PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว24/3/58

คดีความมั่นคง

ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจ พบอาวุธหัวหินไม่น่าใช่เตรียมป่วนประชุม ครม.สัญจร เชื่อ ไม่โยงคดีการเมือง เร่งตรวจสอบข้อมูลเพิ่ม

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกฯด้านความมั่นคง เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN  ว่า จากการเข้มงวดอย่างต่อเนื่องของฝ่ายความมั่นคง ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เป็นต้นมา ประสบความสำเร็จตามลำดับ แม้จะมีการก่อเหตุบ้างเล็กน้อย แต่เป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนยังมีกลุ่มป่วนที่จ้องจะสร้างความวุ่นวายเช่นกัน ซึ่งฝ่ายความมั่นคงนั้น ก็ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนการพบอาวุธจำนวนมากที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้น ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับเหตุป่วนโดยตรง อาจเป็นเพียงผู้ครอบครองพยายามทิ้ง หลังเจ้าหน้าที่กดดันกวาดล้างมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นอาวุธเก่า ที่มีการจำหน่ายไปแล้วและเจ้าหน้าที่บางคนลักลอบนำไปเท่านั้น

พร้อมกันนี้ ที่ปรึกษารองนายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า เบื้องต้นการพบอาวุธดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นการซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุ ในช่วงการประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจร เพราะการประเมินจากลักษณะการซุกซ่อนไม่ได้เป็นการพร้อมใช้และภาพรวมหากเป็นการเตรียมก่อเหตุจะไม่ซุกซ่อนในลักษณะดังกล่าว แต่ต้องดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง รวมถึงการตรวจสอบแหล่งที่มาของอาวุธ

นอกจากนี้ ในทางการข่าว จากการตรวจสอบคำให้การของผู้ต้องหาว่า จะมีการก่อเหตุ 100 จุด นั้น เบื้องต้น ไม่พบข้อมูลว่าจะมีการปฏิบัติการ หรือการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และมีการเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุแล้ว
-------------------
ทนาย "อภิสิทธิ์" ยื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช. กรณีสลายชุมนุม นปช. ยันทุกคำสั่ง ศอฉ.ถูกต้อง กำชับไม่ให้ใช้ความรุนแรง

บรรยากาศที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางเข้ายื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหากรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีสั่งการให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ปี 2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต

โดย นายบัณฑิต เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการมายื่นเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ตามกำหนด 15 วันของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีเอกสารชี้แจงทั้งหมด 47 หน้า พร้อมกับเอกสารแนบประกอบอีก 40 รายการ ทั้งแผ่นซีดี รูปถ่าย และเอกสารทางราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจะขอแก้ทุกข้อกล่าวหา ทั้งที่ระบุว่าไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการหลังพบว่ามีผู้ถึงแก่ความตาย รวมถึงข้อกล่าวหาที่ระบุนโยบายและฝ่ายปฏิบัติการไม่สอดคล้องกัน โดยยืนยันว่าทุกคำสั่งของ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกมาโดยถูกต้องและกำชับไม่ให้ใช้ความรุนแรง

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. อ่านคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้วยังมีข้อสงสัย นายอภิสิทธิ์ยินดีที่จะเดินทางมาแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
-----------
พล.อ.ประวิตร นัดประชุม สภากลาโหม ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง การรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

ความเคลื่อนไหวที่กระทรวงกลาโหม ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ประจำเดือนมีนาคม 2558 โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย สมาชิกสภากระทรวงกลาโหม เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทหาร และมีสื่อมวลชนมาคอยติดตามการทำข่าวอย่างใกล้ชิด
----------------------
พล.อ.ประวิตร ยัน ไม่มีการซ้อมผู้ต้องหา ย้ำ ให้อัยการศึกแค่ 2 เรื่อง คุมตัว-ออกหมายจับเท่านั้น นายกฯ กำลังหารือผ่อนปรน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการตำรวจของไทย เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเสี่ยงต่อการโดนทรมาน

โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการซ้อมทรมานร่างกายผู้ที่ถูกควบคุมตัวตามที่มีกระแสข่าว เป็นเพียงแค่การสอบสวนตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้กฎอัยการศึกเพียงแค่ 2 เรื่อง คือ การเข้าควบคุมตัวกับการออกหมายจับเท่านั้น และในขณะนี้ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็กำลังหารือเพื่อปรับผ่อนปรนการใช้กฎอัยการศึกเพื่อให้ต่างประเทศมีความมั่นใจกับประเทศไทยมากขึ้น แต่ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบกับการบริหารประเทศของรัฐบาลด้วย
----------------------
พล.อ.สรรเสริญ ยัน ทุกหน่วยงานยึดแนวทางปฏิบัติตามหลักสากล เรียกร้องทุกองค์กรเคารพ ให้เกียรติการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่องค์การนิรโทษกรรมแสดงความเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของผู้ต้องหาคดีปาระเบิด ว่า ขอยืนยันว่าทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดแนวทางปฏิบัติตามมาตรการสากล และกระบวนการยุติธรรมที่เป็นที่ยอมรับ ขณะที่มีการติดตามดูแลการปฏิบัติในทุกขั้นตอนเหมือนกันทุกกรณีไม่เฉพาะเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พล.ต.สรรเสริญ ระบุว่า อยากเรียกร้องให้ทุกองค์กรหน่วยงานได้เคารพและให้เกียรติการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไทย และมั่นใจในข้อมูลอย่างเป็นทางการที่ชี้แจงโดยรัฐบาลมากกว่าการให้ความสำคัญกับแหล่งข่าว หรือการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยที่ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ ซึ่งหลายกรณีเป็นเรื่องข้อมูลเท็จที่หวังเพียงประโยชน์ส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูลเท่านั้น ดังนั้นองค์กรหรือหน่วยงานระดับโลก ควรระมัดระวังในการรับฟังหรือให้น้ำหนักกับข้อมูลบิดเบือนเหล่านี้เพราะอาจกระทบความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ
------------------------
"วินธัย" วอนทุกองค์กรทำความเข้าใจข้อมูลใหม่ ยันทหารไม่มีความจำเป็นต้องซ้อม ทรมาน ผู้ต้องหา ย้ำยึดมั่นตามหลักสากล

พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี แอมเนสตี้ สำนักงานใหญ่ ส่งจดหมายถึงทางการไทย แสดงความห่วงใยผู้ถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกเสี่ยงต่อการถูกทรมาน ว่า อาจเป็นความกังวลไปตามธรรมเนียมเดิม ทางองค์กรยังมีรายละเอียดและข้อมูลไม่ครบ ซึ่งการส่งจดหมายดังกล่าวอาจทำให้ทางองค์กรมีข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้ คสช.ไม่อยากให้บางบุคคล
หรือบางองค์กรมองสถานการณ์ด้วยทัศนคติแบบเก่า โดยเฉพาะการคาดเดาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในไทยนั้นออกจะเป็นไปในเชิงลบอย่างเดียว เนื่องจากบางบริบทในไทยนั้นมีความแตกต่างจากที่อื่น และยืนยันไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปซ้อมทรมานผู้ที่อยู่ในการควบคุมตามกฎอัยการศึก แต่จะใช้แนวทางการขอความร่วมมือและทำความเข้าใจให้ผู้ที่ถูกควบคุมมาร่วมกันกับทางเจ้าหน้าที่ในการแก้ปัญหาบ้านเมืองเป็นหลัก

ซึ่งแนวทางลักษณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยึดถือและปฏิบัติมาตลอด แต่ก็ทราบดีว่าอาจยังมีผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์จะพยายามหยิบยกนำไปบิดเบือน ขยายผลให้เกิดเป็นประเด็นเพื่อลดความน่าเชื่อถือ รวมถึงพยายามกดดันต่อต้านการใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้กฎหมายฉบับนี้ในมุมที่สร้างสรรค์มาตลอดต่อกรณีการควบคุมตัว ทางเจ้าหน้าที่ได้มีระบบบันทึกทำหลักฐานไว้ในทุกขั้นตอน
-----------------
พล.ต.สรรเสริญ ยันพบอาวุธ หัวหิน ไม่กระทบประชุม ครม. ไม่เพิ่มมาตรการ รปภ.เป็นพิเศษ รอตรวจสอบที่มาชัดเจน

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการตรวจพบอาวุธและวัตถุระเบิดใกล้พื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยยืนยันว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะรัฐมนตรี และไม่มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ วัตถุระเบิดที่พบซึ่งบรรจุในถุงที่ระบุข้อความว่า กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นั้นอาจเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหารหรือไม่ มองได้ว่า วัตถุดังกล่าวใช้ได้ทั้งทางทหารและอุตสาหกรรม เช่น การโม่หิน และอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งการระบุข้อความนั้นสามารถมองได้หลายอย่าง อาจจะเป็นของทหารจริง หรือ อาจเป็นความตั้งใจในการสร้างสถานการณ์      
------------------
พล.อ.อุนพงษ์ เผย พร้อมเป็นพยานให้ อภิสิทธ์ ตามคำขอ คดีสลายแดง 53 หากมีหนังสือเชิญ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีได้ยื่นขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบพยานเพิ่มเติมในคดีสลายการชุมนุมในปี พ.ศ. 2553 คือ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งมาให้เป็นพยาน และทาง นายอภิสิทธิ์ ก็ยังไม่มีการประสานมา แต่หากอะไรที่ต้องการความจริงก็พร้อมที่จะร่วมมือ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญคงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หากมีหนังสือเชิญให้ไปเป็นพยาน ตนก็พร้อมที่จะไป เพราะไม่มีความลับอะไรและจะพูดไปตามความจริง
----------------------
โฆษก สตช. เผย เร่งรวบรวมหลักฐานจ่อขอหมายจับจากศาล แก๊งบึ้มศาลอีก 2-3 คน รวมทั้งลูกชาย นางเดียร์ ด้วย 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. และ โฆษก สตช. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ความคืบหน้าเหตุ ปาระเบิดใส่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม โดยทาง พงส.กำลังอยู่ระหว่าง เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลทหารออกหมายจับเพิ่มเติม ขบวนการนี้อีก 2-3 คนด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้น มี นายธราเทพ มิตรอารักษ์ ลูกชายของ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ รวมอยู่ด้วย ซึ่งขอเวลาในการที่ชุดคลี่คลายคดีนี้ รวมรวมพยานหลักฐานก่อน ที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
//////////////////
ปฏิรูป

"เทียนฉาย" นัดประชุม สภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวาระปฏิรูปที่กรรมาธิการศึกษาแล้วเสร็จ 3 เรื่อง

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ มีคำสั่งนัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. เริ่มจากการรับทราบรายงานความคืบหน้าของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้น พิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 3 เรื่อง คือ 1.รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่อง วาระที่ 7 : การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (วาระการตรวจสอบ การใช้อำนาจรัฐ) 2.รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรม และการศาสนา เรื่อง วาระที่ 36 : ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันศาสนาเพื่อให้ เป็นสถาบันหลักของสังคม และ 3.รายงานการพิจารณาของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์ กิจการพระพุทธศาสนา เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาเสร็จแล้ว
----------------------
"เจษฏ์" แจง ระบบ ลต.ที่ กมธ.เขียน กับ เยอรมัน มีความแตกต่าง เน้นอำนาจประชาชน ยันต้องปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยที่สุด 

รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ในการทบทวน ภาค 3 นิติธรรม-ศาล-องค์กรตรวจสอบใช้อำนาจรัฐ นั้น มีการปรับแก้ เพิ่มเติมข้อความเล็กน้อย
ในเรื่องของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่จะมีการเขียนบันทึกเจตนารมณ์ต่อไป

พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่กรรมาธิปการปฏิรูปการเมือง เตรียมเสนอความเห็น ใน 6 ประเด็นหลักเกี่ยวกับการเมืองนั้น ถือเป็นข้อห่วงใย เพราะเชื่อว่า สปช.น่าจะมีการศึกษามาแล้ว และมีวิธีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น เพื่อจะได้มีการนำมาหารือกันต่อไป

ส่วนประเด็นที่แขวนไว้ ในประเด็นสัดส่วนระหว่างเพศ ทั้งในการเมืองระดับประเทศ ประเภทบัญชีรายชื่อ และการเมืองท้องถิ่น จะต้องรอการสรุปอีกครั้ง ขณะเรื่องอื่น ๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตไว้ก็มีการนำกลับมาพิจารณาใหม่ ก่อนที่จะเขียนบันทึกเจตนารมณ์ด้วย

ทั้งนี้ รศ.ดร.เจษฏ์ ยังได้อธิบายถึงระบบเลือกตั้งสัดส่วนที่ กมธ.เลือกเขียนใน ร่าง รธน.ใหม่ ว่า ส่วนตัวไม่เคยเรียกระบบสัดส่วนเยอรมนี เพราะความเป็นจริงแล้วมีความแตกต่างกันพอสมควร เพราะเยอรมนีใช่จะเปิดกว้างให้พรรคการเมือง แต่ที่ กมธ.ใช้ จะเปิดกว้างให้ประชาชน จึงมีการใช้แบบ Open list ซึ่ง 9 ประเทศ ที่ใช้ระบบสัดส่วนผสมนี้ ไม่มีใครเคยใช้ Open list เลย

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการประยุกต์หรือปรับเปลี่ยนอย่างไร ในชั้นกรรมาธิการ หรือ ใน สปช. ก็จะต้องหาความลงตัวที่สอดคล้องกับประเทศไทยมากที่สุดต่อไป
-----------------------------
สปช. เตรียมพิจารณารายงานปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ขณะ คำนูณ เผย กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนแล้ว 250 มาตรา

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุด นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เตรียมทำหน้าที่ประธานการประชุมแล้ว เพื่อพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 3 เรื่อง โดยเริ่มจากรายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่อง วาระที่ 7 : การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (วาระการตรวจสอบ การใช้อำนาจรัฐ) ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการ พิจารณาทบทวนรายมาตราและบันทึกเจตนารมณ์ต่อเนื่อง ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า สามารถทบทวนไปแล้ว 250 มาตรา ไม่มีการแก้ไขหลักการสำคัญแต่อย่างใด โดยวานนี้จบการพิจารณาเรื่องการถอดถอน วันนี้จะเริ่มพิจารณาว่าด้วยเรื่องการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทั้งนี้ คาดว่า พิจารณาทั้งหมด 315 มาตรา ภายในวันที่ 26 มีนาคม นี้
---------------------------
พล.อ.เลิศรัตน์ แจง ระบบสัดส่วนผสมไม่ซับซ้อน มีข้อดีได้ ส.ส.ตามความยิมยม ปชช. ไม่มีพรรคการเมืองได้เปรียบเสียเปรียบ

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวยืนยันว่า ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม หรือ MMP ไม่มีอะไรซับซ้อน และมีข้อดี โดยเฉพาะเรื่องพรรคการเมือง ทำให้ได้ ส.ส. ที่เป็นที่นิยมของประชาชน ไม่มีพรรคการเมืองใดได้เปรียบเสียเปรียบ อีกทั้ง ยังเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังมีเวลาเผยแพร่ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงระบบเลือกตั้งดังกล่าว แต่ที่เกิดปัญหา เพราะมีการนำคำว่า เยอรมัน มาต่อหลังระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ส่วนจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตามคะแนนนิยม หรือ open list มองว่า ไม่ใช่การแก้ปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้สิทธิ์ และให้อำนาจประชาชนในการจัด ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วยตนเอง

นอกจากนี้ พล.อ.เลิศรัตน์ ไม่กังวลว่า พรรคการเมือง หรือนักการเมือง จะเข้าไปทำให้ระบบดังกล่าวไม่เกิดขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการนับคะแนน และคาดว่าจะได้รัฐบาลผสม ซึ่งประเทศที่ใช้ระบบดังกล่าว จะทำให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง
-------------------------------
พล.อ.ประวิตร ยัน คสช. ไม่ล็อกสเปก ร่าง รธน.ย้ำ กมธ. มีอิสระในการตัดสินใจ ปัดข่าวความขัดแย้งในรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กระแสข่าวที่ว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีการล็อกสเปกจากทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากคณะกรรมาธิการยกร่างทุกคนมีความรู้ความสามารถ มีอิสระในการตัดสินใจ ไม่มีใครควบคุมได้ ซึ่งกรรมาธิการทุกคน ก็ไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อ คสช. แต่เข้ามาเพื่อทำหน้าที่ให้กับประเทศ ส่วนที่มีบุคคลออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใครมีความคิดเห็นอย่างไร ก็ให้เข้าไปเสนอความคิดเห็นได้ตามช่องทางที่เปิดไว้ นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ปฎิเสธกระแสข่าวที่ว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นในรัฐบาลระหว่างคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีทุกคน ได้มีการปรึกษาหารือกันอยู่ตลอดเพื่อที่จะบริหารประเทศให้เดินหน้า และเพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข และยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินการตามโรดแมปทุกอย่าง
-----------------------
กมธ.ทบทวนร่าง รธน.แล้ว 255 มาตรา คาดครบ 315 ภายใน 26 มี.ค. กำหนดพิจารณาสัดส่วนสตรี 1 ใน 3 วันที่ 30 มี.ค. นี้  

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม อยู่ระหว่างวาระการทบทวนและบันทึกเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ที่รวมตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม จนถึงขณะนี้ ที่ประชุมสามารถผ่านการพิจารณาทบทวนไปแล้วทั้งสิ้น 255 มาตรา จาก 315 มาตรา และในวันนี้จะเริ่มพิจารณามาตรา 256 เรื่อง การดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากนั้น ก็จะเข้าสู่เรื่ององค์ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ จะสามารถพิจารณาครบทั้ง 315 มาตรา ภายในวันที่ 26 มีนาคม ส่วนประเด็นการกำหนดสัดส่วนเพศตรงข้างในระบบบัญชีรายชื่อและการกำหนดสัดส่วนสตรีในสภาท้องถิ่น ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
คาดว่าที่ประชุมจะพิจารณาในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคมนี้
----------------------------
บวรศักดิ์ บอกรัฐธรรมนูญอุดช่องโหว่ เขียนเหมาะสมตามสถานการณ์ ชี้ มีคนต้านเป็นเรื่องธรรมดา

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 แสดงความไม่เห็นด้วยกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และเห็นควรให้นำรัฐธรรมนูญปี 2550 มาปรับใช้นั้น ส่วนตัวก็เคารพและรับฟังความคิดเห็น พร้อมยืนยันว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดนี้เป็นไปอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดในอดีตที่บัญญัติเรื่องการปฏิรูปและการปรองดอง จึงไม่อยากให้ยึดติดกับรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ ปี 2550

สำหรับเสียงเรียกร้องให้มีการทบทวนรัฐธรรมนูญร่างแรกในหลายประเด็นว่า ส่วนใหญ่เป็นเสียงคัดค้านจากนักการเมืองที่มีส่วนได้เสียและเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่กังวลกับวิธีการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเขียนรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขวัฒนธรรมการเมือง หรือ ระบบอุปถัมภ์ของนักการเมืองได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคนแต่คณะกรรมาธิการจะพยายามอุดช่องว่างในทุกประเด็น
--------------------------
ญาติวีรชนพฤษภา 35 ยื่น บวรศักดิ์ ค้านนายกฯ คนนอก หวั่นซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ ปมสืบทอดอำนาจจากเผด็จการได้

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมด้วยกลุ่มญาติวีรชน เข้ายื่นหนังสือถึง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ทบทวนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ที่ไม่ใช่นักการเมือง เข้ามาดำรงตำแหน่งได้ โดยมองว่าจะทำให้เกิดการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เช่นเดียวกับปี 2535 จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ และเป็นที่มาของพฤษภาทมิฬ 35 ขณะเดียวกัน ทำให้ขาดความยึดโยงกับประชาชนและอาจเกิดความขัดแย้งครั้งใหม่

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องบัญญัติไว้จริง ก็ควรกำหนดให้บังคับใช้เฉพาะบางสถานการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ กลุ่มวีรชน พฤษภาทมิฬ 35 ยังได้ขอร้องให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาในฐานะผู้ได้รับผลกระทบด้วย เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลช่วยเหลือแต่ผู้เสียหายในเหตุการณ์อื่น แต่ไม่ครอบคลุมถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ด้าน นายบวรศักดิ์ ยืนยันจะนำเรื่องดังกล่าว พิจารณาทบทวนอีกครั้ง เพราะเห็นว่า กลุ่มญาติวีรชน ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ขณะนั้น พร้อมเตรียมทำหนังสือถึงรัฐบาลให้ช่วยเหลือเยียวยาตามที่มีการร้องขอ
-----------------
กลุ่ม 38 องค์กร ยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ หลัง สนช.รับหลักการ ขณะ "สุรชัย" ระบุ น้อมรับข้อห่วงใยส่งกรรมาธิการ

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่ม 38 องค์กร นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานเครือข่ายสลัมสี่ภาค ที่คัดค้านร่างพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะ หลังจากที่ สนช.มีมติรับหลักการ พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาภายใน 30 วัน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะจะจำกัดสิทธิ์ประชาชนมากกว่าส่งเสริม เพราะกำหนดห้ามการชุมนุมในบริเวณสถานที่ราชการทั้งรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล ศาล และยังห้ามกีดขวางทางเข้าออกหน่วยงานรัฐ หรือรบกวนการปฏิบัติ ตลอดจนการใช้บริการสถานที่ทำการหน่วยงานรัฐ ซึ่งอาจเป็นการขัดขวางสิทธิ์ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากรัฐ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะตัวแทนประชาชนได้

ทั้งนี้ นายสุรชัย ระบุว่า จะรับข้อห่วงใยของกลุ่มส่งมอบต่อกรรมาธิการ เพื่อประกอบการพิจารณา พร้อมเสนอให้กลุ่ม 38 องค์กรส่งตัวแทนไม่เกิน 5 คน เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาของกรรมาธิการได้
//////////////////
ถอดถอน

"เจตน์" ยังไม่ชัด วันนี้ วิป หารือ ปมถอดถอน "บุญทรง" กับพวกหรือไม่ คาด กรอบพิจารณาเหมือน 4 คดีก่อนหน้า 

น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการ สนช. (วิป สนช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN  ว่า การประชุมวิปในวันนี้จะเป็นการพิจารณาบรรจุร่าง พ.ร.บ.ต่าง ๆ ที่เป็นกฎหมายเร่งด่วนและตกค้าง เพื่อนำเข้าสู่การประชุมของสภา ส่วนคดีการถอดถอน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีฯพาณิชย์และพวกนั้น ยังไม่ชัดเจนว่า จะนำเข้าหารือหรือไม่ เพราะเบื้องต้นได้กำหนดวันที่จะประชุมหารือครั้งแรกแล้วคือ วันที่ 2 เม.ย.นี้ ซึ่งอาจจะนำเข้าที่ประชุมวิปในสัปดาห์หน้าก็ได้ และ สนช. ส่วนใหญ่  ก็ยังไม่ได้พูดคุยกันในประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้ น.พ.เจตน์ ยังกล่าวด้วยว่า คดีของ นายบุญทรง นั้น เป็นข้อกล่าวหาทางอาญา แต่การพิจารณาของ สนช. สามารถดำเนินการควบคู่ไปได้ โดยก็ไม่ต้องรอขั้นตอน หรือการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคาดว่ากรอบการพิจารณาน่าจะเหมือนเดิมกับ 4 คดี ก่อนหน้านี้
-------------------------
มติ กกต.ยกคำร้องยิ่งลักษณ์กับพวก 10 คน ทัวร์นกขมิ้น ระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พร้อมยกคำร้อง ยุบ ปชป.ด้วย 

นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง กรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก 10 คน ใช้ทรัพยากรของรัฐ ระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าในสำนวนดังกล่าวไม่ปรากฏชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ทรัพยากรรัฐในการหาเสียง รวมถึงในขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ในตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี จึงสามารถลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังมีมติยกคำร้องกรณีที่กล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้สื่อของรัฐ ที่ระบุถึงโครงการรับจำนำข้าวหาเสียงเพื่อประโยชน์ของตน โดยพบว่า สำนวนคำร้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าอดีตนายกฯ ใช้สื่อของรัฐโฆษณาชวนเชื่อหรือแถลงสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

ส่วนคำร้องขอยุบพรรคประชาธิปัตย์ กกต.เห็นว่า คำร้องดังกล่าวฟังไม่ได้และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จึงมีมติให้ยกคำร้องในสำนวนนี้
///////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ เข้าทำเนียบแล้ว ไร้วาระประชุมทางการ คาดติดตามงาน มอบ "พล.อ.ธนะศักดิ์-พล.อ.วิลาศ" ลงนามแสดงความเสียใจ "ลี กวน ยู"

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าเป็นการปฏิบัติงานตามปกติ เนื่องจากในช่วงเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีไม่มีวาระงานหรือการประชุมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

โดยในช่วงบ่าย นางจอสลิน เอส บาทูน-การ์เซีย (Mrs. Jocelyn S. Batoon-Garcia) เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ ที่ ห้อง
สีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปลงนามแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ที่ สถานทูตสิงคโปร์
---------------------
กลุ่มผู้พิการ-ด้อยโอกาสผู้ขายสลาก ยื่นนายกฯ ค้านออกสลากผ่านตู้ออนไลน์อัตโนมัติ เสี่ยงต่อการมอมเมาประชาชน

กลุ่มผู้พิการและด้อยโอกาสผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยกว่า 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อคัดค้านการออกสลากผ่านตู้ออนไลน์อัตโนมัติ ตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า เนื่องจากการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ จะส่งผลกระทบต่อเยาวชนที่อาจขาดการพิจารณาไตร่ตรอง เพราะการจำหน่ายดังกล่าว ทำให้ประชาชนทุกกลุ่ม สามารถเข้าถึงการซื้อสลากและเสี่ยงต่อการมอมเมาประชาชน

ทั้งนี้ ปัญหาในเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล มีราคาแพง ทางเครือข่ายมองว่าเกิดจากการผลิตที่ไม่เพียงพอต่อการต้องการของผู้ซื้อ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องคือการผลิตให้มากขึ้น โดยเพิ่มให้กับผู้ขายจริงอย่างคนพิการ เนื่องจากจะเป็นการสร้างอาชีพให้กับคนด้อยโอกาส พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรี อย่าจำกัดสิทธิผู้พิการ เนื่องจากเบี้ยคนพิการที่รัฐบาลจัดสรรให้เพียง 800 บาทต่อเดือน นั้นไม่เพียงพอ และยืนยันว่า คนพิการสนับสนุนรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม มาตรการในการรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เป็นไปด้วยความเข้มงวด มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล และกองร้อยน้ำหวาน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ร้องเรียนออกนอกพื้นที่ที่จำกัดไว้
-----------------
นายกฯ อาศัยวันประชุม ครม.สัญจร ตรวจเยี่ยมการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน พบปะกับประชาชน

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ออกจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน พร้อมพบปะกับประชาชน ก่อนจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงบ่าย โดยในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรี จะร่วมรับประทานอาหารกับคณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ส่วนภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันที่ 28 มีนาคม 2558 อาจจะมีการทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น การเล่นกีฬา เป็นต้น
--------------------
ร.อ.น.พ.ยงยุทธ เผย รัฐบาลเลื่อนแถลงผลงาน 6 เดือน เป็น 17 เม.ย. 

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลื่อนแถลง
ผลงาน 6 เดือนของรัฐบาลเป็นวันที่ 17 เมษายน 2557 เวลา 09.00 น. เนื่องจากกังวลว่าในวันที่ 10 เมษายน 2557 ใกล้กับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว

ทั้งนี้ สำหรับรูปแบบเบื้องต้น นายกรัฐมนตรีจะแถลงที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คนเดียวก่อน จากนั้นจะให้แต่ละกระทรวงไปแถลงผลงานของที่กระทรวงทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2557 เป็นต้นไป เว้นเฉพาะวันอังคาร ที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี

และในวันที่ 24 เมษายน 2557 นายกรัฐมนตรีจะแถลงผลงานอีกครั้งผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ และให้รัฐมนตรีแต่ละคนสลับสับเปลี่ยนออกรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เพื่อแถลงผลงานตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน เวลาประมาณ 21.30 น.
//////////////////
อาลัยลีกวนยู

บุคคลสำคัญทยอยร่วมลงนามแสดงความเสียใจ การอสัญกรรม "ลี กวน ยู" ที่ สถานทูตสิงคโปร์ ต่อเนื่อง

บรรยากาศที่สถานทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ถนนสาธร ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปลงนามแสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ที่ สถานทูตสิงคโปร์

ขณะที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง และ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็จะเดินทางมายังสถานทูตสิงคโปร์เพื่อลงนามไว้อาลัยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มีสื่อมวลชลจำนวนมากได้ทางเดินมาร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ เนื่องจากมีบุคคลสำคัญหลายท่านจะเดินทางมาลงนามไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง
------------------------
"บรรหาร" ลงนามร่วมแสดงความเสียใจ ไว้อาลัย "ลี กวน ยู" อสัญกรรม บอกเคยหารือแนวทางการพัฒนาประเทศร่วมกัน

บรรยากาศที่สถานทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ถนนสาธร ล่าสุด นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง และ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางมาลงนามไว้อาลัย แสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ที่สถานทูต เมื่อเวลา 10.30 น.

ทั้งนี้ นายบรรหาร ได้กล่าวภายหลังการลงนามว่า ในอดีตเมื่อครั้งที่ตนได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้เคยพูดคุยกับ นายลี กวน ยู ที่เวทีการประชุมอาเซ็มถึงแนวทางการพัฒนาประเทศและปัญหาต่าง ๆ โดยมองว่าต้องสร้างคน ก่อนสร้างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจและอาลัยต่อพี่น้องชาวสิงคโปร์ทุกคน

นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังกล่าวถึงการนำ นาย ลี กวน ยู มาเป็นแบบอย่างแก่นักการเมืองไทย ว่า สามารถทำได้ แต่จะมีความพยายามแค่ไหนนั้นไม่รู้ และไม่ขอตอบ
--------------------------
พล.อ.ธนะศักดิ์ เป็นตัวแทน นายกฯ ลงนามแสดงความเสียใจ "ลี กวน ยู" อสัญกรรม ที่ สถานทูต

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางลงนามแสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ที่ สถานทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย

ทั้งนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า นายลี กวน ยู เป็นบุคคลที่มีคุณค่าและเป็นแบบอย่างที่ดี พาประเทศสิงคโปร์สู่ประเทศแนวหน้า โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อแสดงความเสียใจและอาลัย พร้อมจะเดินทางไปร่วมพิธีศพในวันที่ 29 มีนาคม นี้ ด้วยตนเอง
--------------------------
นายกรัฐมนตรี ส่งสารแสดงความเสียใจ "ลี กวน ยู" อสัญกรรม ยกย่องรัฐบุรุษผู้เสียสละ มีวิสัยทัศน์ลึกซึ้งและกว้างไกล 

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีสารแสดงความอาลัย ถึง นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว รวมทั้งประชาชนสิงคโปร์ ต่อการจากไปของ นายลี กวน ยู บิดา ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์และอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ มีใจความสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทย แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว ต่อการจากไปของ นายลี กวน ยู ผู้เป็นเหมือนบิดาก่อตั้งรัฐสิงคโปร์และนายกรัฐมนตรีคนแรกแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และประชาชนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการสูญเสียที่มิอาจทดแทนได้

ทั้งนี้ ประชาชนชาวไทยจดจำ นายลี กวน ยู ด้วยความเคารพ ในฐานะรัฐบุรุษผู้เสียสละและมีวิสัยทัศน์ลึกซึ้งและกว้างไกล ส่งเสริมให้สิงคโปร์พัฒนาสู่ความเป็นอารยประเทศที่มีความรุ่งเรือง และยังเป็นบุคคลสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพและผลักดันความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์ ตลอด 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต รวมทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานในการพัฒนาสิงคโปร์ให้อยู่บนพื้นฐานหลักการธรรมาภิบาลอย่างมีคุณธรรม โดยถือว่าประโยชน์ของชุมชนเหนือกว่าประโยชน์ตนเอง และความดีงามดังกล่าวนี้ จะยังสืบทอดต่อไปประชาชนสิงคโปร์ตราบนานเท่านาน
---------------------
พล.ต.สรรเสริญ ขอเชื่อมั่นนายกฯ หากพบ "ทักษิณ" ที่สิงคโปร์ มั่นใจวางบทบาทเหมาะสม ย้ำไปในฐานะผู้นำประเทศ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเดินทางร่วมพิธีศพ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็จะเดินทางไปร่วมพิธีเช่นเดียวกัน ว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปในฐานะผู้นำประเทศ โดยบุคคลอื่นอาจไปในฐานะส่วนตัว ซึ่งถือเป็นดุลยพินิจของทางสิงคโปร์ ส่วนโอกาสที่ทั้งสองจะพบกันหรือไม่นั้นไม่สามารถบอกได้ แต่เชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชาและการวางบทบาทนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบความสำเร็จของแม่น้ำ 5 สายที่จะต้องรู้ว่าควรวางบทบาทอย่างไร เนื่องจากต้องบริหารอารมณ์ของสังคมในขณะนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมองถึงความเป็นจริงแล้ว ไม่สามารถจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ เพราะเป็นพื้นที่ของต่างประเทศและอยู่ในสถานการณ์โศกเศร้าจึงเป็นเรื่องไม่สมควร
----------------------------

/////////////
คดีอาชญากรรม

ศาลนัดอ่านคำพิพากษา "กำนันเซี๊ยะ" รุกที่ดินเมืองกาญจน์ 

ศาลอาญา รัชดา นัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี๊ยะ อายุ 72 ปี อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา เป็นจำเลยในความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ใน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

จากกรณี เมื่อต้นปี 2533 ถึงวันที่ 25 มี.ค. 2547 จำเลยได้เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่าปลูกพืชไร่ ให้บุคคลอื่นเช่าและใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุใน จ.กาญจนบุรี และที่ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกัน รวมจำนวนเกือบ 1,000 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยในคดีนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ในวันนี้ เวลา 09.00 น.
------------------------
ศาลอาญาพิพากษาคดีฟ้องกำนันเซี๊ยะฮั้วประมูลที่ดินรัฐ พิเคราะห์แล้วผิดจริง จำคุก 17 ปี ลดเหลือ 10 ปี 16 เดือน

ศาลอาญารัชดา พิพากษาในคดีที่อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี๊ยะ ผู้กว้างขวางในจังหวัดกาญจนบุรี และ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา ใน ฐานความผิดร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางป่าฯ

กรณีเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2544 ถึงวันที่ 8 ก.พ. 2545 จำเลยทั้งสองได้บุกรุกที่ดินและยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในจังหวัดกาญจนบุรี โดยแผ้วถางป่าและไถปรับพื้นที่ทำถนน สร้างบ้านพักคนงาน และคอกปศุสัตว์ ในที่ดินกว่า 50 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสองคนมีความผิดตามฟ้อง เนื่องจากมีเจตนาครอบครองที่ดินนอกเหนือจากเอกสาร น.ส.3 เดิม ที่ครอบครองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งโจทก์นำพยานเบิกความหลายปาก ประกอบกับพยานเอกสารต่าง ๆเกี่ยวกับการถือครองโฉนดที่ดินของจำเลย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาครอบครองที่ดินซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิถือครอง จึงมีความผิดหลายกรรม พิพากษาลงโทษให้จำคุกรวม 17 ปี แต่จำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี 16 เดือน
----------------
ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว กำนันเซี๊ยะ เมียรุกป่ากาญจบุรี คนละ 1.1 ล้านบาท 

ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี๊ยะ ผู้กว้างขวางในจังหวัดกาญจนบุรี และอดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางป่า และไถปรับพื้นที่ทำถนน สร้างบ้านพักคนงาน และคอกปศุสัตว์ ในที่ดินกว่า 50 ไร่ ในจังหวัดกาญจนบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปี 44-45

ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษให้จำคุก นายประชา และ นางเขมพร คนละ 17 ปี แต่จำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 10 ปี 16 เดือน

ทั้งนี้ภายหลังญาติได้ยื่นคำร้องปล่อยชั่วคราว เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 1 แสนบาท และเงินสด 1 ล้านบาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นควรให้ปล่อยชั่วคราว นายประชา และ นางเขมพร โดยตีราคาประกันคนละ 1.1 ล้านบาท
-----------------
ผบ.ตร. สั่ง เด้งผู้การอุดรฯ เข้ากรุ หลังคดีฆ่า “พระหมอ” ไม่มีความคืบหน้า 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 162/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฎิบัติราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และข้อ 8 (1)แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้

พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2558 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2558 ก่อนเวลา 12.00 น.
/////////////////////
เศรษฐกิจ

สอท. เผย นายกฯมอบหมายเอกชนผลิตสินค้ามีคุณภาพราคาถูก ย้ำ เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน   

นายวัลลภ  วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.กล่าวผ่านรายการ INN โฟกัสเศรษฐกิจถึงภาพรวมการประชุมใหญ่ สอท. ว่า พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายก

รัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาถึงเรื่องเศรษฐกิจของประเทศแก่สมาชิกของสอท.  พร้อมกับมอบหมายให้ภาคเอกชนเร่งรัดการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในราคาถูก ขณะที่ภาครัฐได้เร่งรัดการใช้จ่าย การ

บริโภค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเป็นครัวโลก โดยสมาชิก สอท. มีความพึงพอใจถึงมาตราการต่างๆ อย่างไรก็ตามภาคเอกชนจะต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐและ

ภาครัฐก็จะมีมาตราการรองรับผู้ประกอบการด้วย

สำหรับทางภาค สอท. นั้นก่อนหน้านี้มีการเดินหน้านำเสนอให้ทางภาครัฐแก้ไขเรื่องต่างๆ ทั้งการผลักดัน SME เป็นวาระแห่งชาติ การลดภาษี SME ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอสภานิติบัญญัติ

ทั้งนี้ยังมีการผลักดันการท่องเที่ยว การส่งออกร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ แต่ยังคงเป็นห่วงเนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้ไม่สามารถผลักดันได้อย่างเต็มที่ แต่ยังคงแนะผู้ผลิตส่งออกเน้นสินค้า

ตลาดชายแดนพร้อมกับหาตลาดใหม่มารองรับ ประกอบกับการใช้กลยุทธ์ต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย

-----------
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผย ประชุม กกร. ต้นเดือน เม.ย. พิจารณาปรับ GDP

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า สำหรับตัวเลขภาคการส่งออกและอัตราการขยายตัวทางเศษฐกิจ หรือ จีดีพี จะมีการหารือกันอีกครั้ง ในการ

ประชุม กกร. ช่วงต้นเดือนเมษายน 2558 ว่า จะมีการปรับเป้าหรือไม่ เนื่องจากภาคการส่งออกในปัจจุบันยังติดลบ แต่ภาคการท่องเที่ยว ยังเติบโตได้ดี รวมถึงการผลักดันงบประมาณของภาครัฐฯ

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่น่าจะสูงถึงร้อยละ 20 และมีแนวโน้มจะมากขึ้น ในเดือนมีนาคม 2558 ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการ กกร. ได้ประมาณการตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไว้ที่ร้อยละ 3.5

นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมใน 3 เดือนข้างหน้า จะอยู่ที่ระดับ 99.2 ลดลง จากระดับ 100.4 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่ลดลงต่ำกว่า 100 เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตที่อยู่ในระดับต่ำ
------------
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 3.6% จากเดิมที่ 3.9% ขณะส่งออกขยายตัว 1-2%  

นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโสสำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ ADB แถลงรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจเอเชียปี 2558 ของ ADB วันนี้ว่า ADB ได้ปรับ

ประมาณการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลดลงอยู่ที่ 3.6% จากเดิมที่ 3.9% ถือเป็นระดับเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน เนื่องจากการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ADB ประเมินว่า จะมาจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก รองลงมาคือการท่องเที่ยว ส่วนการส่งออกสินค้าปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 1-2%

จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวในระดับต่ำ เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อแต่ละเดือนคาดว่าจะยังคงติดลบต่อเนื่องไปอีก 2-3 เดือน จากราคาน้ำมันลดลงเป็นสำคัญ

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ADB ระบุว่า มี 3 ปัจจัยหลักคือ การใช้จ่ายภาครัฐไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย อัตราการเติบโตของ

เศรษฐกิจคู่ค้าหลัก ๆ ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งจะกระทบการส่งออกไม่ขยายตัวอย่างที่คาด
----------------
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ชี้ เศรษฐกิจโลกชะลอฉุดดัชนีท่องเที่ยวไตรมาส 2 หวังรัฐเพิ่มวันหยุดเทศกาล

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 พบว่า อยู่ที่ระดับ 99 อยู่ในระดับปกติเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2557 สะท้อนถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังประสบปัญหาการเมืองช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่คาดการณ์ความเชื่อมั่นในไตรมาส 2 เท่ากับ 101 ซึ่งเป็นระดับปกติในทิศทางที่ชะลอตัวลง เนื่องจากมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วงดังกล่าวยังมีเทศกาลวันหยุด ทั้งวันจักรี เทศกาลสงกรานต์ และวันฉัตรมงคล ซึ่งเชื่อว่าภาพรวมปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลประกาศวันหยุดยาวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศจะเป็นกลุ่มที่ขยายตัวมากที่สุด

ขณะที่การท่องเที่ยวจีนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นปีแรกที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเกิน 5 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลมีนโยบายพิจารณาออกวีซ่าซ้ำให้แก่นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่จะลดลงกว่าร้อยละ 50 จากปัญหาค่าเงินรูเบิลอ่อนตัว และการลดลงของราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยช่วงไตรมาส 2 ไว้ที่ 5.74 ล้านคน ขณะที่ตลอดทั้งปี 2558 ประเมินไว้ที่ 27.96 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 13 จากปีที่ผ่านมา สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.82 ล้านล้านบาท
--------------
สศก. เผย ไตรมาส 1 ผลผลิตเกษตรติดลบ 1.5% คาดปี 58 หดตัว 1.8-0.8% จากภัยแล้งยาว

นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2558 หดตัวลงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงไตรมาสแรกปี 2558 ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีน้อย ส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อการเพาะปลูกพืชหลายชนิดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลอง โดยเฉพาะข้าวนาปรัง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้งดปลูกข้าวนาปรังปี 57/58 จำนวน 7.77 ล้านไร่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง โดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ผลผลิตเสียหายมากขึ้น

และสำหรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2558 คาดว่าจะหดตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 1.8 ถึง 0.8 โดยสาขาการผลิตที่หดตัวลง ได้แก่ สาขาพืช สำหรับผลผลิตที่ลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรดโรงงาน ยางพารา ลำไย มังคุด และ เงาะ

-------------
ปตท. และบางจาก ลดน้ำมันดีเซลลง 40 สต. น้ำมันแก๊สโซฮอล์คงเดิม มีผลพรุ่งนี้ 25 มี.ค. 05.00 น.

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 40 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์คงเดิม โดยจะมีผลวันพรุ่งนี้ 25 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันในสถานีบริการของ ปตท. และบางจาก ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 34.46 บาท

แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.90 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.58 บาท E20 อยู่ที่ลิตรละ 26.18 บาท E85 อยู่ที่ลิตรละ 23.48 บาท และดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ลิตรละ 26.09 บาท

ไม่มีความคิดเห็น: