PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว2ต.ค.57

นายกฯ แจงผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น ยัน บริหารประเทศเป็นธรรม ยึดโรดแมป ดูแลความมั่นคง-เศรษฐกิจ 

ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่นเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นได้ฝากสาส์นแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมทั้งเชิญไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ต้องเข้ามามีบทบาททางการเมือง รวมถึงการเข้ามาบริหารดูแลเสถียรภาพ ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดีและให้ดำเนินการตามโรดแมปที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ได้มีการเสนอการลงทุนท่าเรือน้ำลึกทวายในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจ พร้อมเสนอให้มีการประชุมไตรภาคีร่วมกัน 3 ประเทศ ซึ่งขณะนี้การพูดคุยอยู่ในภาพรวมและอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
----------
นายกฯ ชวนญี่ปุ่นลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่งติดกับชายแดนไทย ยืนยันจะดูแลอย่างเต็มที่ 

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เชิญให้ประเทศญี่ปุ่นพิจารณาการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 5 แห่งที่ติดกับชายแดนไทย ซึ่งถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย และพิจารณาการลงทุน 18 จังหวัดนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการกระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันจะดูแลนักธุรกิจญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทยเพื่อรักษาผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในประเทศญี่ปุ่น ที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยทั้งสองประเทศได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่นจะมีความยั่งยืน
------------
"ยงยุทธ" ยืนยัน นายกฯ เดินทางเยือนพม่า 9-10 ต.ค. นี้ หารือความร่วมมือเศรษฐกิจ-สังคม

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุถึง การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความ
สงบแห่งชาติ (คสช.) ในระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม นี้ ว่า ทันทีที่เดินทางถึงจะพบปะหารือแบบเต็มคณะกับ นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในประเด็นความร่วมมือสารัตถะต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคม และในช่วงค่ำวันดังกล่าว รัฐบาลเมียนมาร์จะจัดพิธีเลี้ยงรับรองนายกรัฐมนตรีและคณะอย่างเป็นทางการ

สำหรับวันที่สอง นายกรัฐมนตรีและคณะ จะพบปะกับนักธุรกิจไทยที่ไปลงทุนในประเทศเมียนมาร์ เพื่อหารือถึงการลดอุปสรรด้านการค้าการลงทุน ที่รัฐบาลไทยจะได้หารือขอความร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งปัจจุบันมีนักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยไปลงทุนที่ประเทศเมียรมาร์ในหลาย ๆ ด้าน

ร.อ.นพ.ยงยุทธ ระบุว่า เหตุที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนสหภาพเมียนมาร์เป็นชาติแรก เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทย และในฐานะประธานอาเซียน ดังนั้นการเดินทางไปเยือนครั้งนี้ก็ถือเป็นการไปแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียบปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเดินทางไปแนะนำตัวกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
//////////
"พรเพชร" นัดสมาชิกประชุม สนช. ครั้งที่ 13 เตรียมเลือกกรรมการศาลยุติธรรม พร้อมพิจารณาร่าง กม. 9 ฉบับ

การรักษาความปลอดภัยที่รัฐสภา เช้านี้เป็นไปอย่างเข้มงวด เนื่องจากในเวลา 10.00 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่
13/2557 โดยมีวาระด่วนให้พิจารณา เริ่มจากการเลือกกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ และการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน จากนั้นเป็นการพิจารณาร่างกฎหมาย 9 ฉบับ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. ...
-------
สนช. มีมติเลือก "เมธี - ปรีชา" ดำรงตำแหน่งกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเลือกกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ ภายหลังจากลงคะแนนแบบลับ โดยมีผลการลงคะแนน คือ

1. ศ.เมธี ครองแก้ว ได้ 144 คะนน
2. นายพิภพ อะสีติรัตน์ ได้ 91 คะแนน
3. นายปรีชา ชวลิตธำรง ได้ 134 คะแนน
4. นายวรสิทธิ์ โรจนพานิช ได้ 29 คะแนน

ทั้งนี้ ปรากฏว่า ศ.เมธี ครองแก้ว และ นายปรีชา ชวลิตธำรง เป็นผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่ 1 และ 2 จึงถือเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ

จากนั้นที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน
15 คน มีกรอบระยะเวลาการทำงานภายใน 15 วัน
------------
สนช. ผ่านร่างกฎหมายวาระ 3 แล้ว จำนวน 2 ฉบับ ขณะพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต่อ

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติผ่านวาระ 3 เห็นสมควรให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติถวายความปลอดภัย พ.ศ. .... เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 201:0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
และเห็นสมควรให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 199:2 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การดำเนินคดีแบบกลุ่ม) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้เสนอ (เป็นเรื่องที่เลื่อนมาจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2557)
///////////
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งเจ้าหน้าที่เร่งเตรียมสถานที่รับรายงานตัวสมาชิก สปช. พร้อมแล้ว

บรรยากาศที่รัฐสภา ล่าสุด ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งเจ้าหน้าที่เร่งจัดเตรียมสถานที่รองรับการรายงานตัวสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ให้มีความพร้อมทันทีที่มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งรายชื่อ สปช. จำนวน 25 คน โดยมีการจัดพื้นที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 พร้อมประดับดอกไม้สด การติดตั้งไฟเพิ่มเติม รวมถึงการจัดบอร์ดนิทรรศการต้อนรับ

ขณะที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบผ่านวาระแรกของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การดำเนินคดีแบบกลุ่ม) จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการ 15 คน แปรญัตติใน 7วัน และกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน 30 วัน

//////////
เลขาฯ ป.ป.ช. เผย ได้ข้อสรุปถอดถอนทุกคดีสัปดาห์หน้า ก่อนส่ง สนช. ขณะ สปช. ยื่นแสดงบัญชีหรือไม่ ต้องพิจารณารายบุคคล

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทาง ป.ป.ช. จะพิจารณาเรื่องถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้ส่งเรื่องกลับคืนมา ก่อนส่งไปยัง สนช. อีกครั้ง รวมถึงทุกสำนวนคดีที่ค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้าเพื่อให้ สนช. พิจารณาถอดถอนต่อไป พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาด้วยความยุติธรรมตามหลักกฎหมาย

นอกจากนี้ การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้ของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ทั้งนี้หาก สปช. ทำหน้าที่เพียงปฏิรูปและร่างกฎหมายโดยไม่แสวงหากำไร ไม่ได้ทำหน้าที่เสมือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็อาจจะไม่จำเป็นต้องยื่นแสดงบัญชี
----
พรเพชร ยัน สนช. ใช้อำนาจวุฒิสภาถอดถอนได้ รอ ป.ป.ช. ส่งสำนวนกลับ ดำเนินการภายใน 30 วัน

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ล่าสุด เข้าสู่วาระการประชุมแล้ว โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายพรเพชร กล่าวว่า ขณะนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยังไม่ได้ส่งสำนวนถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กลับคืนมาให้ สนช. จึงยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ เพราะต้องรอพิจารณาเหตุผล แต่ยืนยัน สนช. ทำหน้าที่วุฒิสภาและใช้อำนาจถอดถอนได้ และหาก ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับมายัง สนช. โดยยังอ้างฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็จะใช้ดุลพินิจของประธานพิจารณาว่า ความผิดยังคงอยู่หรือไม่ เสนอญัตติถอดถอนต่อที่ประชุม หากมีสมาชิกเห็นแย้ง ก็จะเปิดให้อภิปรายและลงมติ ซึ่ง สนช. ต้องดำเนินการภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน
-----------
ป.ป.ช. มีมติส่งถอดถอน นิคม-สมศักดิ์ ให้ สนช. พิจารณาใหม่ คาดสัปดาห์หน้า ขณะพรุ่งนี้เตรียมเปิดบัญชีทรัพย์สิน

บรรยากาศที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งสำนวนคดีถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ในกรณีมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาใหม่อีกครั้ง

ล่าสุด ในวันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ไม่เปิดเผยวาระการประชุม ซึ่งคาดว่าอาจมีการหารือในเรื่องดังกล่าวด้วย ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนคดีถอดถอนที่ค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะส่งให้ สนช. พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรยากาศที่สำนักงาน ป.ป.ช. ขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมห้องแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงบัญชี
ทรัพย์ของสมาชิก สนช. ในวันพรุ่งนี้
////////////////
"พล.ต.อภิรัชต์" ทำพิธีรับส่งหน้าที่ ผบ.พล.1 รอ.คนใหม่ "พล.ต.พงษ์สวัสดิ์" หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถนนวิภาวดี พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ได้ทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และการบังคับบัญชา ให้กับ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ โดยในพิธีได้มีการจัดกองทหารเกียรติยศไว้ต้อนรับเพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.ต.อภิรัชต์ และ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พร้อมกับการลงนามในสมุดรับส่งตำแหน่ง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดิ ทั้งนี้ สำหรับ พล.ต.อภิรัชต์ นั้น ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1
-------------
"พล.อ.วีรัณ" ส่งมอบ ผบ.นปอ.คนใหม่ ขอยึดมั่นอุดมการณ์ ขณะ "พล.ท.พันธ์ศักดิ์" ยัน ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต

พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล มอบตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (ผบ.นปอ.) ให้กับ พล.ท.พันธ์ศักดิ์ หลวงอุดม โดยพิธีเริ่มตั้งแต่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหน่วย ก่อนเซ็นเอกสารรับมอบตำแหน่ง จากนั้น ออกไปเข้าพิธีรับมอบธงประจำหน่วยและรับชมการสวนสนามเทิดเกียรติ

ทั้งนี้ พล.อ.วีรัณ กล่าวขอบคุณ กำลังพลทุกหน่วยที่ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่จนประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของราชการ ขอให้กำลังพลทุกนายรักษาคุณความดีไว้ และยึดมั่นอุดมการณ์ ใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนากองทัพให้มีประสิทธิภาพทุกมิติ พร้อมเชื่อว่า ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกคนใหม่ จะนำพาหน่วยไปสู่การพัฒนาที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

ด้าน พล.ท.พันธิ์ศักดิ์ กล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.วีรัณ ตลอดการเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมยืนยันว่าจะปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความสุจริต และปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนตามธรรมเนียมทหาร พร้อมพัฒนาบุคลากรของกองทัพ รวมถึงยุทโธปกรณ์ของกองทัพ และจะปฏิบัติตามนโยบายของกองทัพอย่างเคร่ง
ครัด
-----------
"พล.ต.พลภัทร" สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 2 ส่งมอบตำแหน่งเลขานุการกองทัพบก แก่ "พล.ต.วัชระ"

ที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก มีการจัดพิธีรับมอบหน้าที่เลขานุการกองทัพบก ระหว่าง พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ กับ พล.ต.วัชระ นิตยสุทธิ์ โดยมีพิธีสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 2 ศาลพระภูมิ ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ศาลพระชัยมงคล หน้ากองบัญชาการกองทัพบก และพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จากนั้น พล.ต.พลภัทร จึงมาทำพิธีส่งมอบธงประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบกให้กับ พล.ต.วัชระ และมาลงนามในเอกสารการรับส่งหน้าที่ เมื่อเสร็จพิธี ข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง ได้ร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ทั้งนี้ พล.ต.วัชระ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมจอมเกล้า รุ่นที่ 31 เคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในกองทัพบก คือ อาจารย์ส่วนวิชาทหารโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หัวหน้าสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ผู้อำนวยการกองสำนักงานเลขานุการกองทัพบก รองเลขานุการกองทัพบก ก่อนที่จะได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการกองทัพบก
--------------
พล.อ.อุดมเดช ประชุม ศปก.ทบ. ครั้งแรก หลังรับตำแหน่ง ผบ. ยัน ทหารป้องสถาบัน หนุนงานมั่นคง ดูแลประชาชน แรงแก้ 3 จว.ใต้ 

พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกเป็นครั้งแรก หลังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของกองทัพบกสานต่องานในภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ทั้งภารกิจปกป้องอธิปไตยดูแลชายแดนให้มีความสงบสุข ภายใต้ความสัมพันธ์อันดีของประเทศเพื่อนบ้าน การช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะภารกิจสำคัญคือ การพิทักษ์เทิดทูนสถาบัน รวมทั้งการเผยแพร่และน้อมนำแนวทางพระราชทานมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต

ในขณะเดียวกัน กองทัพบกจะยังคงให้การสนับสนุน และปฏิบัติตามนโยบายด้านความมั่นคงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาลอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อดูแลให้สังคมมีความสงบสุข ประชาชนมีความปลอดภัย และประเทศสามารถเดินหน้างานการปฏิรูปให้มีความก้าวหน้าตามแนวทางที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันกำหนด โดยเฉพาะความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
///////////////
"พล.อ.อนุพงษ์" ขอ "จตุพร" อย่ามีนัยจัดวันเกิด ห่วงขัดแย้ง เชื่อคนเห็นต่างอยู่ร่วมกันได้ พร้อมหนุนช่วยชาวนา ไร่ละ 1 พัน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดงานฉลองวันเกิดในวันที่ 5 ต.ค. นี้ ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ว่า หากการจัดงานเป็นไปตามเจตนาเพื่อฉลองวันเกิดคงไม่เป็นปัญหา แต่หากมีนัยที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวายคงไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนเข้าใจว่าในความเห็นต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้

นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในการนำเงินมอบให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เพราะเป็นเรื่องที่ดี โดยไม่อยากให้มองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นประชานิยม แต่อยากให้มองว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้มากกว่า
/////////////

คดีเกาะเต่า

ผบ.ตร. เผย เชิญเอกอัครราชทูตอังกฤษไปดูเกาะเต่า ยัน ตร. ยังเดินทางสางคดีฆ่า 2 ฝรั่งเต็มที่ 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลัง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ในวันนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ได้เข้ามาแสดงความยินดีในโอกาสที่ตนได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. พร้อมกันนี้ ตนก็ได้ชี้แจงในส่วนของความคืบหน้าคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ทั้งในเรื่องผู้มีอิทธิพลและกระแสข่าวต่าง ๆ ซึ่งในเบื้องต้นไม่ได้ยืนยันกับทางเอกอัครราชทูตอังกฤษว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เมื่อไร แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเต็มที่และรอบครอบ ส่วนในเรื่องของดีเอ็นเอ เตรียมส่งไปตรวจที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบความชัดเจน

ขณะเดียวกัน ตนได้เชิญเอกอัครราชทูตอังกฤษพร้อมคณะลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ แต่ยังอยู่ระหว่าง รอรายชื่อชุดสืบสวน ซึ่งเบื้องต้นทางเอกอัครราชทูตอังกฤษก็ได้ตอบรับมาแล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดวัน

ด้าน นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวว่า พึงพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยซึ่งทำเต็มที่แล้วและได้รับความร่วมมืออย่างดี

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวอีกว่า ทางสถานทูตอังกฤษพร้อมเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนทางการไทยทุกด้านหากมีการร้องขอไป แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้ามาแทรกแทรงการทำงานของเจ้า
หน้าที่ตำรวจ
-------
พล.ต.ท.จักรทิพย์ เผย สามารถรวบคนร้ายที่ฆ่า 2 นทท.ชาวอังกฤษ ได้แล้ว ชี้ทั้งหมดเป็นแรงงานพม่า 3 คน 

พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า ว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม 3 คนร้ายที่เป็นแรงงานชาวพม่าได้แล้ว หลัง 1 ใน 3

ได้สารภาพว่าก่อเหตุจริง และคำสารภาพได้สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวอย่างดีเอ็นเอของคนร้ายทั้ง 3 มาตรวจพิสูจน์
ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนยันความชัดเจน และจะทราบผลภายในคืนนี้

ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. บินด่วนไปยังเกาะเต่าแล้ว เมื่อเวลา 17.00 น.
-----------
พล.ต.อ.สมยศ มีคำสั่งให้ ผกก.สภ.เกาะสมุย ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. ตั้งแต่ 2 ต.ค. 57 เป็นต้นไป

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 536/2557 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2557ให้ พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ ผกก.สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์

ธานี ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร. มอบหมายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้

ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ภายในเวลา 16.00 น.ของวันที่ 2 ตุลาคม 2557

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รรท.ผบช.ภ.8 ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.จว.สุราษฎร์ธานี ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ผกก.สภ.เกาะสมุย ตั้งวันที่ 2 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสาเหตุการสั่งย้าย ผกก.สภ.เกาะสมุย ครั้งนี้ น่าจะมาจากหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดไปเรียกเก็บส่วยในพื้นที่ แล้ว

แอบอ้างว่าส่งให้ผู้บังคับบัญชาและนักการเมืองระดับสูง
////////////
ผบ.ตร.รับตำแหน่งใหม่

ผบ.ตร. พร้อมด้วย ภริยา ไหว้สักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใน สตช. เพื่อเสริมสิริมงคลในโอกาสรับตำแหน่งใหม่

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย นางพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ภริยา ไหว้สักการะ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย พระภูมิเจ้าที่หน้าประตูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พระภูมิเจ้าที่ข้างสมาคมแม่บ้านตำรวจ พระนารายณ์ พระนิรันตราย พระบรมราชานุสาว

รีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รูปปั้นพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท.รอง ผบ.ตร.
และภริยาร่วมด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวเพียงว่า ตนไม่มีพิธีการอะไร เพียงการสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ไม่มีความคิดเห็น: