PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

สหรัฐวิจารณ์ไทย ยกเลิกกฎอัยการศึกใช้ ม. 44 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

สหรัฐวิจารณ์ไทย ยกเลิกกฎอัยการศึกใช้ ม. 44 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สหประชาชาติย้ำ ยิ่งเปิดโอกาสให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้มากขึ้น ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกเอกสารวิเคราะห์การใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. โดยมากเหมือนยังใช้กฎอัยการศึก แต่เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐผู้หนึ่งระบุว่า การที่ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก และนำมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 มาใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น ไม่ช่วยนำความเป็นประชาธิปไตยกลับคืนมา และสหรัฐมีความห่วงกังวลว่า สิ่งที่สหรัฐอยากเห็น คือการยกเลิกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น และยกเลิกการควบคุมตัวบุคคลนั้น จะไม่เกิดขึ้นภายใต้มาตรา 44 อย่างไรก็ตาม สหรัฐจะยินดี หากไทยสามารถนำสิทธิเสรีภาพของพลเมืองให้กลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์และแท้จริงมากกว่า
ด้านนาย ซาอิด ราด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่า การที่ผู้นำไทยเปลี่ยนมาใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานได้มากขึ้น ทำลายเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้งล้มล้างระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทำให้การยกเลิกกฎอัยการศึกไม่มีความหมายสำคัญแต่อย่างใด
รศ. ดร. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแสดงความเห็นต่อกรณีมาตรา 44 ด้วยว่า แท้ที่จริงแล้ว ไทยยังคงอยู่ในสภาพการณ์แบบเดิม โดยการจำกัดควบคุมสิทธิต่างๆยังคงเดิม แต่ด้วยการที่มีผู้เห็นต่างทางการเมืองที่แสดงออกเพิ่มขึ้น การจำกัดควบคุมภายใต้มาตรา 44 น่าจะมีความเข้มงวดรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ส่วนศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เผยแพร่เอกสารเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน กรณียกเลิกกฎอัยการศึก และนำคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 มาบังคับใช้แทนว่า ในความเป็นจริงแล้ว คำสั่งนี้โดยทั่วไปยังคงไว้ซึ่งอำนาจตามกฎอัยการศึก แต่เพิ่มเติมเรื่องที่เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยไม่ต้องรับผิดทางอาญาหรือวินัยจากการปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ต่อศาลปกครองได้ กฎอัยการศึกยังคงมีบังคับใช้อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ชายแดนอื่นๆ พลเรือนยังคงต้องขึ้นศาลทหาร มีการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารเป็นพนักงานสอบสวนในคดีความผิดต่อพระมหากษัตริย์และความมั่นคง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจากนี้ การควบคุมตัวผู้กระทำความผิด ยังเป็นไปในแนวเดียวกับกฎอัยการศึก คือไม่มีสิทธิพบญาติและทนายความเช่นเดิม

ไม่มีความคิดเห็น: