"เรื่องที่ควรทำไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรทำกลับเร่งรีบทำ"
นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน
คนทำงานยิ่งนานประสบการณ์ยิ่งมาก
คนทำงานยิ่งนานประสบการณ์ยิ่งมาก
คุณค่าที่ประเมินยากคือประสบการณ์
ทุกวันที่ผ่านคือประสบการณ์ที่สร้างสม
บางคนได้ประสบการณ์ที่ดี
บางคนก็ได้ประสบการณ์ที่เลว
ผลของงานที่เกิดขึ้นจะดีเลวมากน้อยแค่ไหนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ที่มีเท่านั้น หากแต่อยู่ที่ประสบการณ์เป็นส่วนประกอบสำคัญด้วยเสมอ เพราะจะมีความรู้เพียงอย่างเดียวคงช่วยอะไรไม่ได้มาก กับความสำเร็จของงานที่ต้องการบรรลุถึง
บ้านเมืองของเราขณะนี้แม้จะใช้กำลังอำนาจทางทหาร ทำการขับไล่นักการเมืองเลวๆออกไปได้ก็ตาม ก็ใช่ว่าความวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองจะหมดไปด้วย เพราะสารพิษตกค้างทั้งหลายยังคงมีอยู่ ไม่ผิดอะไรกับคนป่วยที่ต้องได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้ชำนาญและเชี่ยวชาญในโรคนั้นๆเป็นผู้รักษา ถ้าได้แพทย์ดีที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในการรักษาโรคดังกล่าว โอกาสที่คนป่วยจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บดังกล่าวจึงเป็นไปได้สูง ไม่ทรุดหนักลงไปกว่าเดิม
เปรียบได้กับการบริหารบ้านเมืองในขณะนี้ที่กำลังดำเนินการโดยรัฐบาลเฉพาะกาลของทหาร อำนาจกับประสบการณ์ต้องเป็นของคู่กัน เพราะประสบการณ์จะบอกให้รู้จักการใช้อำนาจที่ถูกต้อง ประสบการณ์จะบอกให้รู้จักการตัดสินใจและประสบการณ์จะบอกให้รู้จักหยั่งรู้ หรือคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า
รัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้ซึ่งประกอบไปด้วยทหารเป็นส่วนใหญ่ ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่นั้นอยู่ที่เรื่องของการทหารเป็นหลัก เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยกำลัง ทั้งกำลังคนและกำลังอาวุธด้วยยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่เรียนมาสั่งสมกันมาตามแบบฉบับของทหาร ส่วนเรื่องทางการเมืองนั้นถ้าจะว่าไปแล้วแทบจะไม่มีเลย หรือถ้าจะรู้ก็รู้แบบงูๆปลาๆไม่ลึกซึ้งอะไร ยิ่งประสบการณ์ทางการเมืองด้วยแล้วยิ่งไม่ค่อยจะมีเพราะไม่ใช่นักการเมืองและไม่เคยขึ้นไปอยู่บนเวทีการเมือง ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ
รัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้ถ้าจะต้องเป็นแพทย์เข้ามารักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคร้ายสารพัดอย่าง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่แพทย์อาชีพ ความรู้และประสบการณ์แทบไม่มี โอกาสที่คนป่วยจะหายจากโรคร้ายนั้นคงยากแสนยาก การทำงานของรัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้จึงเป็นการทำงานที่ไม่ผิดอะไรกับการปอกหัวหอมกิน จะซุ่มซ่ามหรือรีบร้อนปอกเพราะอยากกินเร็วๆตามใจชอบไม่ได้ เพราะหัวหอมนั้นมีทั้งความหวานและความเผ็ด มีความแสบในตัวของมันเอง ปรุงแต่งอาหารให้มีรสชาติมากขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่จึงชอบกินหัวหอม การปอกกินเองจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
คนที่เคยโลดแล่นอยู่บนเวทีการเมืองต่างรู้ดีว่า การเมืองนั้นก็เหมือนหัวหอม เวลาจะกินต้องปอกเปลือกออกที่ละขั้น จะรีบร้อนซุ่มซ่ามปอกกินไม่ได้ น้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการใช้ดาบปลายปืนมาปอกหัวหอมกินนั้น ปกติแล้วไม่มีใครเขาทำกัน เสียงเตือนให้ระมัดระวังเป็นเสียงเตือนที่ต้องรับฟังไม่ใช่ใครเตือนแล้วเกิดอาการ “เม้งแตก” ขึ้นมาทันที ตวาดด่าว่ากลับไปด้วยความโกรธทุกครั้งนั้น ไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีและถูกต้องของผู้อยากกินหัวหอม
และจะตกอยู่ในสภาพของ “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน” ไปได้ง่ายๆตามภาษิตไทยที่สอนให้รู้จักการวางตัว
นกไม่มีขนย่อมบินไปไหนมาไหนไม่ได้
คนไม่มีเพื่อนย่อมจะอยู่อย่างเดียวดาย
การเข้ามาทำงานบริหารบ้านเมืองนั้นก็เหมือนอาสาเข้ามาปอกหัวหอมให้ชาวบ้านกิน อย่าทำให้ชาวบ้านต้องน้ำตาไหลไปด้วยจากการปอกหัวหอมที่ไม่เข้าท่าเข้าทางจนน้ำหัวหอมกระเด็นเข้าตาชาวบ้านไปด้วย ชาวบ้านจะพากันออกห่าง ยิ่งมีชาวบ้านออกห่างมากเท่าไร ก็จะกลายเป็น “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน” ยิ่งขึ้น
มีอำนาจอยู่ในมือจึงต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจให้ดีและถูกต้อง ใครใช้อำนาจไปในทางที่เป็นประโยชน์ตนและพรรคพวก ไม่ใช่ประโยชน์ของส่วนรวม ผู้คนย่อมเดือดร้อน บ้านเมืองก็เสียหายตามไปด้วย ยิ่งการได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารปกครองด้วยวิธีที่ไม่ได้มาตามช่องทางของการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยตามปกติอย่างที่กำลังมีอำนาจกันอยู่ในขณะนี้แล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษในการใช้อำนาจนั้น เพราะอำนาจในโลกนี้มีอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ อำนาจพาล กับ อำนาจบัณฑิต
อำนาจพาลหมายถึงคนที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ เป็นคนที่ทำอะไรตามใจชอบ เพียงเพื่อบรรลุประโยชน์หรือความต้องการของตนเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความผิดถูก กำหนดกฎหมายหรือกฎระเบียบตามใจชอบเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้
ส่วนอำนาจบัณฑิตนั้น หมายถึงอำนาจแห่งคุณงามความดี ผู้ใดมีหรือใช้อำนาจไปในลักษณะดังกล่าวย่อมมีคนรักและเกรงใจ เพราะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมศีลธรรมอันดีอยู่ในตัว แม้จะใช้อำนาจก็ใช้อำนาจนั้นอย่างบัณฑิต ไม่ใช้อำนาจอย่างคนพาล
การรู้จักแยกแยะในการในใช้อำนาจจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ได้อำนาจมาด้วยวิธีการนอกระบบ มิฉะนั้นจะกลายเป็น “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน” ไปได้ง่ายๆ ไปไหนมาไหนจะมีแต่คนถ่มน้ำลายรด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น