PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว11/3/58

Jab11Mar15
แม่น้ำ5สาย

แม่น้ำ 5 สาย เริ่มประชุมแล้ว โดยมี สปช. เป็นเจ้าภาพเตรียมเสนอเตรียมเสนอพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศใน 3 ส่วน

บรรยากาศที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี สถานที่จัดการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่าง

รัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3 ล่าสุด ได้เริ่มต้นการประชุมแล้ว โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ขณะที่ตัวแทนแต่ละฝ่ายเข้าร่วม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย พล.อ.วรพงศ์ สง่าเนตร ตัวแทน คสช. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นาย

เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ โดยการประชุมในครั้งนี้ สปช. เจ้าภาพ และเตรียมเสนอพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศใน 3 ส่วน คือ ความขัดแย้ง

ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการทุจริตคอร์รัปชั่น 9 ประเด็นยุทธ์ศาสตร์ และ 36 วาระการปฏิรูปและการพัฒนา ส่วนกรรมาธิการยกร่างฯ จะรายงานภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่พิจารณา
แล้วเสร็จ จำนวน 315 มาตรา
---------------------
นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประชุมแม่น้ำ 5 สาย ย้ำเร่งแก้ปัญหาตามขั้นตอน วางรากฐานอนาคตประเทศ

การประชุมแม่น้ำ 5 สาย ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานในการประชุม ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (

สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน โดยมี คณะรัฐมนตรี คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมประชุมในวันนี้ เพราะถือว่ามีความสำคัญในการวางแนวทาง โดยที่ผ่านมา ปัญหาภายในประเทศมีหลายเรื่อง อาทิ

การทุจริต ความไม่โปร่งใส รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ได้ คสช. จึงอาศัยความจำเป็นจากการเข้ามาควบคุมอำนาจ มาแก้ไขปัญหานี้ พร้อมย้ำว่า ทุกอย่างต้อง

ดำเนินการไปตามขั้นตอน นำไปสู่การวางอนาคตให้กับประเทศ

ขณะที่บรรยากาศโดยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ กองพันทหารสารวัตรที่ 11 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการวางกำลังดูแลและ

อำนวยความสะดวกตามปกติ
---------------------
ประชุมแม่น้ำ 5 สาย ผ่านไปแล้ว 4 ช.ม. นายกฯ ย้ำต่อที่ประชุม จำเป็นต้องหาเงินมาบริหารประเทศ งบประมาณลงทุนไม่เพียงพอ

บรรยากาศการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ผ่านไปแล้วเกือบ 4 ชั่วโมง ยังประชุมอย่างต่อเนื่อง โดยแม่น้ำแต่ละสายจะได้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานให้ที่ประชุมรับทราบ โดย พ.อ.วินธัย สุวารี

โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า คสช. จะติดตามความคืบหน้าในแต่ละสายงาน โดยเฉพาะในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ดำเนินการเป็นรูปร่างแล้ว ซึ่ง คสช. จะ

เน้นสอบถามรายละเอียดในระบบสถาบันทางการเมือง การสรรหาทางการเมืองเป็นหลัก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวย้ำตอนหนึ่งในห้องประชุมว่า มี

ความจำเป็นในการหาเงินมาบริหารประเทศ เช่น การจัดเก็บภาษี เพราะมีปัญหาต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะงบประมาณด้านการลงทุนนั้น ไม่เพียงพอ
------------------

////////////
ถอดนถอน38สว.

"พรเพชร" นัดคู่กรณีคดีถอดถอน 38 ส.ว. แถลงปิดสำนวนคดี 10.00 น. ขณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนรายมาตราต่อเนื่องเป็นวันที่ 3

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. เตรียมพิจารณารับฟังคำแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจา ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ

ทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และตัวแทนอดีต ส.ว. 3 คน เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนอดีต ส.ว. 38 คน ออกจากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว. ตามมาตรา 6 วรรค 2

ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการยก

ร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้จะพิจารณาทบทวนเรียงลำดับทั้ง 315 มาตรา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยไห้ทบทวนไปแล้ว 64 มาตรา และในวันที่ 12 มี.ค. นี้ จะเชิญตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง,
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาให้ความเห็นเพื่อนำไปทบทวนต่อไป
----------------
สนช.ถกถอดถอน38สว.แถลงปิดคดี

 ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา วันนี้ มีหลายประเด็นที่ต้องติดตาม โดยในช่วงเช้าวันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. เตรียมพิจารณารับ

ฟังคำแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจา ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และตัวแทนอดีตส.ว. 3 คน เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนอดีต ส.ว.38 คน ออก

จากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มาส.ว. ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 6 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ประกอบมาตรา  64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ.2542

สำหรับการลงมติถอดถอนในวันพรุ่งนี้ ทางวิป สนช.มีมติให้ใช้วิธีลงคะแนนลับเป็นรายบุคคล โดยจะมีบัตรลงคะแนนจำนวน 4 ใบแยกตามฐานความผิด  คือ สีส้ม สีขาว สีฟ้า และสีเขียว

ส่วนการตั้งกรรมการตรวจนับคะแนนจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะนับคะแนนของบัตรสีส้ม กลุ่มที่ 2 จะนับคะแนนบัตรสีขาว ขณะที่กลุ่มที่ 3 จะนับคะแนนของบัตรสีฟ้าและสีเขียว โดยการ

ถอดถอนจะต้องได้คะแนนเสียง 3 ใน 5 คือ  132 เสียง จาก 220 คนของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่

 ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ จะพิจารณาทบทวนเรียงลำดับทั้ง 315 มาตรา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยไห้ทบทวนไปแล้ว 64 มาตรา และในวันที่ 12 มี.ค. นี้ จะเชิญตัว

แทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ,สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาให้ความเห็นเพื่อนำไปทบทวนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ภารกิจในช่วงเช้าของประธาน สนช. ประธาน สปช. ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว ในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น.จะ

เดินทางเข้าร่วมประชุมแม่น้ำ 5 สาย ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ซึ่งวันนี้ สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ทั้งนี้ จะเสนอพิมพ์เขียว

ประเทศไทย ให้เห็นภาพรวมและทิศทางอนาคตของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนสู่ยุทธศาสตร์ และเป้าหมายที่เกี่ยวข้องให้แม่นำทั้ง 5 สายรับทราบเป็
-----------
สนช. เตรียมประชุม แถลงปิดสำนวนคดีถอดถอน 38 ส.ว. ขณะ น.พ.ชูชัย ทบทวน รธน.ไปแล้ว 70 มาตรา เชื่อ ปชช.พอใจ

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ล่าสุด สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อเตรียมตัวประชุม สนช. ที่จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. โดยวาระในการแถลงปิดสำนวนคดีถอด

ถอน 38 ส.ว. กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550

ขณะที่ น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงการพิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญตามรายมาตรา ไปแล้วประมาณ 70 มาตรา ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้หลักการเพิ่ม

เติม แต่มีการพิจารณาบันทึกในเจตนารมณ์แต่ละมาตรา เพื่อให้มีความชัดเจนขึ้น ส่วนในมาตราที่ได้มีการแขวนเอาไว้นั้น จะนำมาพิจารณาเมื่อถึงมาตรานั้น ทั้งนี้ น.พ.ชูชัย ระบุว่า จะต้องพิจารณา

ให้จบในมาตราดังกล่าวอย่างแน่นอน พร้อมเชื่อว่า ประชาชนจะพอใจเมื่อได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และได้ทำความเข้าใจ

นอกจากนี้ น.พ.ชูชัย ยังยืนว่า ต้องการให้มีการทำประชามติ ในช่วงที่มีสถานการณ์ปกติ เพื่อฟังความเห็นของประชาชน ส่วนการจะทำหรือไม่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี และคณะรักษา

ความสงบแห่งชาติ (คสช.)
--------------------

อดีต 38 ส.ว. ส่ง 3 ตัวแทนแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจา พร้อมยืนยันมีความชอบธรรมแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ล่าสุด ประธานการประชุมกดสัญญาณเรียกสมาชิกห้องประชุมแล้ว เพื่อเตรียมพิจารณารับฟังคำแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจาของ คณะกรรมการ

ป.ป.ช. และตัวแทนอดีต ส.ว. เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนอดีต ส.ว. 38 คน ออกจากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว. ทั้งนี้ การแถลงปิดสำนวนคดี เริ่มจาก นายวิชัย

วิวิตเสวี เป็นตัวแทน ป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา ขณะที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา มี 3 คน คือ นายกฤช อาทิตย์แก้ว อดีต ส.ว.กำแพงเพชร นายวิทยา อินาลา อดีต ส.ว.นครพนม และ นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีต

ส.ว.นนทบุรี จะสรุปปิดแถลงคดี โดยจะยืนยันในประเด็นหลักว่า มีการสลับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นร่างปลอมในการพิจารณาลงมติในวาระ 3 ซึ่งความชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่มีผล

ประโยชน์ทับซ้อน โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
-------------------------
"วิชัย" แถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจา ย้ำ อดีต 38 ส.ว. จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เข้าสู่พิจารณารับฟังคำแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ

ตัวแทนอดีต ส.ว. เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนอดีต ส.ว. 38 คน ออกจากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว. โดย นายวิชัย วิวิตเสวี เป็นตัวแทน ป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา

แถลงปิดสำนวนคดีก่อน พร้อมย้ำ อดีต ส.ว. ทั้ง 38 คน จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ

ทุจริต พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 58 (4) ทั้งการเข้าชื่อเสนอกฎหมายและลงมติในวาระ 1, 2 และ 3 ซึ่งมีการเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการโดยมิชอบ ทำให้กระบวนการทั้งหมดไม่ชอบไปด้วย
--------------------------
อดีต 38 ส.ว. แถลงปิดคดีถอดถอน ย้ำแก้รัฐธรรมนูญไม่ผิด ปัดล้มล้างการปกครอง

นายกฤช อาทิตย์แก้ว อดีต ส.ว.กำแพงเพชร เป็นตัวแทนอดีต 38 ส.ว. ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงว่า ไม่เคยมีแนวคิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

พร้อมทั้งเห็นว่า มติการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ไม่ชอบด้วยเหตุผลหลายประการ เพราะการจะชี้มูลถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ผู้ยื่นต้องมีอำนาจ

แต่จากการตรวจสอบพบว่า หนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. คือ นายภักดี โพธิศิริ ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัทหนึ่ง ตามที่ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เท่ากับว่า

เอกสารลงนามดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง ป.ป.ช. ยังมีการประชุมกันก่อนที่จะมีการยื่นคำร้องถอดถอน และในมติชี้มูลยังมีชื่อ นางสุภา ปิยะจิตติ ร่วมพิจารณา ทั้งที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ

เป็นกรรมการหลังจากที่มีการพิจารณาสำนวนไปแล้ว
--------------------
สุรชัย เผย ลงมติแบบลับ ถอดถอน อดีต 38 ส.ว.

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. คนที่ 1 กล่าวถึงขั้นตอนการลงมติถอนถอนอดีต 38 ส.ว. ในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ว่า จะมีการ

ลงมติถอดถอนหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) โดยจะใช้วิธีลงมติแบบลับในคูหาลงคะแนน

ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวจำนวนมาก และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการแยกฐานความผิดของ 38 อดีต ส.ว. ออกเป็น 4 กลุ่ม ให้ลงมติเป็นรายบุคคล

ซึ่งมีบัตรลงคะแนน 4 ใบ กล่องใส่บัตรลงคะแนน 4 กล่อง ตามสีของบัตรลงคะแนน โดยกลุ่มที่หนึ่ง 22 คน เป็นบัตรสีส้ม กลุ่มที่สอง 13 คน เป็นบัตรสีขาว กลุ่มที่สาม 2 คน เป็นบัตรสีฟ้า และ

กลุ่มสุดท้าย 1 คนเป็นบัตรสีเขียว

อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะกรรมการนับคะแนนขึ้นมา 3 ชุด ๆ ละ 6 คน โดยในบัตรลงคะแนนสีต่าง ๆ จะมีช่องถอดถอนและไม่ถอดถอนเพื่อให้สมาชิกได้ลงมติ มีการขานชื่อให้สมาชิกมารับ

บัตรทีละคน คนละ 4 ใบ ไปลงคะแนนในคูหา คาดว่า การลงมติครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 ช.ม.


//////////
ความมั่นคงระเบิด

ผกก.สน.พหลโยธิน เผย ศาลยุติธรรม ไม่ได้ขอกำลัง ตร.ดูแลเพิ่มเติมหลังเหตุระเบิด แต่ยังสนธิกำลังทหารตั้งจุดตรวจเข้ม ยังคุมตัวแก๊งบึ๊มค่ายทหาร

พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.พหลโยธิน และพนักงานสอบสวนในคดีระเบิดศาลอาญา รัชดาภิเษก เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดศาลอาญา ทางศาลยุติธรรม ไม่ได้

ร้องขอกำลัง ตร.เพิ่มเติม ในการดูแลรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้สนธิกำลังกับทางทหารในการตั้งด่านสกัด บริเวณหน้าศาลอาญาทุกวัน โดยเฉพาะช่วงยามวิกาล

เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน

ส่วนในทางคดีนั้น ตนเป็นหนึ่งในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ด้วย ในฐานะเจ้าของท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ยังถูกควบคุมตัวโดยทหารตามกฎอัยการศึก ยังไม่ได้มีการส่งตัว

ให้กับ ตร.
-----------
ศปก.ตร. สั่ง สันติบาล รปภ.ตร.เข้ม หวั่นตกเป็นเป้าหมายสร้างสถานการณ์ทำลายความน่าเชื่อถือ - วอน ปชช.แจ้งเบาะแสหาฆาตกรข่มขืนแม่เฒ่าต่อเนื่อง

พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. ให้ตำรวจสันติบาล เพิ่มความเข้มในการรักษาความ

ปลอดภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา อย่างเข้มงวด เนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์
สำคัญที่ผู้ไม่หวังดี อาจก่อเหตุในลักษณะเดียวกันได้ เพื่อต้องการลดความน่าเชื่อถือ

พร้อมกันนี้ ยังกำชับให้ ศปก.ตร. ประชาสัมพันธ์ รับแจ้งเบาะแสข้อมูล กรณีคนร้ายก่อเหตุกระทำชำเราผู้สูงอายุต่อเนื่องในหลายรายในพื้นที่จังหวัดนครปฐม/ สมุทรสาคร/ สมุทรสงคราม โดยมีหลัก

ฐานเป็นเสื้อเชิ้ตที่คนร้ายสวมใส่ มีรอยคราบลักษณะกดทับเหมือนแบกสิ่งของที่บ่าของเสื้อด้านซ้าย และรอบคราบที่แขนเสื้อด้านซ้ายในลักษณะเหมือนประคองสิ่งของที่แบก ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงอาชีพ

ของคนร้ายได้ โดยสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1599 หรือแจ้งไปศูนย์ประสานงานคดีนี้ที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม ได้ ที่เบอร์ 034-297-741 ตลอด 24 ช.ม.
--------------
ผบช.น.เผยคืบคดีระเบิดศาลอาญา ทหารเตรียมส่งมอบผู้ต้องหาให้วันที่ 13 มี.ค. นี้ ยังไม่เชื่อมโยงคนอื่น

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณด้านหน้าลานจอดรถ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นทาง

เจ้าหน้าที่ทหารจะส่งมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันศุกร์ที่ 13 มีนาคมนี้แน่นอน ด้านหมายจับต้องรอสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมก่อน รวมทั้งได้มีการประสาน
การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารตลอด แต่ถึงอย่างไรขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารเกี่ยวกับคดี จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าพบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ด้านสองนายพลขณะนี้ยังไม่พบหลัก

ฐานที่มีส่วนเชื่อมโยง แต่ถ้าพบก็จะมีการเรียกให้เข้ามาชี้แจ้งต่อไป

ส่วนกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจลงพื้นที่ตรวจบ้านผู้ต้องสงสัยที่ย่านนวมินทร์ พบมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน

ด้านการข่าวเกี่ยวกับการก่อเหตุในลักษณะนี้ ก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี ขึ้นชื่อว่าข่าว ยังไงก็เป็นเพียงข่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการวางกำลังดูแลพื้นที่เสี่ยงอยู่ตลอดมา

อยู่แล้ว
------------
ผบช.น.เผย สามารถจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปาระเบิดศาลได้แล้ว 7 คน จาก 9 คน จัดกำลังดูแลจุดเสี่ยง กทม. แล้ว

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบ

คุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 7 คน จากผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน ที่มีหมายจับ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอการส่งตัวผู้ต้งหาทั้ง 7 คนมาให้สอบปากคำเพิ่มเติมในวันศุกร์นี้ (13 มี.ค.) ซึ่งวันศุกร์นี้อาจมี

การส่งตัวมาทั้ง 9 คนในหมายจับก็ได้

ส่วนเหตุระเบิดในครั้งนี้ยังยืนยันว่าคาดจะเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดหลายพื้นที่เมื่อปี 2557 เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งชนิดระเบิดที่ใช้คือ RGD 5 ที่ไม่มีใช้ในราชการ

ไทย ซึ่งเหตุจูงใจคาดว่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองแน่นอน

พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานครอย่างเข้มงวด ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือเหตุร้ายให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบได้เมื่อพบว่าเป็นเหตุที่ไม่

ชอบมาพากลหรือพบบุคคลที่มีพฤติกรรมพิรุธ
--------
ผบ.ทบ. เดินทางกระชับความสัมพันธ์มาเลเซีย ขณะปัดตอบบึ้มศาลอาญา

วันนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางขึ้นเครื่องบินกองทัพออก มากรมการขนส่งทหารบก เพื่อเดินทางไปประเทศมาเลเซีย โดยก่อนเดินทาง พล.อ.อุดมเดช เปิดเผยว่า การเยือน

ประเทศมาเลเซีย ในครั้งนี้ ตามคำเชิญของผู้บัญชาการทหารบกประเทศมาเลเซีย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และหารือถึงความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งขณะนี้ ไทย และมาเลเซีย มีการฝึกการ

ทหารร่วมกันในระดับกองร้อย รวมถึงกำลังจะมีการยกระดับด้านการข่าวเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ประเทศมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวกนั้น

คงเป็นพูดถึงการสนับสนุนมากกว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาล และสำนักข่าวกรองของมาเลเซีย ผบ.ทบ. ไม่ได้รับผิดชอบแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับความคืบหน้าเหตุระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดชัดเจนแล้ว
--------------------
โฆษก กอ.รมน. เผย ผู้นำศาสนา 3 จว.ชายแดนใต้ สนับสนุนการแก้ปัญหาด้วยสันติของรัฐบาล

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เปิดเผยว่า ในห้วง 10-11

มี.ค. 58 คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ได้เดินทางมาพบปะผู้นำศาสนาระดับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และผู้ทรง

คุณวุฒิทางศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมความเข้าใจต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรับฟังความคิดเห็น

ทั้งนี้ ผู้นำศาสนา ได้เห็นด้วยและขอสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยสันติวิธี และพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายการพูดคุยเพื่อ

สันติสุขของรัฐบาลให้บรรลุผลสำเร็จ สร้างสันติสุข ให้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ขอให้คณะพูดคุยฯ ใช้ความอดทนให้ถึงที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และให้ผู้เห็นต่างทุกกลุ่มไว้วางใจ
อย่างจริงใจ เพื่อที่จะร่วมมือกันนำพาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปสู่สันติสุข บนพื้นฐานของความเข้าใจที่ตรงกัน ขอให้รัฐบาลเชื่อมั่นในผู้นำศาสนา และผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาที่พยายามวาง

ตัวบนพื้นฐานของหลักศาสนาที่ถูกต้อง ไม่เข้าข้างใคร ที่ผิดต่อหลักคำสอน และขอให้ทั้งรัฐบาล และผู้เห็นต่าง ยกระดับความเชื่อมั่น ต่อผู้นำศาสนา รวมตลอดทั้งเป็นหลักประกันในความปลอดภัย
ของผู้นำศาสนา นอกจากนี้ คณะพูดคุยฯ มีแผนจะรับฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในครั้งต่อไป
-------------
โฆษก กอ.รมน. เผยผู้นำศาสนาเห็นด้วยสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาความรุนแรง 3 จ.ใต้ ด้วยสันติวิธี เดินหน้าพูดคุยสันติสุข

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ในระหว่างวันที่ 10-11

มี.ค. 58 คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะได้เดินทางมาพบปะ ผู้นำศาสนาระดับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาอิสลามในพื้นที่

จชต. เพื่อเสริมความเข้าใจต่อกระบวนการพูดคุยและรับฟังความคิดเห็น ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งผู้นำศาสนาเห็นด้วย และขอสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ด้วยสันติวิธี และ
พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายการพูดคุยเพื่อสันติสุขให้บรรลุผลสำเร็จ สร้างสันติสุข ให้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน และขอให้คณะพูดคุยฯ ใช้ความอดทนให้ถึงที่สุด

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตลอดจนขอให้ผู้เห็นต่างทุกกลุ่มไว้วางใจอย่างจริงใจ เพื่อที่จะร่วมมือกันนำพาไปสู่สันติสุข บนพื้นฐานของความเข้าใจที่ตรงกัน

พร้อมกันนี้ ผู้นำศาสนาขอให้รัฐบาลเชื่อมั่นในผู้นำศาสนา และผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนา ที่พยายามวางตัวบนพื้นฐานของหลักศาสนาที่ถูกต้อง ไม่เข้าข้างใคร ที่ผิดต่อหลักคำสอน

///////////
นายกฯ

นายกฯ เข้าปฏิบัติงานทำเนียบแล้ว ขณะช่วงบ่าย เตรียมประชุมแม่น้ำ 5 สาย

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยในช่วง

เช้านี้ นายกรัฐมนตรี ไม่มีวาระงานใดเป็นพิเศษ คาดว่าจะติดตามงานในส่วนต่าง ๆ ตามปกติ ขณะที่ในช่วงบ่ายของวันนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมประชุมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

(คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต

ทั้งนี้ การรักษาความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ยังคงเป็นไปด้วยความเข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตามจุดต่างๆ เพื่อตรวจตราบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก อย่างละเอียด
-------------------
คสช. , รัฐบาล ห่วงปัญหาไฟป่า-หมอกควันในภาคเหนือ มอบ กห. เข้ายุติสถานการณ์โดยด่วน ขณะที่ ผบ.ทบ. สั่งการให้ ทภ.3
เร่งบูรณาการทุกภาคส่วนในทุกพื้นที่ คลี่คลายปัญหา

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มีความห่วงใยผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ จึง

ได้มีบัญชาให้กระทรวงกลาโหม ดำเนินการแก้ไขไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน และให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ในการนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร

ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ระดมขีดความสามารถเข้าลดภาวะหมอกควันและไฟป่า รวมถึงการรณรงค์ใน

พื้นที่ภาคเหนือทันที

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม ได้ให้เหล่าทัพเข้าสนับสนุนปฏิบัติการในครั้งนี้ โดย กองทัพบก ได้เตรียมอากาศยานพร้อมถังบรรจุน้ำดับเพลิงแบบยกขึ้นด้วยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมให้การสนับสนุน

การดับไฟในพื้นที่ภาคเหนือตลอดเวลา กองทัพอากาศ สนับสนุนเครื่องบินลำเลียง แบบที่ 2 ก.(BT- 67) จำนวน 2 ลำ ในการบินโปรยละอองไอน้ำในอากาศเพื่อสลายหมอกควัน ส่วนกองทัพเรือ

และกองบัญชาการกองทัพไทย จะสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำเข้าดับไฟและฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มเติมในทุกพื้นที่ที่เกิดปัญหาขึ้น ทั้งนี้ ในการลดภาวะหมอกควันได้ มีการสนธิรถน้ำจากทุกภาคส่วน

และฝ่ายปกครองร่วมกันนำรถน้ำออกฉีดพ่นละอองไอน้ำเข้าสู่อากาศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน เพื่อบรรเทาให้ภาวะหมอกควันเจือจางลงและมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 3 ยังได้จัดชุดลาดตระเวนป้องกันไฟป่าร่วมกับส่วนราชการและประชาชน เพื่อเข้าพิสูจน์ทราบการเกิดไฟป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร พร้อมเข้าดับไฟทันที โดย

เฉพาะไฟที่เกิดขึ้นตามแนวเส้นทางสัญจร โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มกราคม ที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการจัดชุดรณรงค์ขอความร่วมมืองดการเผาเศษวัสดุและผลผลิตทางการเกษตร ใน

ขณะเดียวกัน มีการประสานกับส่วนราชการและองค์การปกครองท้องถิ่นในการจัดทำแนวป้องกันไฟป่าเฉพาะพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจำกัดการเกิดไฟไม่ให้สร้างความเสียหายออกสู่พื้นที่ภายนอก
--------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เซ็นคำสั่งย้าย นายแพทย์ณรงค์ เข้าสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะตั้ง หมอสุรเชษฐ์ รักษาราชการแทน

นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เซ็นคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 434/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วยสำนักนายกรัฐมนตรี

ได้มีคำสั่งที่ 75/2558 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2558 ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กรณี นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นที่

ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานด้านการวิจัยและการพัฒนาด้านสุขภาพแห่งชาติ

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงแต่งตั้งให้ นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนปลัด

กระทรวงสาธารณสุขอีกตำแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนั้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 11 มีนาคม 2558
////////////////
ปปช.

สรรเสริญ เผย อัยการแจ้งสำนวนคดีจุฑามาศไม่สมบูรณ์ ตั้งคณะทำงานร่วมรวบรวมหลักฐานเพิ่ม

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นางจุฑามาศ ศิริวรรณ เมื่อ

ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินจากนักธุรกิจชาวอเมริกัน เพื่อให้สิทธิ์ในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพฯ มูลค่ากว่า 60

ล้านบาท ว่า กรณีกล่าวหานี้อัยการสูงสุด (อสส.) ได้แจ้งข้อหาไม่สมบูรณ์และขอให้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทน อสส. และผู้แทนคณะกรรมการ

ป.ป.ช. ขึ้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานหลักฐานผ่านช่องทางความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา จากกระทรวงยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยขณะนี้ คณะทำงานร่วมฯ ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์และเสร็จสิ้น และคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. ส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้คณะทำงานฝ่าย อสส. เรียบร้อยแล้ว

จำนวน 8,700 แผ่น เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลการพิจารณาคดีของ อสส.

////////////////
เศรษฐกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้แทนฝ่ายจีน เดินทางถึงหนองคาย เริ่มประชุมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 3

บรรยากาศลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 3 ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

และผู้แทนฝ่ายจีน และคณะสื่อมวลชนได้เดินทางมาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี แล้ว โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอุดรธานี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย

ผู้บริหารจากหน่วยงานแขวงการทางจังหวัดหนองคาย รอให้การต้อนรับ และนำคณะเดินทางไปยัง โรงแรมบุศยรินทร์ จังหวัดหนองคาย เพื่อเริ่มประชุมในเวลา 11.00 น.

สำหรับในช่วงบ่ายทางคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย จะลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ก่อสร้างสะพานสำหรับรถไฟแห่งใหม่เพื่อเชื่อมทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ ไปยังประเทศจีน พร้อมทั้งสำรวจ

เส้นทางและติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง
-----------
จีนตกลงซื้อข้าวไทยในราคาตลาด 2 ล้านตัน และยางพาราอีก 2 แสนตัน พร้อมซื้อสินค้าเกษตรต่อเนื่อง

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ นายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ผู้แทนรัฐบาลจีน ภายใต้

กรอบบันทึกความเข้าใจ หรือ เอ็มโอยู ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ฉลองความสัมพันธ์ฉันทมิตรที่แน่นเเฟ้นระหว่างสองประเทศ

โดยจีนและไทยตกลงตั้งคณะทำงานร่วมกัน 2 คณะเพื่อหารือแยกกันตามความตกลงซื้อข้าวและยางพารา ซึ่งรัฐบาลจีนจะซื้อข้าวจากไทยจำนวน 2 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวใหม่จำนวน 1 ล้านตัน และ

ข้าวในสต๊อกของรัฐบาลไทยอีกจำนวน 1 ล้านตัน ในช่วงระหว่างปี 2558-2559 ในราคาตลาด และตกลงในหลักการที่จะซื้อยางพาราจากไทย จำนวน 2 แสนตัน ในราคานำตลาด และในช่วงระยะ

เวลาของการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของไทย ทางการจีนรับปากจะซื้อข้าวและสินค้าเกษตรอื่น ๆ จากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-------
"พาณิชย์" เตรียมตั้งคณะทำงานพิจารณาเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ก่อนเสนอรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางเรียกค่าเสีย

หายในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากผู้

เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการหารือมีข้อสรุปให้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณาเรียกค่าเสียหายของแต่ละฝ่าย ทั้งฝ่ายกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคลัง

โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานและประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหารือแนวทางว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไร ก่อนจะเสนอกลับ

ไปยังรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายเพื่อพิจารณาต่อไป
------------
ผิดคาด กนง.เสียงแตก 4 ต่อ 3 หั่นดอกเบี้ยลง ร้อยละ 0.25 เหลือ ร้อยละ 1.75 ต่อปี หลังมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ย

นโยบายลง ร้อยละ 0.25 จาก ร้อยละ 2 เป็น ร้อยละ 1.75 ต่อปี โดยให้มีผลทันที เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2557 และเดือนมกราคม 2558 ฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะการบริโภคการลงทุนภาค

เอกชนและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนลดลง ซึ่งคณะกรรมการประเมินว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงกว่าที่ประเมินไว้ โดยแรงกระตุ้นภาคการคลังต้องใช้เวลากว่าจะ
เห็นผลชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นคณะกรรมการ 4 คนจึงเห็นควรให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและพยุงความเชื่อมั่นภาคเอกชน

ขณะที่คณะกรรมการอีก 3 คนเห็นว่าดอกเบี้ยในระดับ ร้อยละ 2 อยู่ในระดับที่ผ่อนปรนเพียงพอในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงให้คงอัตราดอกเบี้ย
-----------------
"กอบศักดิ์" ชี้ กนง.ลดดอกเบี้ยช่วยส่งผลบรรยากาศเท่านั้น ยังไม่สามารถช่วยกระตุ้นได้เต็มที่ หลังประสบภาระหนี้ครัวเรือน ราคาเกษตรตกต่ำ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ

0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี เชื่อว่าจะมีผลช่วยสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่มองว่ายังไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาคเอกชนได้ เนื่องจากไทยยังมีปัญหา

ของภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 85 ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)  ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้มีผลต่อกำลังซื้อของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่าง

จังหวัด รวมถึงการลดดอกเบี้ยลงไม่ช่วยให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากขณะนี้เกิดความไม่ดุลจากการที่ไทยนำเข้าน้ำมันมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาทต่อปี สวนทางกับราคา

น้ำมันที่ผันผวน ทำให้ไทยใช้เงินบาทน้อยลงในการซื้อน้ำมัน จึงเกิดการแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนของโครงการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลให้เอกชนเกิดความสนใจลงทุนตาม โดยการลดดอกเบี้ยไม่ช่วยกระตุ้นให้ภาค

เอกชนเกิดการลงทุนมากขึ้น ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้เท่านั้น แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อตามเดิม
---------------
กนง. เล็งปรับเป้า GDP ใหม่ 20 มี.ค. นี้ พร้อมคาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งนี้ อาจจะอยู่ในระดับต่ำสุดของอาเซียน

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า จากการลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่

ในระดับต่ำสุดของอาเซียน ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินยังต้องติดตามผลกระทบจากความเสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลา

นาน

นอกจากนี้ คณะกรรมการ กนง. ได้มีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รวมไปถึงการส่งออก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีน ซึ่ง กนง. จะแถลง

ปรับลดจีดีพีใหม่ในรายงานนโยบายการเงินในวันที่ 20 มีนาคมนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4 ส่วนการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 1
----------------
โฆสิต มองศก.ปีนี้จะโต 4% ดีขึ้นจากปีก่อน จากโครงการลงทุนของภาครัฐ ยอมรับห่วงส่งออก การบริโภคในประเทศ

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตที่ประมาณร้อยละ 4 ดีขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากแรงขับเคลื่อนของโครงการลงทุน

ภาครัฐ ที่จะช่วยทำให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนตาม และจะช่วยให้เศรฐษกิจขยายตัวได้ โดยถือว่าเป็นการซื้อเวลาของรัฐบาลที่จะช่วยให้ภาคเอกชนได้ปรับตัวให้เข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความ

เป็นห่วงด้านการบริโภคในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากประสบปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และด้านการส่งออกของไทย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถให้

แข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
--------------
โฆสิต มอง กนง.ลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึง การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. น่าจะ

เกิดจากภาครัฐต้องการให้ภาคธุรกิจและประชาชนลงทุนและใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณที่ทำให้สินค้าภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นได้ แต่ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงอัตรา

ดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด จะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น และไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลง เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับการไหลเข้าออกของเงินทุน ทั้งนี้ จะต้องติดตามปัจจัยที่สำคัญ

ทั้งกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงกลางปีนี้ โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลให้เงินบาทมีเสถียรภาพและแข่งขันได้
----------------
กระทรวงคมนาคม สรุปการประชุมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 3 ชัดเจนรูปแบบความร่วมมือ การเดินรถ

นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวสรุปผลการประชุมการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่

10-11 มี.ค. 58 ว่า ที่ประชุมได้สรุปรูปแบบความร่วมมือ EPC โดยได้มีการแบ่งความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ทั้งนี้ ไทยจะรับผิดชอบในส่วนของการวางฐานราก และ Power supply

ขณะที่จีนจะรับผิดชอบของเส้นทางบริเวณที่เป็นภูเขา ไหล่เขา เนื่องจากจะต้องใช้เทคโนโลยีของจีน ด้านการเดินรถและการบำรุงรักษา จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนของ 2 ฝ่าย แบ่งการดำเนินการเป็น 3

ช่วง คือ ช่วงแรกระยะปีที่ 1-3 จีนจะเป็นผู้ดำเนินการเดินรถ ช่วงที่ 2 ระยะปีที่ 4-7 ไทย-จีนจะดำเนินการร่วมกัน และช่วงตั้งแต่ปีที่ 7 เป็นต้นไป ไทยจะรับเป็นผู้ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ด้านแหล่งเงินทุนนั้น แบ่งเป็นการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจะใช้เงินทุนจากภาครัฐ, การวางฐานราก จะใช้การกู้เงินภายในประเทศ, ระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณ จะใช้แหล่งเงินทุน

โดยการกู้เงินจากประเทศจีน ในส่วนของการเดินรถและการบำรุงรักษา จะเป็นแหล่งเงินทุนร่วมกันของไทยและจีน ทั้งนี้ ในเรื่องของข้อกฎหมายต่าง ๆ จะมีการหารือรายละเอียดอีกครั้งในการ

ประชุมครั้งที่ 4

ไม่มีความคิดเห็น: