได้ดี
--
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หวังรัฐบาลใหม่ทำงานร่วมกับเอกชนใกล้ชิด เร่งพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากเห็นการทำงานของภาครัฐที่เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกับเอกชน มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความคล่องตัว และทำให้กฎเกณฑ์การอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ มีความชัดเจน โดยสิ่งที่อยากให้ภาครัฐเร่งดูแลคือ การส่งเสริมให้เอกชนมีการแข่งขัน ด้านการผลิตเกิดการลดต้นทุน แทนการควบคุมราคาสินค้าเช่นในอดีต รวมทั้งพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

นอกจากนี้ นายอิสระ กล่างถึงโฉมหน้าของครม. ว่า ด้านกระทรวงการคลังนั้น พบว่า มีความรู้ความสามารถ เพราะผู้ที่เข้ามาเคยทำงานกระทรวงการคลัง และภาคเอกชนมาก่อน ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีความชำนาญด้านอุตสาหกรรมอยู่แล้ว รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ ได้อดีตข้าราชการที่มีความเชี่ยวชาญ ผ่านงานที่หลากหลายภายในกระทรวง จึงถือเป็นประโยชน์ต่อการทำงานให้กับประเทศ รวมถึงส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเช่นเดียวกัน
---
สรท.วอนรัฐ-กระทรวงพาณิชย์ เร่งช่วย SME หลังขาดสภาพคล่อง ขณะ ส.อ.ท. จี้ เบิกจ่ายงบให้ได้ 30% ช่วง ต.ค-ธ.ค. นี้

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สรท. (สภาผู้ส่งออกฯ) เปิดเผยว่า รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยเฉพาะทางกระทรวงพาณิชย์ ควรเร่งใส่ใจผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งระบบ ที่ขณะนี้อยู่ในสภาวะ
ขาดสภาพคล่อง ไม่เข้าใจถึงมาตรฐานการผลิต โดยหวังว่าจะมีการเน้นการส่งเสริมให้สามารถส่งออก และสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะในบริเวณการค้าชายแดน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดแก้ไข
ปัญหาการผูกขาดสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เหมาะสมแก่ภาคการผลิต และผู้บริโภค

ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออกฯ กล่าวว่า  สำหรับงบประมาณ 2558 และแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท ทางรัฐบาลควรดำเนินการที่ชัดเจน เร่งรัดให้เป็นรูปธรรม โดยควรเบิกจ่ายงบให้ได้ประมาณร้อยละ 30 ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2557 เพื่อให้เกิดการลงทุนและเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ รวมถึงเน้นเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเอกชนไม่มีความเป็นห่วง หากมีการตรวจสอบภายใต้ความโปร่งใส เป็นธรรม  
--------
ประธาน สรท. มอง ทหารนั่ง ครม. เป็นจุดแข็งรัฐบาล ดำเนินงานเร็ว หวังสร้างเป้าหมายชัดเจนใน 1 ปี

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยว่า เอกชน มองว่า รัฐบาล
และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ประกอบด้วย ทหาร และพลเรือน ถือเป็นข้อดี โดยเฉพาะเรื่องของความรวดเร็วด้านการดำเนินงาน ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลชุดใหม่จะมีการบูรณาการร่วมกันนับเป็นจุดแข็งและมีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำที่จะดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยเฉพาะผู้ดูแลกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคม ซึ่งหวังว่า บุคคลที่ดูแลอยู่จะเข้าใจถึงยุทธศาสตร์ และสามารถทำสงครามเศรษฐกิจ โดยมีแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้น ระยะยาว และเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีต่อจากนี้ เอกชนหวังว่าจะเห็นถึงเป้าหมายที่ชัดเจนไม่ใช่เพียงแค่ด้านนโยบาย อาทิ ในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ การเร่งเจรจาการค้า FTA การดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม เพื่อก่อให้เกิดการลงทุน และความเชื่อมั่นที่ชัดเจนมากขึ้น พร้อมเสนอว่า ทางรัฐบาลควรเร่งดำเนินการข้อตกลงทางการค้า กระตุ้นการส่งออก
การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา
----------
บล.ไอร่า คาด ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นตามต่างประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุน ขณะในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ชี้นำ

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ประเด็นในประเทศยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ ๆ อาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจาก Fund Flow หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ แต่มูลค่าไม่มากนัก โดยแรงซื้อจากต่างชาติยังมีความผันผวน

อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่า คาดว่าเงินต่างชาติจะยังคงมีแนวโน้มไหลเข้าต่อไป โดยยังมีปัจจัยบวกจาก ครม. ได้รับโปรดเกล้าฯ แล้วเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยตลาดยังคงมีความคาดหวังในเชิงบวกว่าการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ และการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามประเด็น
1. การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ต่อ สนช. ภายหลัง ครม. ได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว คาดช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะความชัดเจนในการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
2. ประเด็นต่างประเทศ จากความเป็นไปได้ที่ ECB พิจารณาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดยังไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก
--------
บล.เคจีไอ คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น ครม.ประยุทธ์ 1 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หม่อมอุ๋ย เป็นรองนายกฯ สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหนุน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า มอง SET ปรับขึ้น หนุนโดยมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจไทยหลัง ครม. ประยุทธ์ 1 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ววานนี้ โดยมือเศรษฐกิจ ได้แก่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (รองนายกฯ) และ นายสมหมาย ภาษี (รมว.คลัง) ซึ่งคาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีรายละเอียดของนโยบายกระทรวงหลักๆ ออกมา นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกเป็นบวก ด้วยความ
หวังที่เพิ่มขึ้นว่า ธ.กลางยุโรป จะออกมาตรการกระตุ้นใหม่ หลังเงินเฟ้อยูโรโซน ส.ค. ลดลง ทั้งนี้ มองว่า หากยุโรปมีมาตรการใหม่ น่าจะเป็นการเพิ่มการปล่อยกู้ภาคธนาคารในตลาดเงินหรือการซื้อพันธบัตรเป็นเฉพาะภาคส่วน ภาพรวม SET ยังแกว่งขึ้น คงเป้าเดือน ก.ย. ที่ 1,600 จุด
/////////
"พล.อ.อักษรา" นำประชุมคณะย่อย จ่อเปิดเวทีถกคนเห็นต่าง ขณะเย็นนี้ คสช. สรุปงาน 3 เดือน แทนเดินหน้าประเทศไทย

พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะหัวหน้าส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นประธานการประชุม คสช.คณะย่อย โดยได้กำชับทุกฝ่ายให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ การทำงานของ คสช. เข้าสู่โรดแมป ระยะที่ 2 ที่มีคณะรัฐมนตรี ในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนบางพื้นที่ที่ยังมีความเห็นแตกต่างกับ คสช. นั้น ได้เปิดเวทีปฏิรูปให้เข้าร่วมความเห็นพร้อมให้ใช้สื่อต่าง ๆ เร่งทำความเข้าใจกรณีที่ คสช. ยังคงประกาศใช้กฎอัยการศึก รวมทั้งการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ขณะเดียวกันในที่ประชุมยังได้รายงานถึงการเดินทางของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้า คสช. ที่นำคณะมาเยี่ยมคำนับ และหารือ
ข้าราชการกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความร่วมมือที่ดีต่อกัน เตรียมความพร้อมไปสู่ประชาคมอาเซียน อย่างไรก็ตาม ทีมโฆษก คสช. แจ้งว่า ในวันนี้ภายหลังเวลา 18.00 น. จะมีรายการสรุปการดำเนินงานของ คสช. ในรอบ 3 เดือน ผ่านทางโทรทัศน์ โดยงดรายการเดินหน้าประเทศไทย
////////
กมธ.งบประมาณ ปรับลดทุกหน่วยงานแล้ว 4,774 ล้านบาท เตรียมรวบรวมผลเสนอที่ประชุม สนช. วันที่ 17 ก.ย. นี้

คุณณิชา อภิรักขวะนานนท์ รายงาน

บรรยากาศที่รัฐสภาล่าสุด พลโทชาตอุดม ติตถะสิริ และ นายกิตติ วะสีนนท์ ทีมโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 แถลงภาพรวมการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2558 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีมติปรับลดงบประมาณของทุกหน่วยงาน รวมจำนวน ทั้งสิ้น 4,774 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการพิจารณาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยส่วนใหญ่คณะกรรมาธิการฯ มุ่งเน้นการให้ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะ ซึ่งแต่ละหน่วยงานต่างก็มีความพอใจ เพราะการพิจารณามีเหตุมีผล และยังสามารถดำเนิการตามแผนงานได้ โดยหลังจากนี้จะรวบรวมผลการพิจารณาส่งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดทำเป็นเอกสารเพื่อเสนอต่อที่ประชุม
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 17 ก.ย. ที่จะถึงนี้

////////////
ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย เห็นชอบ "พ.ต.ท.พงษ์ชัย" เป็น ปธ.กมธ. มอง เหมาะสม มีความรู้ ความชำนาญ

การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย ครั้งที่ 1 หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ครั้งที่ 5 มีมติรับหลักการและกำหนดให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย และ ร่าง พ.ร.บ.ประกันชีวิต

โดยในวันนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ โดยสมาชิกเห็นตรงกันว่า พ.ต.ท.พงษ์ชัย มีความเหมาะสม และมีความรู้ ความชำนาญเรื่องประกันวินาศภัย

ขณะที่ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย นายภิรมย์ กมลรัตนกุล และ พล.อ.อ.ไพศาล สีตบุร ทำหน้าที่รองประธาน นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ทำหน้าที่เลขาธิการ พล.ต.ไพโรจน์ ทองมาเอง ทำหน้าที่รองเลขาธิการ พล.ท.ภาณุวัชร นาควงษม์ และ นายยุทธนา ทัพเจริญ ทำหน้าที่โฆษก

ทั้งนี้ พ.ต.ท.พงษ์ชัย กล่าวว่า จากที่ได้ศึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย และ พ.ร.บ.ประกันชีวิต พบว่า มีความเชื่อมโยงกัน จึงเห็นว่าควรเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมาธิการฯ
นำมาประกอบการพิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดข้อกฎหมายที่ซ้ำซ้อนกัน

//////////
"จาตุรนต์" เดินทางเข้าให้การต่ออัยการศาลทหาร แล้ว ขณะพบ ปชช. รอมอบดอกไม้และให้กำลังใจ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อม นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ เดินทางเข้าให้คำให้การต่ออัยการศาลทหาร โดยมี น.ส.ฐิติมา ฉายแสง น้องสาว นายจาตุรนต์ เดินทางมาร่วมฟังคำให้การครั้งนี้
และเป็นกำลังใจ

ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ เป็นจำเลยในความผิดฐานขัดคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่เข้ารายงานตัว กระทำการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ หรือละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ พ.ร.บ.ว่าการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 รวม 3 ข้อหาสืบเนื่องจากกรณีที่ นายจาตุรนต์ ไม่ไปรายงานตัวตามประกาศ ฉบับที่ 41/2557 และได้มีการปาฐกถา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

ขณะที่บรรยากาศโดยรอบศาลทหารมีประชาชนเดินทางมารอตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อรอมอบดอกไม้และให้กำลังใจ นายจาตุรนต์อย่างต่อเนื่อง
//////////////////////
รับสมัคร  สปช.

บรรยากาศเปิดรับสมัคร สปช. วันที่ 19 นิติบุคคลทยอยยื่นเอกสารต่อเนื่อง ล่าสุด วีระ สมความคิด เข้ารับการสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน

การเปิดรับการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. วันที่ 19 นั้น ต่างมีองค์กรนิติบุคคลไม่แสวงผลกำไรเดินทางเข้ายื่นชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ได้มีนิติบุคคลรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง เข้าเสนอชื่อรับการสรรหาเป็น สปช. อาทิ นายวีระ สมความคิด เข้ารับการสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง เข้ารับการสรรหาด้านสื่อสารมวลชน พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เข้ารับการสรรหาด้านการเมือง
นายชินกร ไกรลาศ เข้ารับการสรรหาด้านอื่นๆ และ อาจารย์ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เข้ารับการสรรหาด้านอื่นๆทั้งนี้ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต.ได้ตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละด้านทั้ง 11 ด้าน พร้อมกับสอบถามถึงปัญหาการเสนอชื่อจากองค์กรนิติบุคคลต่างๆ

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 ก.ย.) มียอดผู้เสนอชื่อในส่วนกลางแล้ว 62 คน ส่วนของจังหวัด 22 คน รวมทั้งสิ้น 84 คน
-----
กกต. สรุปการเสนอชื่อรับการสรรหา สปช. วันที่ 19 มียอดคนสมัคร 698 คน ภาพรวมทั้งสิ้นมียอด 5,627 คน - ด้านสังคม ด้านการศึกษามีผู้เสนอชื่อมากสุด

นายบุญยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ภาพรวมในวันที่ 19 ของการเปิดให้องค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. 11 ด้าน ในส่วนกลาง มีองค์กรนิติบุคคล เสนอ 488 คน (แบ่งเป็นยื่นที่สำนักงาน กกต. 465 คน ยื่นผ่านไปรษณีย์ 23 คน) โดย
ด้านสังคม มีผู้เสนอรายชื่อเข้ามากที่สุด 74 คน รองลงมา ด้านการศึกษา 67 คน ขณะที่ด้านสื่อสารมวลชน มีผู้เสนอชื่อน้อยที่สุด เพียง 22 คน

พร้อมกันนี้ การเปิดรับการสรรหา สปช. ส่วนจังหวัดวันนี้ มีเสนอรายชื่อจำนวน 210 คน  และภาพรวมทั้ง 19 วัน มีนิติบุคคลเสนอ 3,217 คน ส่วนของจังหวัดและกรุงเทพมี 2,410 คน ยอดรวมการเสนอรายชื่อทั่วประเทศ มีจำนวน 5,627 คน

ทั้งนี้ นายบุญยเกียรติ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ามา ทางสำนักงาน กกต. ได้ทยอยดำเนินการตรวจสอบร่วมกับ 16 หน่วยงานแล้ว และกรณีการเสนอชื่อนิติบุคคลผ่านไปรษณีย์ ให้มีการประทับตราลงวันที่ 2 กันยายน 2557 เป็นอย่างช้า หากเกินกว่าวันดังกล่าว ถือว่าไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) คือวันสุดท้ายของการเปิดรับการเสนอชื่อจากองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงผลกำไร หากนิติบุคคลท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมเสนอชื่อ ต้องเร่งดำเนินการเสนอชื่อก่อนเวลา 16.30 น. เท่านั้น
-----------
เลขาธิการ กกต. เผย 4 ก.ย. โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานการสรรหา สปช.

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 กันยายน 2557 นี้ เวลา 09.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเป็นประธานมอบแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. แก่ คณะกรรมการสรรหา สปช. ทั้ง 11 ด้าน คณะกรรมการสรรหา สปช. ระดับจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด นอกจากนั้น ยังมี ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัด รวมกว่า 500 คน เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ การประชุมก็เพื่อให้การดำเนินการสรรหา สปช. ทั้งส่วนกลางและส่วนจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และมีความเป็นธรรม และจากนั้นคณะกรรมการสรรหา ทั้ง 11 ด้าน จะมีการประชุมร่วมกัน เป็นนัดแรก เพื่อคัดเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน

นอกจากนี้ นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า การคาดการณ์ถึงจำนวนผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ในครั้งแรกที่ คาดว่าจะมีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าร่วมเป็น สปช. ประมาณ 3,000 คน ซึ่งในปัจจุบันตัวเลขผู้ถูกเสนอชื่ออยู่ราว ๆ เกือบ 5,000 คน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากนี้ เมื่อมีการแต่งตั้ง สปช. ในวันที่ 2 ตุลาคม 2556 แล้วนั้น เชื่อจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น สปช. จึงเป็นอีกหนึ่งของช่องทางที่ประชาชนจะมีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบัน


ไม่มีความคิดเห็น: