PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

กระเทาะเปลือก ครมประยุทธ

กะเทาะเนื้อใน “ครม.ประยุทธ์ 1” “ทหาร+เทคโนแครต” และสายสัมพันธ์ “ประวิตรคอนเน็กชั่น”! 

 “นักการเมือง-อดีต ส.ว.” วิเคราะห์ ครม.ประยุทธ์ 1 เป็น “ครม.ทหาร+เทคโนแครต” ภาพดีกว่ารัฐบาลยุคที่ผ่านมา แต่เตือน!อยู่นานเกิน 1 ปีครึ่งไม่ได้ เพราะประชาชนจะออกมาประท้วงซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ เจาะแนวคิดทหาร ทำไมต้องคุม “กลาโหม-มหาดไทย” และอีก 7 กระทรวงหลัก พร้อมเปิดสายสัมพันธ์แนบแน่น “ประวิตรคอนเน็กชั่น”

“3 ป. 3 พี่น้อง บูรพาพยัคฆ์”

ไม่พลิกโผแต่อย่างใด สำหรับโฉมหน้า ครม.ประยุทธ์ 1 ที่ฉายความสัมพันธ์อันแนบแน่นของ 3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ ที่เข้ามาเป็นใหญ่โดยพร้อมเพรียง คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่น้องอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ได้ตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควบ รมว.กระทรวงกลาโหม
ในส่วนของพล.อ.ประวิตร เคยดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงกลาโหมมาแล้วครั้งหนึ่ง ในยุคนายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ (20 ธ.ค.51-9 ส.ค.54) ก่อนหน้านี้เป็นผู้บัญชาการทหารบก (1 ต.ค.47-30 ก.ย.48)
บารมีบิ๊กป้อมฉายแววมากที่สุดหลังการทำรัฐประหารของ คสช.ครั้งนี้ โดยได้รับตำแหน่งเป็น ประธานที่ปรึกษา คสช. ในก่อนวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าในวันที่ 11 ส.ค. 2557 ที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคสช.พร้อมทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน ได้แก่ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ., พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ.,พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. และพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ได้ไปอวยพรวันเกิดอายุ 69 ปี ถึงบ้านตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2557
บารมีอีกเรื่องของบิ๊กป้อม ที่เป็นคุณต่อน้องชาย "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" คือ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัยร้ายแรงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ต.ค. 2551 และพล.ต.อ.พัชรวาทได้รับโทษปลดออกจากราชการโดยคำสั่งสำนักนายกฯ วันที่ 19 ต.ค.52 แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 17 ก.ค.57 หัวหน้า คสช.ได้เซ็นต์คำสั่งยกโทษปลดให้พล.ต.อ.พัชรวาท และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาอย่างเงียบๆในวันที่ 23 ก.ค. 57 ด้วย นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557
ขณะที่พี่รองบูรพาพยัคฆ์อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งเป็น รมว.กระทรวงมหาดไทย
พล.อ.อนุพงษ์ หรือ “บิ๊กป๊อก” เป็นอดีตผบ.ทบ. (1 ต.ค.50-1 ต.ค.53) เป็นหนึ่งในทหารผู้ก่อการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 (ตท.10) รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด หลังการทำรัฐประหารปี 2549 สำเร็จ พล.อ.อนุพงษ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) คู่กับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และเป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช.
นอกจากนี้คนที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งคือ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร หรือ “บิ๊กโด่ง” ได้รับตำแหน่ง รมช.กลาโหม ในครั้งนี้ โดย “บิ๊กโด่ง” มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับพล.อ.ประวิตร ในฐานะ “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” อีกคนหนึ่ง เรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 14 และ “บิ๊กโด่ง”คนนี้เองที่เป็นหนึ่งในรายชื่อโผทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีสิทธิจะมีการแต่งตั้งให้เป็น “ผบ.ทบ.” คนต่อไปมากที่สุดในเวลานี้

“9 กระทรวง ทหารคุม”

ตามมาด้วยทหารรุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่ได้ดียกแผงตามมา ตั้งแต่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร (ตท.12) ผบ.สส.ได้ตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12 และจปร.23 รุ่นเดียวกันกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้เป็นรมว.กระทรวงพาณิชย์,พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ (ตท.12 และจปร.23 รุ่นเดียวกันกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) รมว.กระทรวงแรงงาน,พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ (ตท.12 และจปร.23 รุ่นเดียวกันกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง (ตท.13) เป็น รมว.กระทรวงคมนาคม,พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (ตท.13) รมว.กระทรวงศึกษาธิการ, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (ตท.15,จปร.26) ฉายามือปราบเสื้อแดง พล.อ.ไพบูลย์ ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรณ ครม.ประยุทธ์ 1 นี้ได้นั่งเป็น รมว.กระทรวงยุติธรรม และ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ (ตท.14) รมช.ศึกษาธิการ
จะเห็นได้ว่า งานที่ คสช.ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ที่ให้ทหารคนสนิทเข้านั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นประกอบด้วย งานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ที่ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ นั่งเป็นเจ้ากระทรวงด้วยตนเอง
ขณะที่งานด้านอื่นที่ทหารให้ความสำคัญจึงตามมาด้วย กระทรวงศึกษาธิการที่ให้ทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ และพล.ท.สุรเชษฐ นั่งในตำแหน่ง รมว. และ รมช.กระทรวงศึกษา ตามมาด้วยกระทรวงคมนาคม ที่ให้พล.อ.ประจิน เป็น รมว. ส่วนกระทรวงยุติธรรม ให้พล.อ.ไพบูลย์ เป็น รมว.รับงานหนักทั้งการชี้แจกกับต่างประเทศ และยังเกี่ยวเนื่องกับระบบยุติธรรมทางการเมืองทั้งหมดที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอยู่เสมอว่าทุกอย่างใครทำผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่นายทหารเป็นเจ้ากระทรวงทั้งหมด
“ทหารนั่งกระทรวงไหน ก็บ่งบอกว่าทหารคิดอะไร หลักคิดของการยึดอำนาจครั้งนี้ ต้องย้อนไปว่าที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นระบบที่ล้มเหลวมาก ภาคประชาชนเองก็อยู่ในระดับที่ยันกันเอง จนหมดสภาพไปทุกฝ่าย ดังนั้นที่ทหารเข้ามาคือเรื่องของความมั่นคง ดังนั้นกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำคัญในเรื่องของความมั่นคงเป็นหลัก” แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีต ส.ว. รายหนึ่งกล่าว
“ประวิตรคอนเน็กชั่น” +เซนต์คาเบรียล และ "เนวินคอนเน็กชั่น" 
คอนเน็กชั่นของ 3 พี่น้อง บูรพาพยัคฆ์ ที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นพี่ใหญ่ ยังส่งผลมาถึงการคัดเลือกตัว รมต.ด้านเศรษฐกิจ ที่ได้หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล หรือหม่อมอุ๋ย เป็นรองนายกรัฐมนตรี คุมงานเศรษฐกิจ และ นายสมหมาย ภาษี รมว.กระทรวงการคลัง โดยสมหมาย ภาษี นี้เป็นอดีต รมช.กระทรวงการคลังในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ หม่อมอุ๋ย ถือว่าเป็นคนในเครือข่าย “บิ๊กป้อมคอนเน็กชั่น” ที่แนบแน่น"จาก “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น" อย่างยิ่ง
ในความเป็นจริงแล้ว 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ นำโดยพล.อ.ประวิทย์นี้ ถูกกล่าวถึงในแวดวงการเมืองมามากกว่า 5 ปีแล้ว ว่าเป็นกลุ่มอำนาจใหม่ที่น่าสนใจ
ในกลุ่มอำนาจนี้ นอกจากความสนิทส่วนตัวในฐานะ “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น" ของบิ๊กป้อม ที่ประกอบด้วยนักการเมือง และนักธุรกิจตัวเป้งๆ แล้ว พล.อ.ประวิทย์ยังมีความสนิทสนมกับนักการเมืองเก่าอย่าง "นายเนวิน ชิดชอบ" และ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นอย่างยิ่งด้วย กระทั่งเคยจับมือกันไปคัดค้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีกรณีปลดพล.ต.อ.พัชรวาท น้องชายพล.อ.ประวิตรมาด้วยกันในช่วงปี พ.ศ. 2552
“เนวิน วิชัย เขาสนิทกับ พล.ต.อ.พัชรวาท แล้วก็พล.อ.ประวิตร มาก เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มก๊วนเดียวกันมานาน ทำงานด้วยกันมาหลายอย่าง” แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโสอีกรายกล่าวกับทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ 
ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ ครม.ประยุทธ์ 1 มีชื่อของ “ปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” คนที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิด นายเนวิน ชิดชอบอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสมัยที่ นายเนวินเป็น รมว.กระทรวงเกษตรฯ และนายปีติพงษ์ เป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ นอกจากนี้ยังรวมไปถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คนล่าสุดที่ว่ากันว่ามีความสนิทแนบแน่นกับนายเนวินอีกคนหนึ่งที่ได้ตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลนี้ แม้ไม่ได้เป็นหนึ่งในครม.
กระทั่งวันนี้มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน ชิดชอบ และ นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และตัวแทนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรแห่งหนึ่งได้เข้าพบตัวแทน คสช. ไปแล้วเรียบร้อย?
ครม. “ทหาร+เทคโนแครต” ภาพรวม "ดี"
อย่างไรก็ดี แม้จะยอมให้มีคนของเครือข่ายทางการเมืองติด ครม.มาด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ครม.ชุดนี้ ยังเน้นหนักไปที่ความเป็น ครม.ทหาร ผสม ข้าราชการ หรือ เทคโนแครตที่เป็นภาพที่เด่นชัด
“ความที่ควบคุมอำนาจของการรักษาความสงบของประเทศไว้ทุกอย่างเวลานี้ ทำให้ทหารไม่ต้องเกรงกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการจัด ครม. แต่เท่าที่เห็นคือ การที่มีเครือข่ายนักการเมืองเข้าร่วม ครม.น้อย และมีทหารและกลุ่มข้าราชการมาก มองดูแล้วในภาพรวมก็ยังดีกว่ารัฐบาลในฝ่ายการเมืองในระบบที่ผ่านมา” แหล่งข่าวอดีต ส.ว.กล่าว
ในส่วนของข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และนักวิชาการ จึงมีชื่อของ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (2528-2534) และเป็นผู้อำนวยการคนแรกของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (2535-2541) ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (พ.ศ. 2529 - 2541) ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.กระทรวงศึกษาธิการ
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็น รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. วิษณุ เครืองาม รับราชการพลเรือนในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, รักษาการในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2535 สมัยรัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร,อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2545 และศาสตราภิชานคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และช่วยดูงานด้านกฎหมายให้ คสช.
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เริ่มต้นเข้ารับราชการในกองทัพบก ตำแหน่งอาจารย์สังกัดส่วนการศึกษา กองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นยศร้อยเอก รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ อดีต ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายสมหมาย ภาษี รมว.กระทรวงการคลัง อดีต รมช.กระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเคยถูกศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ตัดสินจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากกรณีสั่งพักงาน นายทัศพงษ์ วิชชุประภา ผู้บริหารบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2547 แต่ล่าสุดออกมาเปิดเผยว่ามีการอุทธรณ์และชนะคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่สื่อไม่ให้ความสนใจ ทำให้ตนเองยังถูกเข้าใจผิดเสมอมาว่าถูกศาลตัดสินจำคุก
นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และเคยเป็นทูตใหญ่ประจำในหลายประเทศ ก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ได้รับตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศ ว่ากันว่าเป็นอดีตทูตที่ฝีมือและฝีปากได้รับการยอมรับอย่างมาก 
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เป็น รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)ได้รับตำแหน่ง รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นับเป็นนายตำรวจที่ค่อนข้างมีชีวิตพลิกผันในช่วงชีวิตราชการปีนี้ เพราะตอนต้นปีถูกกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.โจมตีอย่างหนักพร้อมองค์กร สตช. และในช่วงต้นเมื่อ คสช.ยึดอำนาจการปกครองก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจมากนัก กระทั่งได้เก้าอี้รัฐมนตรีในที่สุด 
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็น รมช.กระทรวงคมนาคม
ดร. พรชัย รุจิประภา อดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็น รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นายสุธี มากบุญ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทยและเคยเป็นผู้ว่าฯหลายจังหวัดทางภาคอีสาน มาช่วยงานในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็น รมว.กระทรวงวัฒนธรรม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ รัชตะ รัชตะนาวิน ประธานที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ตำแหน่ง รมว.กระทรวงสาธารณสุข
นายแพทย์ สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และผู้มีบทบาทสำคัญในคณะกรรมการสมัชชาปฎิรูปประเทศ ที่มี นายแพทย์ ประเวศ วะสี เป็นประธาน เป็น รมช.กระทรวงสาธารณสุข
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เคยนำอดีตข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมขึ้นเวที กปปส.ปทุมวันมาแล้ว ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม
เตือน! อย่าอยู่เกิน 1 ปีครึ่ง
“การจัดระเบียบใหม่ครั้งนี้ของทหาร มีความชอบธรรม เพราะตรงกับค่านิยมรักความสงบของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่นานได้ เพราะคนไทยก็ไม่ชอบให้ใครมาบังคับอะไรนานๆ ดังนั้นมองว่าทหารไม่ควรอยู่เกิน 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง เพราะประชาชนจะออกมาเรียกร้องสิทธิ์คืน ก็จะซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ ที่ทหารเข้ามาแก้ปัญหาทางการเมือง แต่ไม่ยอมออกจากอำนาจ” แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีต ส.ว.กล่าว
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโส ที่มองว่า ทหารจะอยู่ในอำนาจนานไม่ได้ และไม่ควรอยู่นาน เพราะจะมีแผลได้ โดยเฉพาะหากแก้ปัญหาคนชั้นกลาง ไปถึงคนระดับรากหญ้า 3 เรื่องไม่สำเร็จ ได้แก่ ราคาผลผลิตทางการเกษตร,ค่าครองชีพ และหนี้สินประชาชน
“ปัญหาด้านเศรษฐกิจมันแย่ เพราะการบริหารของหลายรัฐบาลที่ผ่านมา เรียกว่าเศรษฐกิจไทยอ่วมมากแล้ว ทหารมาในวันที่เศรษฐกิจมันซบเซามาก ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับปากท้องได้ คิดว่าประชาชนจะไม่ยอม”
นี่คือความเห็นของอดีตผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเมืองที่ทำให้ ครม.ทหาร + เทคโนแครต วันนี้จึงต้องรับบทหนักในหมวกของการบริหารบ้านเมือง...
 
รายงานพิเศษโดย ณฐา จิรอนันตกุล และ วรรณพร แก้วแพรก ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์  

ไม่มีความคิดเห็น: