นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมการประสานงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมการของสนช.ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เพื่อเปิดทางให้มีการลงประชามติ ว่า เป็นสิ่งที่ตนจะสอบถามในการประชุม วิป สนช.วันนี้ว่า สนช.ควรจะต้องมีการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 46 ให้ชัดเจนหรือไม่ เพราะหากตีความอย่างแคบตามตัวบทกฎหมาย สนช.จะมีหน้าที่เพียงแค่ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาได้ เช่นเดียวกับกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านคณะกรรมาธิการยกร่างฯครั้งสุดท้ายเมื่อเข้า สปช.ก็ทำได้แค่มีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น
ส่วนตัวเห็นว่าควรตีความอย่างกว้าง เพราะสนช.ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ แตกต่างจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ การเสนอกฎหมายมีขั้นตอน 3 วาระ ซึ่งสนช.เป็นทั้ง ส.ส.และส.ว.อยู่ในขณะนี้ จึงควรจะต้องทำหน้าที่ในการพิจารณา และมีสิทธิที่จะปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่ครม.และคสช.ส่งมาได้ด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานและประชาชน แม้ว่าในรัฐธรรมนูญมาตรา 46 จะบัญญัติว่าในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ สนช.จะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้นมิได้ เว้นแต่ครม.และคสช.จะเห็นชอบด้วย
นายสมชาย กล่าวว่า ต้องถามนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ที่มีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญปี 2557 ด้วยว่าเจตนารมณ์ของมาตรา 46 ต้องการให้ สนช.ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น หรือเปิดโอกาสให้เสนอเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แม้ว่าทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของครม.และคสช.ก็ตาม แต่จะทำให้สนช.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์มากขึ้น สนช.จึงน่าจะได้ทำหน้าที่เสนอความเห็นในประเด็นที่คิดว่าต้องแก้ไข เช่น เรื่องระยะเวลาการทำประชามติ โดยส่วนตัวเห็นว่าควรจะเป็น 180 วัน เพื่อให้มีเวลาในการจัดพิมพ์ร่าง ส่งไปรษณีย์ และให้เวลาประชาชนได้อ่านเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งสามารถเสนอในการพิจารณาวาระ 1 ได้ แต่ขึ้นอยู่กับตัวแทนของรัฐบาลและคสช.ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยก็จบไปสู่ขั้นตอนว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น แต่ถ้าตัวแทนรัฐบาลและคสช.เห็นว่ามีเหตุผลก็สามารถนำกลับไปให้ครม.และคสช.พิจารณาปรับปรุงแล้วส่งกลับมาใหม่ ซึ่งเท่ากับว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไม่ผ่าน 3 วาระรวดในวันเดียว แต่เมื่อครม.และคสช.ส่งกลับมาการลงมติผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2557 ก็จะจบภายในวันเดียว โดยได้ผ่านขั้นตอนการแปรญัตติจาก สนช.แล้ว
การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญต้องมีทางออกด้วยว่า เมื่อทำประชามติแล้วหากไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งมี 3 ทางเลือก คือ 1.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2557 คือ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ 2.ใช้ร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ มาปรับปรุงแก้ไข 3.ใช้รัฐธรรมนูญ 50 มาเป็นหลักในการพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่มีปัญหา ซึ่งหากเป็นทางเลือกแรกการเลือกตั้งก็จะช้าออกไปมากกว่าการนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมามาปรับปรุง ซึ่งน่าจะดำเนินการรวดเร็วกว่าการเริ่มต้นตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างฯชุดใหม่ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของครม.และคสช.
ส่วนตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำประชามติโดยเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 50 ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ให้ใช้ปี 50 เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง เพราะแม้รัฐธรรมนูญ 50 จะมีข้อดีอยู่มากแต่ก็มีบางอย่างที่เป็นปัญหา หากไม่แก้ไขก่อนแล้วไปเลือกตั้งเลยโดยใช้รัฐธรรมนูญ 50ก็จะต้องเกิดความขัดแย้งในอนาคตขึ้นอีก
วันที่โพสข่าว : 19 พค. 2558 เวลา 14:26 น.
///////////////////
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 46 บัญญัติไว้ว่า
ในกรณีที่เห็นเป็นการจำเป็นและสมควร คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีมติร่วมกันให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ก็ได้ โดยจัดทำเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามวรรคหนึ่งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้นมิได้ เว้นแต่คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเห็นชอบด้วย มติให้ความเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และให้นำความในมาตรา ๓๗ วรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น