PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

ส่อเค้าต้อนข้างเดียว:ไทยรัฐ

ส่อเค้าต้อนข้างเดียว
30ก.ย.57 ไทยรัฐ

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ก็แล้วกัน

โดยปรากฏการณ์ชื่อของนายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ พี่ชาย นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายา “โหร คมช.” อยู่ในบัญชี 28 คน ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น สนช.เพิ่มเติม

เบิ้ลเป็นรอบที่ 2 หลังจากครั้งแรกก็ได้เป็น สนช. เมื่อปี 2549

ตามฉากที่ “พุทธะอิสระ” อดีตแกนนำม็อบ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ได้นั่งหัวโต๊ะเป็นเจ้าภาพใหญ่ในเวทีเสวนาปฏิรูปพลังงาน โปรแกรมสำคัญในกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย

ท่ามกลางกระแสข่าววงใน เครือข่ายบริษัท ปตท.ฯ ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ไม่ขาดสาย

แน่นอน ว่ากันตามโปรไฟล์เบื้องหลังอย่างที่รู้ๆกัน “พุทธะอิสระโหรวารินทร์” ชื่อขลังๆที่บิ๊กท็อปบูตไล่มาตั้งแต่ยุค คมช.มาถึง คสช.เชื่อและศรัทธา

ถ้าไม่แน่ ไม่ใช่ “ของจริง” มีหรือจะได้สิทธิพิเศษอย่างนี้

เรื่องของเรื่อง มันก็เป็นไปตามฟอร์มทหารที่จะอยู่แต่ในค่าย ไม่ค่อยรู้จักใคร ไม่กว้างขวางหลากหลายในวงการเหมือนนักการเมือง

ฉะนั้น มาตรฐานการตั้งคนมาทำงาน ก็ต้องเลือกใช้บริการคนที่รู้จักก่อน

ตามรูปการณ์ก็อย่างที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ย้อนคำถามนักข่าวในประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกต

เรื่อง“วปอ.คอนเนกชั่น” พวกที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.เป็นพวกที่เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรมากับบิ๊ก คสช.

ไม่ได้มีข้อห้าม รัฐธรรมนูญไม่ได้ล็อกไว้ซะเมื่อไหร่

ในอารมณ์เหมือนไม่สนแล้วกับเสียงนกเสียงกา ข้อครหาเรื่องล็อกสเปกเครือข่ายใกล้ชิด

และโดยจังหวะต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องมาถึงคิวของโฉมหน้าสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ผ่านขั้นตอนที่ คสช.จิ้มชื่อ “250 อรหันต์” ไปแล้ว

ล่าสุดมีโพยหลุดออกมา ไม่ชัวร์ว่าบัญชีจริงหรือโผหลอก

เพราะสะดุดตรงชื่อของ “พล.ท.ไพบูลย์ นิติตะวัน” ที่ติดเข้ามาในด้านการเมือง ซึ่งไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ส.ว.ลากตั้ง แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.คนดังหรือไม่

แต่ถ้าเป็นโพยจริงก็เรียบร้อยโรงเรียน คสช.

เพราะไล่เรียงรายชื่อ พะยี่ห้อ “ขาประจำ” แทบทั้งนั้น

เครือข่ายฝ่ายตรงข้ามระบอบ “ทักษิณ” พาเหรดยึดเวทีปฏิรูป ได้สิทธิกำหนดกติกาประเทศไทย

และเหมือนจะจับสัญญาณ ประเมินรูปการณ์ที่กำลังโดนต้อนเข้ามุมอับ

กับจังหวะที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ออกมาดักคอ เจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ในการยึดอำนาจคือการเข้ามาลดความขัดแย้ง แตกแยกในประเทศ

แต่ปรากฏว่า การแต่งตั้ง สนช.ก็เป็นคู่ขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และ นปช. ได้เข้ามาเป็น สนช.จำนวนมาก ได้อำนาจมารวมหัวกัน ขณะที่องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.และ กกต.ที่มีมาตรฐานในการใช้กฎหมายอุ้มพรรคประชาธิปัตย์ มุ่งจัดการเฉพาะพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ถูกยุบทิ้งไป

วันนี้ สนช.กำลังเพิ่มอำนาจให้ตัวเองในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้คนที่มาจากการยึดอำนาจถอดถอนผู้ที่มาจากการเลือกตั้งขู่เลยว่า อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

ลูกข่าย “ทักษิณ” ชักเริ่มเสียวกับเกมล้อมกรอบ ปิดประตูตีแมว

แต่อีกทางหนึ่ง มันก็มีอาการแปร่งๆของฝ่ายที่กำลังเถลิงอำนาจในกำมือ กับจังหวะที่ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา สนช. และอีกสถานะหนึ่งคือ ที่ปรึกษา คสช. นำทีม 28 สนช.ยื่นคำร้องต่อศาล
ปกครองขอให้เพิกถอนมติ ป.ป.ช. ที่ให้ สนช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

กระตุกเครื่องหมายคำถาม สนช.มีปมแฝงอะไร ทำไมถึงเลี่ยงโชว์กรุสมบัติ

ซึ่งมันก็ขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับสถานการณ์อีกด้านหนึ่ง สนช.เดินหน้าเพิ่มดาบให้ตัวเอง ด้วยการแก้ไขข้อบังคับการประชุม เพิ่มอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามท้องเรื่องไล่บี้เครือข่ายขั้วอำนาจพรรคเพื่อไทย

ฉวยจังหวะเช็กบิลฝ่ายตรงข้าม แต่ตัวเองกลับพยายามปิดกั้นกระบวนการตรวจสอบ

แบบนี้ “บิ๊กตู่” ตอบคำถามสังคมลำบากเหมือนกัน.

ทีมข่าวการเมือง
////////////////////////
มาตรการป้องกันทุจริต
30ก.ย.2557 บทนำไทยรัฐ

ยังมีความเห็นต่างอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีรายงานข่าวว่า สมาชิก สนช. 28 คน นำโดย พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษา คสช. ร่วมกันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ระบุว่ามติของ ป.ป.ช. ที่ให้ สนช. ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. และให้เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนมติสมาชิก สนช. ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า สนช.มิได้มีฐานะเป็น “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” จึงไม่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่โต้เถียงกันต่อไป และศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด

ส่วน ป.ป.ช.อ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ให้สมาชิก สนช. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย และทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา จึงต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน

รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถูกยกเลิกไป และกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ยังใช้บังคับอยู่ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้ง ส.ส. และ ส.ว. และ “ข้าราชการการเมืองอื่น” ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และเปิดเผยต่อสาธารณชน เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นนโยบายสำคัญของ คสช. และรัฐบาลปัจจุบัน ที่ประกาศว่าต้องไม่มีการทุจริต

ถึงแม้สมาชิก สนช. จะไม่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. หรือ ส.ว. โดยตรง แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ทำหน้าที่ ส.ส. และ ส.ว. มีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและองค์กรอื่นๆ เหมือนกับ ส.ส. และ ส.ว.ทุกประการ จึงมีอำนาจที่จะให้คุณให้โทษหลากหลาย แม้จะไม่เป็น ส.ส. แต่ก็อาจเป็น “ข้าราชการการเมืองอื่น”

ส่วนสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แม้จะเป็น “ข้าราชการการเมืองอื่น” แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการให้คุณให้โทษ หรือมีช่องทางในการแสวงหาประโยชน์ เหมือนกับ สนช. เพราะส่วนใหญ่

สปช.มี “หน้าที่” แต่ไม่มี “อำนาจ” ที่แท้จริง หน้าที่สำคัญคือศึกษาและทำข้อเสนอแนะการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ถ้า สปช.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ชาวบ้านก็อาจไม่ติดใจ

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยืนยันว่า จะไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันโดยเด็ดขาดในรัฐบาล คสช. ซึ่งน่าจะรวมถึง สนช.ด้วย อีกทั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราวยังได้ระบุไว้ว่า รัฐธรรมนูญถาวรฉบับใหม่ จะต้องมีกลไกที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ เชื่อว่ากลไกที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือการยื่นบัญชีทรัพย์สิน

สนช.เป็นองค์กรที่สำคัญองค์กรหนึ่ง ในการขับเคลื่อนการบริหารประเทศ ของรัฐบาล คสช. แต่ถ้าสมาชิก สนช.ไม่ยอมรับมาตรการป้องกันการทุจริต ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ 

ส่วนประเด็นที่ว่าสมาชิก สนช.จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่? เป็นอำนาจของฝ่ายตุลาการที่จะชี้ขาด อาจจะเป็นศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ.
////////
ประธาน สปช.ต้องไม่เผด็จการ
โดย หมัดเหล็ก 30 ก.ย. 2557 05:01

ประธาน สนช. พรเพชร วิชิตชลชัย พูดถึงเรื่องคุณสมบัติของ ประธาน สปช. หรือสภาปฏิรูปแห่งชาติเอาไว้ว่า จะต้องมีความเป็นกลาง ยอมรับฟังความเห็นคนอื่น รับฟังความเห็นที่แตกต่าง ยึดกติกาความถูกต้อง ไม่ใช้เผด็จการ หรือยึดข้อบังคับเคร่งเครียดเกินไป รวมทั้งต้องมีความประนีประนอมด้วย

ด้วยคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นประธาน สปช.ที่ว่านี้ ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีบารมีพอสมควร การจะมีความเป็นกลาง หรือ เป็นคนกลางได้ โดยไม่ใช้เผด็จการหรือความเด็ดขาด สำหรับสังคมไทยซึ่งบางครั้งก็ไม่มีเหตุผลด้วยแล้วเป็นเรื่องที่สวนทางกับความเป็นจริง

ถ้ายุคนี้ไม่ใช่เพราะมีทหารเข้ามาปกครองประเทศ คิดว่าบ้านเมืองจะเงียบสงบอยู่อย่างนี้หรือ คงได้ลุกเป็นไฟไปแล้ว นี่ขนาดมีทหารมาเป็นคนกลาง คลื่นใต้น้ำก็ยังกระเพื่อมทุกวัน จัดเวทีเสวนา

ปฏิรูปทีไรมีเรื่องทุกที เข้าใจว่า คสช.ก็คงจะพยายามปรับพฤติกรรมของคนเหล่านี้ เอาไปรวมกัน

ไว้ใน สปช. มีอะไรไปว่ากันบนเวทีให้เรียบร้อย มีกรอบกติกา

มีกรรมการคอยคุมไม่ให้ออกนอกกรอบจนเกินไป

เพราะฉะนั้น ประธาน สปช.จึงเป็นตำแหน่งที่มีบารมีพอสมควร

แต่ก็ต้องคุมบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดให้อยู่ ตัวเลือกประธาน สปช.จึงไปทิ้งน้ำหนักให้กับ ทหาร ก็อีกนั่นแหละ ถ้าได้คนในกองทัพ มาเป็นประธาน สปช. ก็ต้องใช้อำนาจเด็ดขาด ตามกติกา จะมา

ตามใจคนนั้นคนนี้อยู่ก็คงไม่ใช่ทหาร เหมือนกับ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในขณะนี้ รมต.ที่ มาจากกองทัพ ต้องการความสะดวกรวดเร็วและชัดเจน ส่วน รมต.ที่มาจากพลเรือน มาจาก

นักวิชาการ ก็จะยึดทฤษฎีความเป็นไปได้ กฎระเบียบสารพัด เพราะฉะนั้นอีกไม่นานอาจจะได้เห็นเกาเหลาชามเล็กๆในส่วนของทีมเศรษฐกิจ

แล้วถ้าไม่ใช่ทหารจะเอาใคร คงต้องเป็นการบ้านให้ คสช.ไปทบทวน จะเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มือกฎหมาย เนติบริกร อะไรก็แล้วแต่ ถ้าจะให้ลากยาวไป 1 ปีเพื่อทำเรื่องปฏิรูปทั้ง 11 ด้านไป

พร้อมกัน งานนี้ถ้าไม่แน่จริงคงเอาตัวไม่รอด

ไม่เฉพาะ 250 สปช.เท่านั้น

แต่ยังมี ประชาชนอีก 60-70 ล้านคนมองอยู่ มีกลุ่มการเมืองนอกสภาจับตาอยู่ ถ้าทำหน้าที่ถูกใจ คสช. แต่ไม่ถูกใจชาวบ้าน มีโอกาสน้ำบานได้ตลอดเวลา

ถึง คสช.จะยังมีอำนาจเต็ม สามารถจัดเต็มได้ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่อย่าลืมว่าเป็นอำนาจที่ประชาชนยินยอมพร้อมใจ ถ้าชาวบ้านไม่พอใจก็จะชวนกันออกมาทวงอำนาจคืน

เหลือเวลาตัดสินใจอีกอึดใจเดียว คสช.ต้องตีโจทย์ให้แตก จะเอาทหารหรือพลเรือน มาเป็นประธาน สปช. เพราะความเป็นกลาง จะมีความสำคัญที่สุดสำหรับอนาคตประเทศไทยที่จะก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง.

หมัดเหล็ก
///////////////////////

วันนี้ (30 ก.ย.) เป็นวันอำลาชีวิตราชการของ 4 ซุปเปอร์บิ๊ก คสช. ผู้ควบคุมแสนยานุภาพกองทัพ ไทยที่มีเขี้ยวเล็บแข็งโป๊กอันดับ 24 ของโลก พร้อมกำลังรบ “สามแสนหนึ่งหมื่นสี่พันนาย” ไว้ในกำมือ

พรุ่งนี้ (1 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลายเป็นอดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร จะกลายเป็นอดีต ผบ.สูงสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง จะกลายเป็นอดีต ผบ.ทอ. และ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย จะกลายเป็น อดีต ผบ.ทร. อำนาจสั่งการกองทัพจะเปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ผบ.สูงสุดคนใหม่ ผบ.ทอ.คนใหม่ และ ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ผงาดขึ้นมาพร้อมกัน 

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการที่ ผบ.เหล่าทัพ เกษียณอายุราชการพร้อมกันนานๆจะเกิดขึ้นซะที แถมเกิดขึ้นทีไรต้องมีคลื่นใต้น้ำตามมา เพราะการเมืองจะเข้าไปล้วงลูกการแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพกันอึกทึกครึมโครม แต่ยุคนี้ การเมืองไม่มีสิทธิ์แหย็มเข้าไปล้วงลูกการโยกย้ายแต่งตั้งอย่างเดิม มีแต่ทหารล้วงลูกกันเอง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่จึงเป็นเนื้อ เดียวกัน เป็นทีมเดียวกัน เป็นสายเดียวกันกับกลุ่มผู้คุมอำนาจกองทัพชุดเดิมสองพันห้าร้อยเปอร์เซ็นต์

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าจุดได้เปรียบอย่างสำคัญของรัฐบาล “บิ๊กตู่” คือได้รับการสนับสนุนจากข้าราชการประจำ และได้รับการปกป้องคุ้มครองจากกองทัพอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แม้แต่สภานิติบัญญัติ
แห่งชาติที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลตามกติกา คสช.ก็เป็นผู้แต่งตั้งมากับมือ เมื่อตั้งเองกับมือ การออกกฎหมาย แก้ไขกฎหมายก็ทำได้รวดเร็วทันใจ ถือว่ารัฐบาลใช้ประโยชน์จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างสะดวกโยธิน ไม่มีรัฐบาลไหนสบายไปกว่ารัฐบาลนี้อีกแล้วโยม

“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ใช้อำนาจ หน.คสช.แต่งตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติเพิ่มอีก 28 คน ซึ่งจะทำให้ สนช.มีสมาชิกเต็มโควตา 220 คนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่ว
คราว ถามว่า...จำเป็นหรือไม่ที่ต้องแต่งตั้ง สนช.เต็มอัตราศึก 220 คน?? ตอบว่า...ไม่จำเป็นต้องตั้งเพิ่มให้สิ้นเปลืองภาษีประชาชน เพราะ สนช.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 192 คนก็มากเพียงพอที่จะทำคลอด
กฎหมายอย่างสบายแฮ แต่ถ้าจะตั้ง สนช.เต็มโควตาก็ไม่มีผลเสียหายแต่ประการใด ถือเป็นการกระจายความสุข (รอบเก็บตก) ให้แก่ผู้ที่ คสช.ยังไม่ได้ตอบแทน

“แม่ลูกจันทร์” สำรวจรายชื่อ สนช.น้องใหม่ เปิดซิงที่ คสช.ตั้งเพิ่มอีก 28 คน พบว่ามีทหารและอดีตทหารตบแถวเข้าไปอีก 17 คน หรือกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของโควตาที่เพิ่มเข้าไป นอกจากนี้ยังมี อธิการบดี อาจารย์มหาวิทยาลัย อดีต รมช.มหาดไทย รัฐบาลขิงแก่ ประธาน ก.ล.ต. อดีต ส.ว.ลากตั้ง และตัวแทนกลุ่มทุนยักษ์แทรกเข้าไปเป็นยาดำ ที่ฮือฮากันเป็นพิเศษคือมีชื่อ นายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ พี่ชายของ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรใหญ่ คสช.ควบ คมช.เข้าไปนั่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยอีกคน อภินิหารหลวงปู่ฤาษีเกวาลัญเห็นทันตาจริงๆ แต่เมื่อมีโควตาหลวงปู่ ถ้า

ไม่มีโควตาหลวงลุงส่วนผสมจะไม่ลงตัว จึงต้องมีโควตาหลวงลุงกำนันเสียบเข้าไปด้วยอีก 1 คน

 “แม่ลูกจันทร์” ขอต้อนรับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติรุ่นลากตั้งกลางเทอมด้วยความยินดี ขอให้ สนช.ชุดใหม่ 28 คน ใช้ความรู้ ความสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติอย่างสุดฝีมือ ไม่บ่อยนะคุณพี่

ที่จะมีราชรถมาเกยเข้าประตูสภา โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน ขยันอภิปรายท้วงติงรัฐบาลกันบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเกาสะดือ.

"แม่ลูกจันทร์

ไม่มีความคิดเห็น: