PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประชาชนชาวญี่ปุ่นหลายพันคนเดินขบวนประท้วงคัดค้านกฎหมายส่งทหารญี่ปุ่นไปปฏิบัติการในต่างประเทศ



ประชาชนชาวญี่ปุ่นหลายพันคนเดินขบวนประท้วงคัดค้านกฎหมายส่งทหารญี่ปุ่นไปปฏิบัติการในต่างประเทศ
--------------
ไปต่อที่ญี่ปุ่นกันอีกซักข่าวนะครับ... เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.58) สำนักข่าว cnn ของสหรัฐฯไม่รายงานข่าวนี้ แต่ RT news ของรัสเซียจัดให้ รายงานข่าวบอกว่าเยาวชนชาวญี่ปุ่นหลายพันคน (ตื่นตัว) รวมตัวกันประท้วงทั่วประเทศ คัดค้านกฎหมายฉบับหนึ่งที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้ โดยอนุญาตให้ญี่ปุ่นสามารถส่งกองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่นออกไปต่างประเทศ และอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถเข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารร่วมกับกองทัพต่างชาติได้
มีผู้ประท้วงจำนวนมากในเกือบ 60 เมืองทั่วญี่ปุ่น ซึ่งรวมทั้ง เกียวโต โซากา และโตเกียว ฮ็อกไกโด อาอิชิ ฟุกุโอกะ และจังหวัดอื่นๆ รายงานจากสำนักข่าว Kyodo ของญี่ปุ่น มีประชาชนชาวญี่ปุ่นที่เข้าร่วมประท้วงในเขต Shibuya กรุงโตเกียวราว 6,000 คนส่วนมากแล้วเป็นคนหนุ่มสาว
กลุ่มผู้ประท้วงพากันชูป้ายและโพสต์การ์ดที่มีข้อความต่อต้านสงครามและร้องตะโกนว่า "ไม่เอาสงคราม!, ปกป้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ!, สงครามจบไปแล้ว, สันติ ไม่ใช่สงคราม, ให้โอกาศแด่สันติภาพ!, ใช่ สันติภาพ!" การเดินขบวนในครั้งนี้มีการจัดตั้งโดยนักศึกษาจากที่ต่างๆ และองค์เยาวชนซึ่งรวมทั้งองค์กรนักศึกษาปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อเสรีภาพประชาธิปไตยด้วย (Students Emergency Action for Liberal Democracy)
กฎหมายฉบับดังกล่าวที่ได้สร้างคลื่นความขุ่นเคืองจากภาคประชาชนชาวญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องนี้ได้มีการอนุมัติล่วงหน้าโดยสภาล่างของรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และประกอบด้วยกฎหมายหลายฉบับที่อนุญาตให้มีการแก้ไขกฎหมายด้านความมั่นคงอีกด้วย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้กองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่นออกปฏิบัติการในต่างประเทศเพื่อ "ปกป้องชาติพันธมิตรอื่นๆ" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา (ญี่ปุ่นจะไปปกป้องใครหรือ? สหรัฐฯ? ยุโรป? ฮ่าๆๆ ถ้าสหรัฐฯต้องการให้ญี่ปุ่นไปปกป้องจริงๆ ก็น่าจะอนุญาตให้ญี่ปุ่นเข้าไปตั้งฐานทัพบนแผ่นดินแม่ของประเทศสหรัฐฯอเมริกาได้บ้างสิ ไม่ใช่มีแต่สหรัฐฯเท่านั้นที่เที่ยวขยายสร้างฐานทัพของตนไปในประเทศต่างๆหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะญี่ปุ่น)
กฎหมายฉบับดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นเข้าร่วมในปฏิบัติการ (ทางทหาร) ร่วมกับต่างชาติ แม้ว่าญี่ปุ่นจไม่ถูกคุกคามโดยตรงก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังเป็นการยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการมีส่วนร่วมของญี่ปุ่นในปฏิบัติการของยูเอ็น ซึ่งอนุญาตให้กองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่นให้ (ต่างชาติ) ยืมการสนับสนุนด้านโลจิสติก (การขนส่ง) ให้กับสหรัฐฯและกองกำลังของชาติที่เป็นมิตร โดยปราศจากระบุชื่อประเทศที่พิจารณาว่าเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่น
หมายความว่าเปิดช่องให้กองทัพต่างชาติเข้าไปใช้ระบบโลจิสติกของญี่ปุ่นได้มากขึ้น เช่นจักรวรรดิเฮเกต้องการจะเผด็จศึกที่เยเมนและยูเครนหรือในซีเรียให้เร็วที่สุด แทนที่จะใช้เครื่องบินรบหรือหรือรบของตนเองออกศึก ก็จะใช้ของญี่ปุ่นแทนโดยบีบหรือกล่อมให้ญี่ปุ่นซื้อจากจักรวรรดิเฮเกกับพันธมิตร จากนั้นคนที่ใช้งานอาจจะไม่ใช่กองทัพญี่ปุ่น แต่เป็นกองทัพของต่างชาติ อ้างว่าขอยืมไปใช้ก่อน ถ้าพังมาก็ให้ญี่ปุ่นสั่งซื้อใหม่จากจักรวรรดิเฮเกอีกรอบ ว้าววว! แผนนี้แหล่มแฮะ จากนั้นประเทศที่เป็นอริกับจักรวรรดิเฮเกที่ถูกจักรวรรดิเฮเกเข้าไปก่อสงครามอาจจะทำตาเขียวใส่ญี่ปุ่น แล้วก็ส่งผู้ก่อการร้ายเข้าไปป่วนในญี่ปุ่นแทน แล้วสันติและความสงบภายในญี่ปุ่นก็จะหายไปเหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในยุโรปในปัจจุบันนี้ เข้าแก๊บอีกแล้วครับท่าน อันนี้มโนเล่นๆนะครับ ฮ่าๆๆ
รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า พลเมืองชาวญี่ปุ่นได้คัดค้านกฎหมายฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากโพลของ Asahi Shimbun บอกว่ามีผู้คัดค้านนโยบายทางกองทัพจำนวน 56% ในขณะที่อีก 26% ให้การสนับสนุน
การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครั้งล่าสุดซึ่งขึ้นโดยสำนักข่าว Kyodo ได้แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้ชาวญี่ปุ่นเป็นประมาณ 70% มีความเห็นตรงข้ามกับการให้การรับรองกฎหมายในรอบสุดท้าย โดยจำนวนของผู้สนับสนุนลดลองประมาณ 2% มาอยู่ที่ 26%
ประชาชนชาวญี่ปุ่นมากกว่า 73% ไม่พึงพอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีการอนุมัติไว้ล่วงหน้า แม้ว่า ส.ส.คนสำคัญหลายคนจากพรรคฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งประท้วงด้วยบอยคอตการออกเสียง
ฝ่ายค้านจะประท้วงหรือจะวอร์คเอาท์ก็ช่าง... ภาคประชาชนจะออกมาคัดค้านก็ช่าง... ฝ่ายรัฐบาลที่กุมเสียงข้างมากจะเดินหน้าต่อไป เพราะว่าได้รับใบสั่งมาแล้วว่ายังไงซะก็ต้องผ่านกฎหมายฉบับนี้ให้ได้ ถ้าไม่ผ่านในช่วงนี้ ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพื่อให้ดูสมเหตุสมผลหน่อยก็จะยกกรณีของจีนในทะเลจีนกับจีนนี่แหละขึ้นมาใช้เป็นข้ออ้าง ประมาณว่าถ้าไม่รีบเสริมกองทัพของตัวเองให้แข็งแกร่ง มีหวังโดนจีนเอาคืนแน่ เพราะไปทำเขาไว้เยอะ แต่กลับไม่คิดว่า ขนาดญี่ปุ่นกับสหรัฐฯเองก็เคยถล่มสงครามใส่กันมาแล้วหนักกว่ากรณีญี่ปุ่นกับจีนซะอีก ยังร่วมมือกันได้เลย แล้วทำไมถึงญี่ปุ่นถึงไม่หันไปร่วมมือกับจีนแบบสหรัฐฯบ้างหละ? ปัญหาก็คือสหรัฐฯไม่ยอมให้ร่วมมือนะสิ เพราะคอยเป่าหูญี่ปุ่นอยู่ทุกวันว่า "ระวังจีนนะ ระวังจีนกับเกาหลีให้ดี เขาเอาคืนแน่ เพราะสมัยก่อนคุณไปเล่นเขาไว้เยอะ งานนี้มีแต่สหรัฐฯเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องญี่ปุ่นเอาไว้ได้ ถ้าไม่ร่วมมือกับสหรัฐฯ และต่อต้านจีนตามนโยบายของสหรัฐฯ มีหวังญี่ปุ่นเละเป็นโจ๊กแน่" (โดยใคร? คงไม่ใช่จีนหรอก เพราะในอดีตคนที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ญี่ปุ่นตั้งสองลูกก็คือสหรัฐฯนั่นแหละ)

ไม่มีความคิดเห็น: