PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขุดรากถอนโคน มาเฟีย ตร.?



เกาะติด คดีขุดรากถอนโคนมาเฟียสีกากีอ้างเบื้องสูง “อึ้ง”ค้นบ้านพัก “พงศ์พัฒน์ – โกวิท”เจอขุมทรัพย์นับพันล้าน ธนบัตรดอลล่าร์ซุกไว้เป็นฟ่อน ทองคำแท่ง-รูปพรรณ กับวัตถุโบราณล้ำค่าเพียบ แฉแค่นายดาบคนขับรถมีสมบัติอย่างต่ำคนละ 50 ล้าน สารภาพสิ้นร่วมรับส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้เดือนละ 15 ล้าน เตรียมยัดคุก-ยึดทรัพย์ปิดตำนานเจ้าพ่อสอบสวนกลาง 

ความคืบหน้าคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.กับพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลอาญามาตรา 112 และเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ มาตรา 148 และเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีรายงานว่าช่วงสายวันที่ 22 พ.ย.นี้มีภาพพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กำลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง บุคคลที่ปรากฏในภาพคือพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่น 31 ส่วนพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ สวมเสื้อยืดสีขาวนั่งอยู่ข้างๆลักษณะเคร่งเครียดและอิดโรย นอกจากมีนายตำรวจระดับสูงกำลังสอบปากคำแล้วยังมีกำลังทหารกระจายอยู่รอบๆ 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และผู้ต้องหาทุกคนให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาทั้งนี้สืบเนื่องจากจำนนต่อพยานหลักฐานที่ถูกค้นพบในบ้านพักส่วนใหญ่เป็นรายการทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ที่ไม่สามารถอธิบายถึงความเป็นไปได้เช่น 2 นายดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถประจำตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์และพล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก.มีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท 

ส่วนอดีต ผบช.ก ค้นคฤหาสน์บ้านพักพบเงินสดเป็นธนบัตรดอลล่าห์รวมทั้งสิ้นหลายสิบล้านดอลล่าร์กับทองคำแท่ง ทองรูปพรรณอีกจำนวนมาก 

เช่นเดียวกับพล.ต.ต.โกวิท ที่พบว่ามีการซุกซ่อนธนบัตรและทองคำในบ้านพักจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังพบวัตถุโบราณล้ำค่าอีกจำนวนหนึ่งประเมินว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทเลยทีเดียว 

สำหรับคำสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็คือในส่วนของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจน้ำยอมรับว่า รับส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนช่วงปีที่ผ่านมาประมาณเดือนละ 2-3 ล้านบาทแต่หลังเคลียร์กันเรียบร้อยทุกเจ้ามีรายได้ตกเดือนละ 12-15 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวแบ่งให้ใครในเครือข่ายอิทธิพลตำรวจสอบสวนกลางในอดีตฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว 

มีรายงานด้วยว่าผลการเอาจริงเอาจังกับขบวนการอิทธิพล โดยแอบอ้างเบื้องสูงโดยไม่มีใครกล้าแตะต้องมาเป็นเวลานั้น นับเป็นผลงานของทางการไทยที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะมีบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก อีกทั้งยังนับว่านี่คือการเปลี่ยนโฉมสังคมไทยกันอย่างแท้จริง เพราะทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาแม้คนไทยจะรังเกียจการทุจริตคอรัปชัน อีกทั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองทุกพรรค ก็ให้สัญญาจะปราบปรามขบวนการทุจริต แต่ในที่สุดเป็นเพียงลมปากกับนโยบายสวยหรูโดยไม่มีการเอาจริงเอาจังแม้แต่ครั้งเดียว ผลของการขุดรากถอนโคนขบวนการแอบอ้างเบื้องสูงในแวดวงสีกากีแก๊งนี้ จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาลทหาร เพราะเชื่อว่ายังมี “เหลือบ”ที่แอบอ้างบุคคลสำคัญหากินในหน่วยงานอื่นกันอยู่ 

อย่างไรก็ตามในส่วนของอดีต ผบช.ก.กับพวกนั้นขั้นตอนต่อจากนี้เมื่อสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาต่างๆแล้วจะมีความผิดฐานฟอกเงินเป็นการปิดท้ายเพื่อยึดทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น: