PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

พบอาวุธใกล้ที่ประชุมครม./หรือจะเกี่ยวปืนหายปี53?

พบระเบิดใกล้สวนสนใกล้ที่จัด ครม.สัญจร

หน่วยอีโอดีเข้าเก็บกู้กองวัตถุระเบิด-เครื่องกระสุนจำนวนมาก พบถูกซุกซ่อนในเขตพื้นที่ปลูกป่า ริมถนนเพชรเกษม ห่างสวนสนประดิพัทธ์ จุดครม.สัญจรเพียง 3 กิโลเมตร "เสธ.ไก่อู" ยันไม่ใช่ก่อการร้าย พร้อมประชุมเหมือนเดิม

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 22 มีนาคม 2558 เวลา 21:54 น.

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ศูนย์วิทยุ 191 รับแจ้งจากชายหาปลาแรงงานชาวกัมพูชาว่า พบกองวัตถุระเบิดจำนวน 2 กอง ภายในพื้นที่ปลูกป่าโครงการปลูกต้นไม้รอบบ้านพ่อ ริมถนนเพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์กับโรงเรียนนายสิบทหารบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ห่างจากสถานพักฟื้นกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ ประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ได้ประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี.) ค่ายนเรศวร ให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบวัตถุระเบิดพร้อมเครื่องกระสุนปืนสงครามจำนวนมากบรรจุอยู่ในกระสอบสีขาว และสีเขียว สำหรับทำบังเกอร์ทหารจำนวน 7 ถุง กองอยู่ใกล้ ๆ กัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีโอดีได้ตรวจสอบพบเป็นระเบิดซีโฟร์ ระเบิดทีเอ็นที ฝักแคระเบิด ระเบิดเพลิง ระเบิดแก็สน้ำตา ระเบิดควัน พลุส่องสว่าง ชนวนจุดระเบิดไฟฟ้า ชนวนจุดระเบิดแบบธรรมดา ตัวจุดจุดชนวนแบบ M3 M4 M5 กระสุนปืน M16 และกระสุนปืนอาก้าในกล่องเหล็ก ซึ่งที่กระสอบมีข้อความเขียนไว้ว่า ร้อย 1 พัน 1

จากการสอบสอบ พบว่าระเบิดทั้งหมด อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน แต่ยังไม่ได้มีการต่อวงจร เจ้าหน้าที่จึงได้เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดทั้งหมดที่พบออกจากป่าขึ้นมาบนถนนภายในโครงการปลูกป่า เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และร่วมกันตรวจสอบพร้อมรายงานข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งจะมีการสืบหาที่มาของวัตถุระเบิดทั้งหมด โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในการประชุม ครม.สัญจร หรือไม่ โดยมีการสันนิฐานเบื้องต้นอาจจะเป็นกลุ่มบุคคลที่กลัวความผิดจากการกดดันระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นได้

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายละเอียดต้องสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับขบวนการการก่อการร้ายหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเร็วไปที่จะสรุปแบบนั้น แต่ความคิดเห็นส่วนตัวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ไม่หวังดีจะทำการก่อการร้าย เพราะไม่ใช่ระเบิดที่สำเร็จรูป โดยเป็นอุปกรณ์ที่ยังไม่พร้อมใช้งาน และจะต้องทำการประกอบจากวัสดุหลายตัวก่อน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการประชุม ครม.สัญจร ยังคงจัดขึ้นตามกำหนดการเดิมทั้งวัน และสถานที่เดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานกรณีพบระเบิดและอาวุธสงครามจำนานมากถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณป่าละเมาะ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้กับสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปลายเดือนนี้แล้ว สันนิษฐานว่าคนร้ายกลัวมีความผิดที่ครอบครองอาวุธดังกล่าวจึงนำมาทิ้งไว้ เนื่องจากก่อนจะมีการประชุม ครม.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้มีการตั้งด่านตรวจสกัดและระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม ส่วนกรณีดังกล่าวคนร้ายต้องการนำมาสร้างสถานการณ์ก่อนการประชุม ครม.หรือไม่นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอาวุธปืน และระเบิดดังกล่าวเป็นคนละชนิดกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุระเบิดที่ศาลอาญารัชดา อีกทั้งผู้ต้องหาขบวนการนี้ก็ถูกจับกุมแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน

อย่างไรก็ตามในส่วนของความชัดเจนต่าง ๆ ต้องรอพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนตรวจสอบที่มาให้ชัด

ส่วน พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 กล่าวว่า พรุ่งนี้เวลา 09.30 น. ได้เรียกประชุมตามปกติ ไม่มีวาระพิเศษ ส่วนระเบิดที่พบเบื้องต้นอยู่ในสภาพพร้อมใช้ แต่จะให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธตำรวจและทหารเข้ามาตรวจสอบอีกที คาดว่าระเบิดที่พบเป็นเพราะตำรวจตั้งด่านอย่างเข้มงวด ระหว่างวันที่ 18-24 มี.ค. รองรับการประชุมของนายกฯ วันที่ 27 มี.ค.นี้ จึงเชื่อว่าคนร้ายอาจจะกลัวเลยเอามาทิ้งไว้.

--------------------
“ปณิธาน” เผย “ประวิตร” สั่งคุมเข้ม-ตรวจสอบ หลังพบอาวุธสงครามเพียบ ที่ประจวบฯ ย้ำบี้กลุ่มเห็นต่างที่ใช้ความรุนแรง

นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบวัตถุระเบิดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้กับที่ประชุมคณ ะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจรว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการดูแลพื้นที่ให้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการประเมิน และส่งเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่เพื่อติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ฝ่ายความมั่นคงได้ทำมาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สยามพารากอนซึ่งที่ผ่านมาเครือข่ายผู้ก่อเหตุมีจำนวนหลายคนทำให้สามารถจับกุมได้และขยายผลเชื่อมโยงได้ง่าย และกรณีล่าสุดจากการตรวจพบระเบิดที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับอะไร อย่างไรก็ตาม มาตรการในการบีบให้กลุ่มผู้เห็นต่างจากคสช.ที่ใช้ความรุนแรง รัฐบาลมีความเข้มงวดและมีมาตรการกดดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดพื้นที่ในการมีส่วนร่วมทั้งการปฏิรูปและร่างรัฐธรรมนูญ จึงต้องมีการคลายกฎอัยการศึกควบคู่กันไป สำหรับมาตรการในการคลายกฎอัยการศึกนั้นพล.อ.ประวิตรได้เสนอนายกฯ ไปตั้งแต่ปลายปี 2557 โดยกำหนด 2 แนวทางคือ 1.กดดันผู้ที่ใช้ความรุนแรงและ 2. เปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่างทางการเมืองซึ่งขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์กำลังพิจารณาในมาตรการดังกล่าวอยู่
“ต้องยอมรับในภูมิภาคของเรามีอาวุธสงครามอยู่มาก มีประวัติของมันมาตั้งแต่แรก เมื่อเกิดสงครามอาวุธเหล่านี้จึงเป็นอาวุธเก่า ขณะเดียวกันตอนหลังมีความพยายามขายอาวุธของหลายประเทศ ใน
ภูมิภาคของเราจึงมีขบวนการเคลื่อนไหวเหล่านี้ ซึ่งบังเอิญว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายปีมีเรื่องของกระบวนการเหล่านี้ด้วย คราวนี้เขาก็จะจัดระบบพยายามบีบและตัดตอน เพราะจากการปราบปรามจึงทำให้หลายคนนำอาวุธเหล่านี้ไปฝังหรือไปทิ้งซึ่งที่เป็นข่าวก็มี ไม่เป็นข่าวก็เยอะ แต่อย่างที่พบล่าสุดก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร” นายปณิธาน กล่าว
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/640457#sthash.7t8EJAal.dpuf
---------------------------
จ.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณสถานที่จัดประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หลังพบระเบิดและกระสุนอาวุธสงครามจำนวนมากใกล้สวนสนประดิพัทธ์
แหล่งที่มา : สวท.ประจวบคีรีขันธ์
วันที่ข่าว : 23 มีนาคม 2558

นายสมมิตร ศิลป์ประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีพบระเบิดและกระสุนอาวุธสงครามจำนวนมาก ริมถนนเพชรเกษม ใกล้สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน ว่า ขณะนี้ทางมณฑลทหารบกที่ 15 และตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังทำการสืบสวนสอบสวนถึงที่มาของระเบิดเหล่านี้ว่า มาจากที่ไหนและใครเป็นผู้นำมาทิ้งไว้ เพื่อเป้าประสงค์อะไร ซึ่งทางจังหวัดพร้อมจะให้ความร่วมมือในทุกรูปแบบ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นไปอีก และเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

ด้าน พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ระเบิดทั้งหมดอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และขณะนี้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนนายสิบทหารบก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยจะเข้ามาตรวจสอบที่มาของอาวุธเหล่านี้
----------------------
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยืนยันว่าการพบระเบิดในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่เกี่ยวกับการประชุม ครม.สัญจร เพราะไม่มีสัญญาณเตือนเรื่องภัยคุกคาม

(23/3/58)พลตำรวจโทวีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สรุปถึงการดูแลด้านความรักษาความปลอดภัย และการเตีรยมงานในการประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคมนี้ มีความพร้อมอย่างมาก เพราะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง 2,900 นาย เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งด้านการข่าว และการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการจัดการจราจร ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วย

ส่วนการพบวัตถุระเบิด กระสุนปืนสงคราม ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวานนี้ หน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบแล้วไม่พบสัญญาณภัยคุกคาม หรือการก่อเหตุรุนแรง แต่น่าจะเป็นของผู้ชำนาญการเท่านั้น ซึ่งยังไม่ทราบที่มา ต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมสรรพาวุธทหารบก และกองสรรพาวุธของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้ง

ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งแรก ที่จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ว่ายังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม ส่วนที่มีตรวจพบการอาวุธสงครามในบริเวณใกล้เคียงสถานที่จัดประชุม ครม. นั้น ตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นของเก่าที่มีคนนำมาทิ้ง และมีจำนวนไม่มาก

ที่มา: www.krobkruakao.com
--------------------
พบระเบิด-กระสุนปืนสงครามอื้อ ซุกป่า ใกล้ที่ประชุมครม.สัญจรหัวหิน
ไทยรัฐ23/3/58

พบระเบิดและกระสุนปืนสงครามจำนวนมากซุกกระสอบ ทิ้งป่าริมถนน ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้ที่ประชุม ครม.สัญจร วันที่ 27-28 มี.ค.นี้ ห่างเพียง 2 กม. ตร.เร่งสืบหาที่มา พบอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน แค่ยังไม่ได้ต่อวงจร...

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 มี.ค.58 มีรายงานว่า ศูนย์วิทยุ 191 รับแจ้งจากชายหาปลาว่า พบกองวัตถุระเบิดจำนวน 2 กอง ภายในพื้นที่ปลูกป่าโครงการปลูกต้นไม้รอบบ้านพ่อ ริมถนนเพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กับโรงเรียนนายสิบทหารบก ห่างจากสถานพักฟื้นกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อม หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี)ค่ายนเรศวร

เจ้าหน้าที่อีโอดี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ พบวัตถุระเบิด พร้อมเครื่องกระสุนปืนสงครามจำนวนมาก บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาว และสีเขียว สำหรับทำบังเกอร์ทหารจำนวน 7 ถุง กองอยู่ใกล้ๆ กัน เจ้าหน้าที่อีโอดี จึงได้ทำการตรวจสอบ พบเป็นระเบิด ระเบิดซีโฟร์ ระเบิดทีเอ็นที ฝักแคระเบิด ระเบิดเพลิง ระเบิดแก๊สน้ำตา ระเบิดควัน พลุส่องสว่าง ชนวนจุดระเบิดไฟฟ้าชนวนจุดระเบิดแบบธรรมดา ตัวจุดจุดชนวนแบบ M3 M4 M5 กระสุนปืน M16 และกระสุนปืนอาก้า ในกล่องเหล็ก ซึ่งที่กระสอบมีข้อความเขียนไว้ว่า ร้อย 1 พัน 1

อีโอดี แยกระบิดชนิดต่างๆมาตรวจสอบ

ทั้งนี้ จากการสอบสอบพบว่าระเบิดทั้งหมดอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน แต่ยังไม่ได้มีการต่อวงจร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเคลื่อนย้าย วัตถุระเบิดทั้งหมดที่พบออกจากป่าขึ้นมาบนถนนภายในโครงการปลูกป่า เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจากนี้จะมีการสืบหาที่มาของวัตถุระเบิดทั้งหมด โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในการประชุม ครม.สัญจร หรือไม่

ซึ่งสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นกลุ่มบุคคลที่กลัวความผิดจากการกดดันระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นได้ระเบิดและเครื่องกระสุนจำนวนมากซุกริมถนน

สำหรับ ชนิดระเบิดทั้งหมด ประกอบด้วย ฝักแคระเบิด ความยาวประมาณ 100 เมตร ระเบิด TNT ขนาด 1/4 ปอนด์ จำนวน 41 แท่ง ระเบิด TNT ขนาด 1/2 ปอนด์ จำนวน 7 แท่ง ระเบิด TNT ขนาด 1 ปอนด์ จำนวน 1 แท่ง ระเบิดซีโฟร์ one ขนาด 1/4 ปอนด์ จำนวน 4 แท่ง ระเบิดเพลิง WP M 34 จำนวน 20 ลูก ระเบิดเพลิงสำหรับเผาไหม้ TH3 AN-M14 จำนวน 11 ลูก แก๊สน้ำตา N201 MK3 จำนวน 12 ลูก สโมกควัน M18 จำนวน 2 ลูก ประทัด M80 23 ลูก ตัวจุดระเบิดชนิด M3 จำนวน 62 ชุด เชื้อปะทุไฟฟ้า 15 ชุด ตัวจุดระเบิด ชนิด M6 จำนวน 148 ชุด เชื้อปะทุธรรมดา 944 แท่ง พลุส่องสว่าง  16 ตัว ลวดสะดุด 12 ม้วน กระสุนปืน ปลย.88 12 นัด ปืนกล93 2 นัด M60. 5 นัด M16. 55 นัด กระสุนซ้อม m60. 2 นัด.

/////////////

(ข้อมูล ปี 2554)

อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมากหายจากศูนย์ทหารราบปราณบุรีกลางดึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์การทหารราบปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา  3 มีนาคม 2554  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบ ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.ปราณบุรี ว่า อาวุธปืนกลเล็กยาว หรือ เอ็ม 16  ปืนกล Mimini ปืนพก 86 ขนาด 11 มม. และปืน ค.60 พร้อมกระสุนจำนวนมาก

ทั้งนี้ ได้เกิดการสูญหายไปจากคลังอาวุธของกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบ  ภายหลังจากที่ทำการตรวจคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งรวมแล้วกว่า 100 รายการ ล่าสุดได้รายงานถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยMthainews
//////////////
ปืนหายปี 53 นำกลับมาสร้างสถานการณ์สงครามกลางเมือง

 BB 12สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ - “สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากข้อมูลงานด้านการข่าวพบว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553”

ข้อมูลข้างต้นแทรกอยู่ในตอนหนึ่งในถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หลังเหตุรุนแรงต่อ กปปส.ตราด และราชประสงค์ ที่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

คล้ายเป็นการส่งสารไปยัง “ชุดดำ” ว่า ทหารรู้หมดว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุ หรือก่อเหตุเพื่อใคร และถ้าขืนยังใช้กำลังกับประชาชนอีก กองทัพจะไม่อยู่เฉยแน่นอน

สอดคล้องกับคำแถลงของ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. หลังเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาวุธสงครามที่นำมาใช้ เป็นชนิดเดียวกับที่มีใช้ในกองทัพ

โดย พ.อ.วินธัย ชี้แจงว่า “มีบางคนวิจารณ์ว่า คนใช้อาวุธมีความชำนาญพิเศษ และอาวุธที่ใช้คล้ายของทางทหาร เหมือนต้องการชี้นำให้สังคมรู้สึกว่า ทหารอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ขอเรียนว่า อาวุธปืนบางชนิด ทั้งปืนพก ปืนคาร์บิน อาวุธสงครามที่เห็นนั้น มีใช้กันอยู่หลายหน่วยทั้งทหาร ตำรวจ และประชาชน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นทหารเท่านั้น ทั้งนี้ ยืนยันว่า ขอให้มั่นใจว่า กองทัพบกมีระบบการเก็บรักษาอาวุธที่เข้มงวดมาก และการปฏิบัติภารกิจในช่วงนี้จะไม่มีการนำอาวุธติดตัวออกปฏิบัติงาน แต่สิ่งที่ยังเป็นข้อกังวล และต้องระมัดระวังให้สังคมต้องช่วยกันจับตาดู เพราะมีอาวุธปืนจำนวนหลายกระบอกที่เคยถูกกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยึดไปตั้งแต่การชุมนุมเมื่อปี 53 ซึ่งปัจจุบันยังตามคืนมาได้ไม่ครบ”

ทั้งนี้ แหล่งข่าวความมั่นคงในกองทัพเผยจำนวนอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่หายไปในระหว่างการปะทะเมื่อปี 53 โดยจำแนกตามจำนวน และตามจุดที่ปะทะ ดังนี้

1.เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า อาวุธปืนรุ่นทาโว่ จำนวน 12 กระบอก กระสุน 700 นัด แต่หลังเหตุการณ์ผ่านไป 2 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 มีชาวบ้านพบอาวุธปืนทาโว่ ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับ

อาวุธที่หายไปที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า จำนวน 10 กระบอก ที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ดังนั้น จึงเหลืออาวุธปืนทาโว่ที่สูญหายไป 2 กระบอก

2.แยกคอกวัว อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก

3. บริเวณใกล้เคียงวัดบวรนิเวศ อาวุธปืนรุ่นเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอก

4. หน้า ร.ร.สตรีวิทยา ปืนกล 59 มม. จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก ปืนอูซี่ (บรรจุกระสุนยาง) 3 กระบอก ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) 9 กระบอก

5.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อาวุธปืนทาโว่ จำนวน 13 กระบอก ต่อมามีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงนำอาวุธปืนมาคืน 3 กระบอก เหลืออาวุธปืนทาโว่ที่สูญหายไป 10 กระบอก

นอกจากนี้ ก่อนการเข้ากระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ยังมีอาวุธปืนสูญหายไปอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 บริเวณย่านมักกะสัน มีอาวุธปืนรุ่นเอ็ม 16 สูญหายไปอีก 2 กระบอก และต่อมาได้อาวุธปืนเอ็ม 16 คืนที่วัดปทุมวนารามอีก 1 กระบอก

เรียงตามลำดับจำนวนอาวุธปืนที่หายไปจากมากไปหาน้อย

1.อาวุธปืนทาโว่ จำนวน 25 กระบอก (ได้คืน 10+3 = 13 กระบอก) ยังคงสูญหาย 12 กระบอก

2.อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก

3.อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 13 กระบอก (ได้คืน 1 กระบอกที่วัดปทุมฯ)

4.ปืนกล 59 มม. จำนวน 6 กระบอก

5.ปืน ปรส. จำนวน 9 กระบอก

และ 6.ปืนอูซี่ จำนวน 3 กระบอก

คิดสะระตะแล้วมีปืนหายไปทั้งสิ้น 91 กระบอก (ได้คืนแล้ว 14 กระบอก) รวมยอดสูญหาย 77 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนอีก 700 นัด!!!

อาวุธปืนสงคราม และกระสุนปืนที่หายไปราวกับคลังแสงย่อมๆ มากเกินพอที่จะนำมาใช้ประหัตประหารชีวิตคน โดยเฉพาะในสงครามการเมืองที่ใกล้จะเป็นสงครามกลางเมืองเข้าทุกที

ท่ามกลางความกังวลของกองทัพว่า อาวุธล็อตนี้ รวมทั้งอาวุธล็อตใหม่ๆ ที่ขนกันเข้ามาจะทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ เพื่อล่อให้ทหารปฏิวัติ แล้วซ้อนแผนตลบหลังเอาคืนอย่างสาสม

โดย – เสมา พิทักษ์ราชัน
27 กุมภาพันธ์ 2557
/////////////////
'ปืนหาย'ปี53อยู่ในมือ'ชุดดำ'77กระบอก
27ก.พ.57

เตือนความจำ'ปืนหาย'ปี53 อยู่ในมือ'ชุดดำ'77กระบอก : ตะลุยกองทัพ ทีมข่าวความมั่นคง

               เหตุการณ์ความรุนแรงรอบเวทีชุมนุมกปปส. ได้ถูก "ยกระดับ" ขึ้นเรื่อยๆ จากที่แค่ลองเชิงกันด้วยระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ มาวันนี้ "ระเบิดเอ็ม 79" และอาวุธปืนนานาชนิดได้ถูกนำมาใช้ห้ำหั่นประหัตประหารกันแล้ว

               แน่นอนว่า อาวุธส่วนหนึ่งถูกระดมมาจาก "ตลาดมืด" ตามแนวชายแดน รวมทั้งที่มีในการครอบครองของกลุ่มผู้มีอิทธิพล และคนมีสีแต่อาวุธ และกระสุนปืนส่วนหนึ่งหน่วยข่าวเชื่อว่า นำมาจากเหตุปะทะเมื่อปี 2553 ที่มีอาวุธปืนสงคราม และกระสุนปืนหายไปจำนวนมาก

               พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยังระบุผ่านแถลงการณ์ชัดเจนว่า กำลังส่วนใหญ่ที่ก่อเหตุรุนแรงในขณะนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อปี 2553

               แหล่งข่าวในกองทัพเผยถึงข้อมูลปืนหายเพื่อเตือนความทรงจำกันว่า ในเหตุการณ์ปะทะที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 มีอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุนของกองทัพบก (ทบ.) สูญหายไปเป็นจำนวนมาก โดยจำแนกตามจำนวน และตามจุดที่ปะทะ ดังนี้

               1.เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า อาวุธปืนรุ่นทาโว่ จำนวน 12 กระบอก กระสุน 700 นัด

               ทว่า หลังเหตุการณ์ผ่านไป 2 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 มีชาวบ้านพบอาวุธปืนทาโว่ ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับอาวุธที่หายไปที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า จำนวน 10 กระบอก ในพื้นที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงเหลืออาวุธปืนทาโว่ที่สูญหายไป 2 กระบอก

               2.แยกคอกวัว อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก  3.บริเวณใกล้เคียงวัดบวรนิเวศ อาวุธปืนรุ่นเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอก

               4.หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ปืนกล 59 มม. จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก ปืนอูซี่ (บรรจุกระสุนยาง) จำนวน 3 กระบอก ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จำนวน 9 กระบอก

               5.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อาวุธปืนทาโว่ จำนวน 13 กระบอก ซึ่งต่อมามีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงนำอาวุธปืนมาคืน 3 กระบอก จึงเหลืออาวุธปืนทาโว่ที่สูญหายไป 10 กระบอก

               นอกจากนี้ ก่อนเหตุการณ์กระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ยังมีอาวุธปืนสูญหายไปอีกจำนวนหนึ่ง

               บริเวณย่านมักกะสัน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 มีอาวุธปืนรุ่นเอ็ม 16 สูญหายไปอีก 2 กระบอก ต่อมาได้อาวุธปืนเอ็ม 16 คืนที่วัดปทุมวนารามอีก 1 กระบอก

               เรียงตามลำดับจำนวนอาวุธปืนที่หายไปจากมากไปหาน้อย ดังนี้

               1.อาวุธปืนทาโว่ จำนวน 25 กระบอก ยังคงสูญหาย 12 กระบอก

               2.อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก

               3.อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 13 กระบอก

               4.ปืนกล 59 มม. จำนวน 6 กระบอก

               5.ปืนปรส. จำนวน 9 กระบอก

               6.ปืนอูซี่ จำนวน 3 กระบอก

               สรุปแล้วมีอาวุธปืนหายไปทั้งสิ้น จำนวน 91 กระบอก (ได้คืนแล้ว 14 กระบอก) ยังคงสูญหาย 77 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนอีก 700 นัด !!!

               จากจำนวนอาวุธปืน และกระสุนปืนจำนวนมากที่หายไป เขามองว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่อาวุธจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ก่อเหตุร้ายเพื่อสังหารบุคคล หรือสร้างสถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่เหตุปะทะที่แยกหลักสี่เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

               ทว่า นี่ก็เป็นเพียง "สมมุติฐาน" เท่านั้น โดยในการพิสูจน์ทราบนั้นจำเป็นต้องเจออาวุธปืนเสียก่อน เพราะอาวุธปืนของกองทัพจะตี "เลขทะเบียน" ไว้ สามารถระบุที่มาของปืนได้ทันที

               อย่างไรก็ตาม อำนาจในการสืบสวนจับกุมเป็นหน้าที่ของทาง "ตำรวจ" ที่จะต้องช่วยกันสืบสวนติดตามอาวุธปืนของกองทัพ เพราะหากไปตกอยู่ในมืออาชญากรที่มีความเชี่ยวชาญอาวุธก็

จะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
.................................
(หมายเหตุ : เตือนความจำ'ปืนหาย'ปี53 อยู่ในมือ'ชุดดำ'77กระบอก : ตะลุยกองทัพ ทีมข่าวความมั่นคง)

////////////////

วันอังคาร ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555, 16.05 น.
ผบ.ทบ., ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ปืนหาย, กองทัพ, แจ้งความ, คดีไม่คืบ

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการพบอาวุธปืนทราโว่ ทาร์ 21จำนวน 10 กระบอกถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนสายท่าเรือ – พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ว่า ได้สั่ง การให้ตรวจสอบพบว่าเป็นปืนที่กองทัพบกได้แจ้งหายตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งต้องตรวจต่อไปว่าใครจะเอาปืนไปทำอะไรจะไปที่ไหน แสดงให้ เห็นว่าปืนที่แจ้งหายที่ สน.บางยี่ขัน จำนวน 22 กระบอก ได้คืนเพียง10 กระบอก ยังหายอีก 12 กระบอก และกระสุน จึงเป็นเหตุให้สันนิษฐานว่าจะเอาไปทำร้ายใครก็ได้

                “ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามให้กองทัพ เพราะกองทัพได้แจ้งความไปตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งเราไม่ทราบ ว่าใครเอาไป ทั้งนี้ ไม่เห็นมีความคืบหน้าอะไร เพิ่งมาได้ปืนคืนในครั้งนี้ เห็นว่า

มีคนนำไปใส่ถุงดำถุงปุ๋ยเอาขึ้นรถกระบะ ดังนั้น ต้องตรวจสอบ ว่ารถกระบะเป็นของใครก็น่าจะเจอ ซึ่งคงไม่ใช่หน้าที่ผม หรือกองทัพ แต่เป็นหน้าที่ตำรวจที่กำลังดำเนินการ” ผบ.ทบ.กล่าว
////////////////////
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ผู้ครอบครองอาวุธของทางราชการ ในช่วงความรุนแรงปี 2553 ส่งคืนภายใน 30 ก.ค.

ประกาศ คสช.ที่ 84/2557 จากเหตุการณ์ผู้ชุมนุมในช่วงปี 2553 และมีเหตุให้ผู้ชุมนุมได้ยึดเอาอาวุธปืน-เสื้อเกราะ หรือเครื่องยุทธภัณฑ์ของทางราชการทหารไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ประกาศให้ผู้ครอบครองอาวุธปืน-เสื้อเกราะ หรือเครื่องยุทธภัณฑ์ของทางราชการทหารส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ภายใน 30 ก.ค. 2557 ไม่ต้องรับโทษทางอาญา ที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน-เสื้อ
เกราะ หรือเครื่องยุทธภัณฑ์

ไม่มีความคิดเห็น: