PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

'ถวิล เปลี่ยนศรี'ให้ถ้อยคำป.ป.ช. พยาน'มาร์ค'คดีสลายม็อบแดง53

'ถวิล เปลี่ยนศรี'ให้ถ้อยคำป.ป.ช. พยาน'มาร์ค'คดีสลายม็อบแดง53
Cr:แนวหน้า
28 เม.ย.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนสนามบินน้ำ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าให้ถ้อยคำต่อองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช.ในฐานะพยานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีถูกกล่าวหาสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 53
โดย นายถวิล เปิดเผยก่อนเข้าให้ถ้อยคำว่า ป.ป.ช.น่าจะมีการสอบถามถึงการควบคุมสถานการณ์ในขณะนั้น เพราะมีการตั้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่ามีการใช้กำลังจนทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต ตนก็คงจะมาชี้แจงว่าเราได้ควบคุมสถานการณ์ในช่วงนั้นอย่างไร การชุมนุมในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องถือว่าเป็นการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่ใช้อาวุธ หรือกลุ่มชายชุดดำ ใช้อาวุธกระทำต่อสถานที่ และเจ้าหน้าที่ในหลายเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ.53 ที่กลุ่มชายชุดดำได้ปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งก่อเหตุทั้งในนอกพื้นที่ชุมนุม อาทิ บริเวณแยกราชประสงค์ ที่มีการใช้ความรุนแรงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง รวมทั้งบริเวณสวนลุมพินี โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจรอบพื้นที่ชุมนุม ในมาตรการที่เรียกว่ากระชับวงล้อมและกระชับพื้นที่ และได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า มีการจู่โจมเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจรอบพื้นที่ชุมนุมโดยชายชุดดำ จึงทำให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น
นายถวิล กล่าวอีกว่า เรื่องของการสลายการชุมนุมนั้น ในช่วงการควบคุมสถานการณ์ช่วง เม.ย. - พ.ย.53 รวมทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายในปี 52 นั้น ทางเจ้าหน้าที่ไม่มีการใช้กำลังใช้การสลายการชุมนุม เพราะในปี 52 ไม่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตเลย ส่วนในปี 53 ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.53 จนถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ก็ไม่มีการใช้กำลังเข้าไปสลายการชุมนุม ที่ตนพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นการเล่นคำ หรือหลีกเลี่ยงคำว่าสลายการชุมนุม แต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะไม่มีการสลายการชุมนุม ซึ่งเหตุการณ์ที่ถูกผู้ชุมนุมเรียกว่าเป็นการสลายการชุมนุมมี 2 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณแยกคอกวัว ซึ่งเป็นการขอคืนพื้นที่ ส่วนอีกเหตุการณ์ในช่วง 11 - 19 พ.ค.นั้น ก็ไม่ได้เป็นการใช้กำลังสลายชุมนุม แต่เป็นการกระชับวงล้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้กำลังเข้าไปสลายการชุมนุม แม้แต่ในวันที่ 19 พ.ค.53 ที่มีการยุติสถานการณ์โดยแกนนำประกาศยุติการชุมนุมเอง หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์จลาจลมีการเผาสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพรวม 37 จุด และเผาศาลากลางจังหวัดอีก 4 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ยุติสถานการณ์เพียงแค่นั้น ไม่ได้เข้าไปสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนที่มีการระบุว่าพบการใช้กระสุนจริงในพื้นที่แยกราชประสงค์ นายถวิล กล่าวว่า หลังจากการชุมนุมยุติลง ในวันที่ 20 พ.ค.เจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ชุมนุม ซึ่งก็พบอาวุธในพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ สวนลุมพินี รวมทั้งในวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นอาวุธสงครามทั้ง M79 ลูกระเบิดเพลิง ระเบิดขว้าง เมื่อถามต่อว่า มองว่าอาวุธที่พบไม่ใช่อาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ใช่หรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ก็ไม่แน่ เพราะก่อนหน้านั้นวันที่ 10 เม.ย.เจ้าหน้าที่ได้รับการกำชับว่าให้ใช้กระบองและโล่ ห้ามใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมเป็นอันขาด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย.มีความสูญเสียเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ทหาร อาทิ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และยังมีประชาชนสูญเสียอีกรวม 26 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรู้ว่ามีการใช้อาวุธจากผู้ชุมนุม และในวันดังกล่าวก็เป็นครั้งแรกที่มีการปรากฏตัวของชายชุดดำ จนมีการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธ ซึ่งก็ต้องใช้ให้เป็นไปตามกฎ 7 ขั้นตอน
เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลอาญาเคยมีคำวินิจฉัยสาเหตุการณ์เสียชีวิตของผู้ชุมนุมว่าเกิดจากการใช้อาวุธ นายถวิล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการพิสูจน์การตาย ซึ่งมีหลายกรณี เช่น กรณี นายพัน คำกอง ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มี นายธาริต เพ็งดิษ ในฐานะอธิบดี ในขณะนั้น ได้มีการพิสูจน์การเสียชีวิตตามที่ศาลมีคำวินิจฉัย และได้มีการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่าทำให้มีผู้เสียชีวิต ก็คือข้ามว่ามีคนสั่งถึงมีคนตาย แต่ใครทำให้ตายนั้นมีรู้ ข้ามช่วงกลางไป แล้วเองช่วงปลายว่ามีคนตาย จึงได้ตั้งข้อกล่าวหากับบุคคลทั้ง 2 ว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลอาญาก็ได้ยกฟ้องไปแล้ว โดยระบุว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.


ไม่มีความคิดเห็น: