PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

ความเห็น ถอดถอนยิ่งลักษณ์

data21Jan15ถอดถอน

การเมืองสัปดาห์นี้ที่น่าจะร้อนแรง เป็นวันศุกร์ที่ 23 มกราคม เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นัดประชุมใหญ่ลงมติ ถอดถอน 3 อดีตผู้นำทางการเมืองออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วย  อดีตนายกรัฐมนตรี"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" กรณีปมทุจริตโครงการรับจำนำข้าว อดีตประธานรัฐสภา “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” และอดีตประธานวุฒิสภา “นิคม  ไวยรัชพานิช”  ซึ่งแต่เดิมมีกระแสข่าวว่าทีแรกอาจจะรอดพ้นทั้งหมด เพราะเสียง"สนช."ถอดถอนอาจไม่ถึง 132 เสียง หรือ 3 ใน 5 ของ 220 เสียง  แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า สนช.บางกลุ่ม เริ่มกลับลำ  พร้อมมีกระแสข่าวว่าอาจจะมีบางคนเท่านั้นที่รอด  ติดตามแหล่งข่าวกล่าวว่า
////////////////////////
18/1/58
3 เหตุผลที่สนช.จะถอดถอน"ยิ่งลักษณ์-สมศักดิ์-นิคม"

นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช.ปฏิรูปการเมือง ได้ส่งไลน์ถึงผู้สื่อข่าวในวันนี้ โดยนายประสารเเสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของสนช.ในการถอดถอนผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองว่า มีความเห็นว่าวันที่ 23 ม.ค.นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกถอดถอนด้วยคะแนนเสียงเกิน 132 เสียง ส่วนนายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตผู้นำรัฐสภา ก็มีสิทธิ์จะถูกถอดถอนด้วย เนื่องจาก
1.ความถูกต้องชอบธรรมอยู่กับฝ่ายยื่นถอดถอน ขณะที่การแถไถบิดเบือนอยู่กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวโทษ 2.อาจารย์วิชา มหาคุณ กรรมการปปช. ทำหน้าที่ได้ดี ชี้แจงประเด็นกระจ่าง ตอบคำถามอย่างมีน้ำหนักมีความอดทนและมีวุฒิภาวะ เทียบกับอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว อาจารย์วิชาได้ทั้งใจและได้ทั้งมือของสนช.เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
3.น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีการตรวจสอบของสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 16ม.ค. ทีมงานก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะคำถามส่วนใหญ่ถามตรงต่อนายกฯ บางคำถามเกี่ยวพันกับจิตสำนึกรับผิดชอบที่คนอื่นตอบแทนไม่ได้

เพราะ สนช.ต้องการฟังคนที่ถูกกล่าวโทษ ไม่ต้องการฟังลูกขุนพลอยพยัก ส่วนนายนิคมนั้นทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีที่น่ารังเกียจ ขณะที่นายสมศักดิ์ก็ยืนกรานในความผิดพลาดของตนเองอย่างไม่มีเหตุผล

ดังนั้นเชื่อว่าการลงมติวันนั้น จะเป็นวิจารณญาณประวัติศาสตร์ของ สนช. คาดว่า สนช.จะมีวินิจฉัยไปในทางแยกการปรองดองออกจากการลงมติ เพราะการลงมติเป็นการรักษาบรรทัดฐานทางคุณธรรมของสังคมไทย เป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่างความฉ้อฉลกับสุจริตธรรมว่าอะไรจะเหนือกว่ากันซึ่งจะชี้ชะตากรรมอนาคตได้ด้วยว่าการปฏิรูปกระบวนการทางการเมือง ยังมีความหวังได้หรือไม่ ขอประเมินว่า คะแนนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเกิน 132 เสียงแน่ ส่วนอีกสองคนนั้นก็มีสิทธิ์ลุ้นถึง 132 เสียงได้เช่นกัน

วันที่โพสข่าว : 18 มค. 2558 เวลา 18:29 น.
////////////////////////
14/1/58 Tnews

สืบเนื่องจากหากลงมติไม่ถอดถอนก็อาจจะนำไปสู่ผลกระทบที่มีต่อความเชื่อมั่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ที่ได้ประกาศมาโดยตลอดว่าโครงการรับจำข้าวได้

สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับประเทศและจะต้องมีผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ซึ่งผู้สื่อข่าวสำนักข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ได้ไปสัมภาษณ์ประชาชนต่อการลงมติถอดถอนดังกล่าว

ว่าด้วยเรื่องของการทุจริตที่ผ่านมาก็ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน ซึ่งตอกย้ำกับกรณีที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปแจ้งความกับกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง ติดตาม

จากรายงาน

และแม้ว่าในวันที่ลงมติถอดถอนผลจะออกมาเป็นอย่างไรสถานการณ์ล่าสุด มีรายงานข่าว จากแหล่งข่าวของสนช.โดยระบุขนาดว่า สนช.ได้ส่งสัญญาณมาถึง สนช.สายทหารและสายตำรวจว่าจะ

ต้องลงมติถอดถอนในครั้งนี้กันเลยทีเดียว

แหล่งข่าวจากสมาชิก สนช.เปิดเผยถึงการถอดถอนนายนิคม, นายสมศักดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า มีการส่งสัญญาณจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มายังสมาชิก สนช.สายทหารและตำรวจแล้วว่า

ให้ดำเนินการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเห็นว่าหากปล่อยให้หลุดคดีออกไปจะกระทบภาพรวมการทำงานของ คสช., สนช. และรัฐบาลที่ตกเป็นจำเลยสังคม และส่งผลให้ การปฏิรูปและการ

บริหารประเทศเสียหาย ทั้งระบบ โดยเห็นว่าช่องทางกฎหมายสามารถเอาผิดได้แม้รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว แต่ยังมีกฎหมาย ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการ แผ่นดิน

พ.ศ.2534 บังคับใช้อยู่ ซึ่งขณะนี้ คสช.เริ่มวางแนวทางและสร้างกระแสสังคมนำไปสู่การถอดถอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น มอบหมายให้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปแจ้ง

ความกองบังคับการกองปราบปรามเอาผิดคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าวไว้แล้ว

โดยขณะนี้มีฝ่ายที่ต้องการถอดถอนประกอบด้วยกลุ่ม 40 สว. นักวิชาการและข้าราชการพลเรือน ซึ่งก็มีคะแนนเสียงสูสีกับฝ่ายที่ไม่ต้องการแตกหักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่

ประกอบด้วย ข้าราชการทหารและตำรวจ และที่เกษียณแล้ว เชื่อว่าเมื่อมีการส่งสัญญาณจาก คสช. จะทำให้เสียงถอดถอนถึง 3 ใน 5 หรือ 132 เสียงแน่นอน แต่สุดท้ายต้องดูสัญญาณ อีกครั้งในวันที่

มีการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะมีใครแตกแถวหรือไม่ เพราะมีสนช.หลายคนที่มีความสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กรณี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ สนช. ที่

เสนอให้ประชุมลับเมื่อครั้งแถลงเปิดคดีถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์ ที่มีเสียงสนับสนุนถึง 70 เสียง

ในส่วนถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์นั้น ถึงแม้จะต้องการถอดถอน เพราะ เห็นว่าเป็นการแก้กฎหมายเพื่อตัวเองและพวกพ้อง แต่ที่สุดเสียงถอดถอนคงไม่ถึง 132 เสียง สาเหตุเพราะไม่มีรัฐ

ธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นฐานความผิด

ขณะที่แหล่งข่าวจากสนช. กลุ่ม 40 สว.เผยว่า หลัง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์และรองหัวหน้า คสช.มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศไปแจ้งความที่

กองปราบฯ เพื่อดำเนินคดีคู่สัญญาโครงการรับจำนำข้าว แสดงถึงการส่งสัญญาณชัดให้ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และยังสอดคล้องกับการชี้มูลของป.ป.ช. ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ส่อจงใจปล่อยให้เกิดความ

เสียหายในโครงการจำนำข้าว ซึ่งสนช.จำนวนมากรับทราบสัญญาณ ดังกล่าวตรงกัน เพราะหากดำเนินการไม่สำเร็จ ผลร้ายจะตกที่คสช.ลงมาถึงองค์กรอื่นๆตามลำดับ แต่สิ่งที่เป็นกังวลขณะนี้มี

ประเด็นเดียวคือ กลุ่มสนช.ที่ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณอาจใช้วิธีงดออกเสียงแทน ถ้ามีจำนวนมากก็จะทำให้เสียงถอดถอนไม่ถึง 132 เสียง

นอกจากนี้ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสข่าวว่า

มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฃ ในการพิจารณาสำนวนคดีถอดถอน ขอยืนยันว่า สมาชิกได้ยึดถือหลักการและกฎหมาย โดยดำเนินการตามข้อมูลด้วยเหตุและผลตามสำนวน ซึ่งเป็น

เรื่องที่สมาชิกแต่ละคนจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา ไม่มีคำสั่งแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักปฏิบัติ และกฎหมายจะต้องใช้บังคับได้อย่างแท้จริง กระแสข่าวที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นความคิดในอดีต

แต่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่      

ขณะที่ขั้นตอนในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ณ.ขณะนี้ก็เป็นการเตรียมความพร้อมของกรรมาธิการซักถามและการเตรียมข้อมูลของฝ่ายผู้ถูกร้องซึ่งวันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการซักถาม

สำนวนคดีถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์

พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ ประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอน นายนิคมไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ก็ได้เปิดเผยว่า ล่า

สุด นายนิคม ได้แสดงความจำนงที่จะมาตอบข้อซักถามตัวเอง ส่วนนายสมาศักดิ์นั้น ยังไม่ได้รับการแจงมายังคณะกรรมาธิการซักถาม ซึ่งหากจะมาตอบข้อซักถามดัวยตัวเองได้หรือไม่นั้น คงต้อง

ขึ้นอยู่กับที่ประชุม

ขณะเดียวกันประเด็นการถอดถอน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย  ระบุว่าไม่ทราบว่ามีอำนาจในการถอดถอนหรือไม่ แต่ในขณะนี้ สนช. รับเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแล้ว แสดง

ให้เห็นว่า มีอำนาจในการถอดถอน

ขณะเดียวกันในวันที่ 15 มกราคม  คณะกรรมาธิการซักถามจะประชุม คดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสมชาย แสวงการ โฆษกคณะกรรมาธิการซักถาม  สำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว

กล่าวว่า ในส่วนของคำถามที่เกี่ยวกับการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสมาชิก สนช.แปรญัตติ ตั้งคำถาม 13 ราย เป็นคำถามถึง ป.ป.ช. 23 คำถาม และถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ 60 คำถาม โดยจะมีการจัด

กลุ่มคำถามเรียงเหตุการณ์และตัดคำถามนอกประเด็นออก ส่วนคำถามที่ซ้ำก็จะนำมารวมกัน นอกจากนี้จะเชิญ สนช.ที่ตั้งคำถามมารับทราบเพื่อทำความเข้าใจด้วย ซึ่งในวันศุกร์ที่ 16 มกราคม 2558

จะมีการซักถามอย่างเปิดเผย แต่ในระหว่างนี้คำถามทั้งหมดจะเป็นความลับ

ไม่มีความคิดเห็น: