PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

ลี กวน ยู รัฐบุรุษของสิงคโปร์

ลี กวน ยู รัฐบุรุษของสิงคโปร์
ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมและการเป็นนักปฏิบัตินิยมที่เด็ดขาด นายลี กวน ยูได้เปลี่ยนแปลงให้สิงคโปร์ จากเดิมที่เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ กลายเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
นายลี ประสบความสำเร็จในการแปลงพลังที่มีอยู่ในชาวสิงคโปร์ให้กลายเป็นสิ่งที่เขามักเรียกว่าปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างระบบทุนนิยมภาคเอกชนและภาครัฐ นายลีทำให้สิงคโปร์ก้าวสู่ประเทศที่มั่งคั่ง ทันสมัย มีประสิทธิภาพ แทบจะปราศจากการคอรัปชั่นและนักลงทุนต่างชาติพากันหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในประเทศ
อย่างไรก็ดีแม้นายลีจะได้รับการยกย่องในความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ก็มีหลายฝ่ายแสดงความกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเขาอยู่ไม่น้อย
นายลี เกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2466 เขาเป็นบุตรชายรุ่นที่ 3 ของชาวจีนโพ้นทะเลและเติบโตมาโดยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอังกฤษ ปู่ของนายลีมักเรียกเขาว่าแฮรี ลี ซึ่งเป็นชื่อที่เขาใช้มาตลอดช่วงวัยเด็ก ขณะนั้นนายลี ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนซึ่งสอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่การเรียนต้องสะดุดลงในช่วงการรุกรานของญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อราวปีพ.ศ. 2485
ในช่วง 3 ปีต่อจากนั้นนายลีเข้าไปพัวพันกับตลาดมืด และใช้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษทำงานให้หน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของญี่ปุ่น หลังสงครามเขาได้เข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน จากนั้นไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ด้านการเมืองนั้นนายลีถือเป็นนักสังคมนิยมมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา หลังจบการศึกษาในอังกฤษ เขาได้เดินทางกลับสิงคโปร์และกลายเป็นนักกฎหมายด้านสหภาพแรงงานชื่อดัง
เมื่อปีพ.ศ. 2497 นายลีก่อตั้งและดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คนแรกของพรรคกิจประชาชน ซึ่งเขาคุมบังเหียนมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 40 ปี พรรคของเขาชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2502 และอีกหลาย ๆ ครั้งต่อมา เขาเป็นผู้นำประเทศตั้งแต่ช่วงที่สิงคโปร์อยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษ จนกลายเป็นประเทศเอกราช นายลีเป็นบุคคลที่กำหนดแบบแผนการปฏิรูป การออกแบบ และเปลี่ยนแปลงสิงคโปร์จากดินแดนที่เสื่อมโทรมให้กลายเป็นรัฐอุตสาหกรรมสมัยใหม่
อย่างไรก็ดี นายลีถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการลงโทษทางร่างกายผู้กระทำผิดกฎหมาย เขาปกครองประเทศโดยควบคุมทางการเมืองอย่างเข้มงวด จนทำให้สิงคโปร์เป็นสังคมที่มีกฎระเบียบเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในช่วงที่ปกครองประเทศ เขาสั่งคุมขังผู้ที่ออกมาวิจารณ์เขาโดยไม่มีการนำตัวบุคคลเหล่านั้นขึ้นพิจารณาคดีในศาล อีกทั้งยังควบคุมสื่อและจับกุมผู้สื่อข่าวจำนวนมาก โดยอ้างความชอบธรรมว่า “เสรีภาพของสื่อนั้นต้องถูกลดทอนความสำคัญลงเพื่อความเป็นเอกภาพของสิงคโปร์ซึ่งมีความสำคัญกว่า”
เขายังบอกด้วยว่าสื่อในประเทศได้รับเงินอุดหนุนจากฝ่ายที่อยู่นอกประเทศซึ่งมีผลประโยชน์ที่เป็นภัยกับสิงคโปร์และชี้ว่าประเทศที่ที่กำลังพัฒนานั้นจำต้องยอมละทิ้งเสรีภาพบางประการไป
นโยบายที่สำคัญอีกประการหนึ่งของนายลีคือการควบคุมจำนวนประชากรที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในสมัยนั้น โดยเขาได้รณรงค์เรื่องการวางแผนครอบครัวผ่านระบบการจัดเก็บภาษีและลงโทษผู้ที่มีบุตรเกิน 2 คนขึ้นไป แต่ภายหลังเขาได้เปลี่ยนมาสนับสนุนให้สตรีที่มีการศึกษาสูงแต่งงานและละเว้นนโยบายควบคุมประชากรกับสตรีกลุ่มนี้ ทว่ายังคงใช้นโยบายดังกล่าวกับกลุ่มสตรีที่มีการศึกษาต่ำกว่า
แม้การบริหารประเทศของนายลีจะทำให้ชาวสิงคโปร์มีมาตรฐานชีวิตสูงขึ้น แต่ผู้ลงคะแนนเสียงที่มีอายุน้อยกลับไม่ยอมรับนายลีเพิ่มเป็นอย่างมาก แล้วหันไปสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านใหญ่ของสิงคโปร์แทน
นายลีก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์เมื่อปี 2533 ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานที่สุดในโลก และทำให้สิงคโปร์เปลี่ยนจากประเทศกำลังพัฒนาก้าวขึ้นสู่หนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย
นายลี ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยวัย 91 ปี หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายสัปดาห์ด้วยอาการปอดบวมขั้นรุนแรง

ไม่มีความคิดเห็น: