PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจจะไม่ผลัดใบหากขวดใหม่ยังใส่เพียงเหล้าเก่า

เศรษฐกิจจะไม่ผลัดใบหากขวดใหม่ยังใส่เพียงเหล้าเก่า

โดย ไสว บุญมา
23 สิงหาคม 2558 16:05 น.
        ย้อนไปในตอนก่อนที่ประธานาธิบดีบิล คลินตัน จะชนะการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2535 ที่ปรึกษาทางการเมืองของเขาเสนอว่า การหาเสียงต้องจับเรื่องปากท้องของชาวอเมริกัน ทั้งนี้เพราะในช่วงเวลานั้น ชาวอเมริกันกำลังเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประโยคสั้นๆ ที่เขาใช้ได้แก่ It’s the economy, stupid. หรือ “ต้องชูเรื่องเศรษฐกิจนะเจ้างั่ง” ซึ่งทั้งหนักแน่นและตรงประเด็นจนมักถูกยกมาเป็นตัวอย่างทุกครั้งในการหาเสียงเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกา
      
        เศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญมากเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสอยู่ในชีวิตประจำวัน ความกดดันทางด้านเศรษฐกิจมักก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นในระบบประชาธิปไตยหรือในระบบเผด็จการ รัฐบาลจีนจึงกังวลมากหลังจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงมาก จากปีละเกิน 10% เหลือปีละ 6-7% ทั้งที่อัตรานี้ยังสูงจนเป็นที่อิจฉาของชาวโลก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะชาวจีนคุ้นเคยกับการขยายตัวในอัตราสูงมากหลังประเทศเปลี่ยนจากระบบคอมมิวนิสต์มาใช้ระบบตลาดเสรี ในขณะที่การเมืองยังคงไว้ซึ่งระบบเผด็จการ หากรัฐบาลไม่สามารถทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระดับที่ชาวจีนคาดหวังได้ ผู้กำอาจอาจถูกขับไล่ซึ่งจะนำไปสู่การนองเลือด
      
        การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีล่าสุดของไทยโดยเปลี่ยนรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจยกแผงสะท้อนให้เห็นประเด็นเดียวกัน รัฐมนตรีที่รับหน้าที่ทางด้านนี้จะตกอยู่ในภาวะกดดันสูงมาก หากเปลี่ยนเศรษฐกิจจากภาวะซบเซาให้กลับเข้าสู่ภาวะรุ่งโรจน์ไม่ได้ ผู้กุมอำนาจอาจถูกขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่งเร็วเกินคาด การขับไล่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งร้ายแรงถึงเลือดตกยางออก ด้วยเหตุนี้ นโยบายที่จะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้จึงอาจเป็นจำพวกที่ทำให้เศรษฐกิจดูกระชุ่มกระชวยขึ้นมาแบบทันทีทันใด แต่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงในระยะยาว ยิ่งผู้ที่เข้ามาเป็นผู้นำรับทำหน้าที่เคยมีประวัติการใช้นโยบายในแนวประชานิยมแบบเลวร้ายด้วยแล้ว โอกาสที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยมีอยู่สูงมาก
เศรษฐกิจจะไม่ผลัดใบหากขวดใหม่ยังใส่เพียงเหล้าเก่า
        ก่อนเขียนต่อไปขอทบทวนว่าในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกยังตกอยู่ในภาวะซบเซาและเปราะบางมาก ทั้งจากปัญหาของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองของโลก ญี่ปุ่นยังซบเซาต่อ อัตราการขยายตัวของจีนลดลงมาก ยุโรปปั่นป่วนจนกรีซถึงกับล้มละลายและหลายประเทศตกอยู่ในภาวะลูกผีลูกคน สหรัฐอเมริกาฟื้นขึ้นมาจากปัญหาฟองสบู่แตก แต่การขยายตัวยังต่ำมาก ละตินอเมริกาประสบปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบราซิลหรือเวเนซุเอลา แอฟริกาคงไม่ต้องพูดถึงเนื่องจากส่วนหนึ่งยังรบราฆ่าฟันกันอยู่ ย่านตะวันออกกลางก็เช่นกัน แม้แต่มหาเศรษฐีน้ำมันก็ใช้จ่ายได้น้อยลงเนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำ ในภาวะเช่นนี้ จะให้เศรษฐกิจไทยซึ่งอาศัยการส่งออกและการท่องเที่ยวสูงมากขยายตัวในอัตราที่เคยทำได้ย่อมเป็นไปได้ยาก ส่วนด้านจะใช้การขยายตัวของการบริโภคภายในก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากภาวะหนี้สินล้นพ้นที่เกิดจากนโยบายเลวร้ายในอดีต เมื่อเป็นเช่นนี้ พฤติกรรมเลื่อยขาเก้าอี้ประกอบกับความกดดันจากหลายฝ่ายจึงทำให้ต้องปรับเปลี่ยนผู้รับหน้าที่ด้านเศรษฐกิจ
      
        ในช่วงปีที่จะมาถึง ภาวะความซบเซาอาจเปลี่ยนไปในทางบวกบ้างเนื่องจากสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มว่าจะขยายตัวได้ต่อไปและยุโรปคงตัดเนื้อร้ายออกไปได้บ้าง แต่เนื่องจากทั้งโครงสร้างและปัญหาทางการเมืองเดิมยังอยู่ ฉะนั้น ทุกอย่างยังเปราะบางและอาจเปลี่ยนไปในทางลบแบบฉับพลันก็ได้ โอกาสขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจึงมีไม่สูงนัก ยิ่งถ้าปัญหาภายในจำพวกวางระเบิดในกรุงเทพฯ ยังไม่จบ โอกาสขยายตัวยิ่งริบหรี่มากขึ้น สภาพเช่นนี้จะกดดันให้รัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง 
      
        สิ่งแรกๆ ที่น่าจะเห็นเป็นจำพวกตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของภาครัฐ และการหาทางให้ภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น การจัดงานจำพวกขายผลิตภัณฑ์ของโครงการต่างๆ รวมทั้งหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จะเกิดบ่อยขึ้นและเอิกเกริกขึ้น รัฐจะทุ่มเงินลงไปในโครงการระดับหมู่บ้านมากขึ้น รวมทั้งผ่านกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่แล้วและผ่านการช่วยเหลือเกษตรกร และครูที่มีหนี้สินล้นพ้นโดยไม่ให้ความสนใจมากนักว่าเงินที่ทุ่มลงไปนั้นจะนำไปสู่การบริโภค หรือการลงทุนที่จะมีผลดีในระยะยาวหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็อาจมีการรื้อฟื้นโครงการจำพวกทำเมืองไทยให้เป็นศูนย์ต่างๆ รวมทั้งกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นและโครงการจำพวกซื้อบ้านหลังแรกพร้อมๆ กับการไปตั้งศูนย์ขายสินค้าไทยในต่างประเทศ รัฐจะเปิดประตูโดยตั้งกองทุน หรือโครงการให้กู้ยืมได้ง่ายขึ้นรวมทั้งการกู้ไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยวภายในซึ่งเคยทำในอดีต นอกจากนั้น ยังจะมีการกดดันให้ลดราคาพลังงาน การควบคุมราคาสินค้า และการขยายการขายสินค้าราคาถูกแนวกิจการธงฟ้าให้กว้างขวางขึ้นอีก
      
        สำหรับในด้านการสร้างความเชื่อมั่นที่พูดถึงกันมาก นอกจากจะเป็นเรื่องการสร้างแรงจูงใจเพื่อมิให้นักท่องเที่ยวงดมาเมืองไทยเพราะไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยแล้ว จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระตุ้นนักลงทุนให้ลงทุนเพิ่มขึ้น การให้สิทธิพิเศษต่างๆ รวมทั้งการยกเว้นภาษีจะถูกนำมาใช้ การให้สิทธิเหล่านั้นเป็นไปได้ว่าจะไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะถ้ามันนำไปสู่การทำให้คนไทยสนับสนุนการลดต้นทุนของนายทุนสามานย์ด้วยการทำลายสุขภาพ ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เป็นประจำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตัดต้นไม้ทำลายป่าเพื่อนำที่ดินมาปลูกยางพาราและข้าวโพด การทำลายลูกปลาและป่าชายเลนเพื่อทำปลาป่นและเลี้ยงกุ้ง หรือการปล่อยสารพิษลงไปในดิน ในน้ำและออกไปในอากาศ การเอาใจจะทำให้นายทุนสามานย์รุกรานประชาชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างในด้านนี้ได้แก่การเคลื่อนไหวจะให้เปลี่ยนพื้นที่สีเขียวของจังหวัดนครนายกเป็นเขตอุตสาหกรรม โดยมีข้าราชการอำนวยความสะดวกให้โดยใช้วิธีลักหลับ ลับลวงพรางและลักไก่
      
        อนึ่ง เรื่องการเอาใจนายทุนสามานย์โดยการให้ประชาชนรับต้นทุนกำลังเป็นเรื่องใหญ่ในเมืองจีน ที่ดินการเกษตรจึงได้ถูกทำลายด้วยสารเลวร้ายไปแล้วอย่างน้อย 20% เพราะรัฐบาลยอมให้โรงงานอุตสาหกรรมทิ้งสารจำพวกตะกั่ว สารหนูและแคดเมียมลงไป น้ำในแม่น้ำและห้วยหนองคลองบึงเป็นพิษไปแล้วราว 1 ใน 3 แหล่งน้ำใต้ดินใช้อาบกินไม่ได้แล้วถึง 60% และการวิจัยพบว่าชาวจีนตายจากมลพิษในอากาศถึงปีละ 1.6 ล้านคนเนื่องจากทั้งโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่างปล่อยสารพิษออกไปในอากาศจนทำให้บรรดาเมืองจีน 161 เมือง เพียง 16 เมืองเท่านั้นที่กระทรวงปกป้องสิ่งแวดล้อมบอกว่าอากาศสะอาดพอหายใจได้ เรื่องโรงงานและอาคารระเบิดในเทียนจินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการให้ประชาชนใช้ชีวิตและทรัพย์สินสนับสนุนการลดต้นทุนของนายทุนสามานย์
      
        เมืองไทยจะทำลายสิ่งแวดล้อมที่มีผลทำให้คนไทยตกอยู่ในภาวะตายผ่อนส่งมากขึ้น หากยังฝืนกระตุ้นให้นายทุนสามานย์ลงทุนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้เข้ามารับหน้าที่ทางด้านเศรษฐกิจเป็นนักการตลาดมากกว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์มาก่อน ต่อไปเมื่อเศรษฐกิจไม่ขยายตัวสูงตามคาด หรือเกิดอะไรที่ประชาชนทั่วไปไม่ปรารถนา จะมีการนำการตลาดออกมาใช้ปกปิด หรือบิดเบือนสภาพความเป็นจริง นอกจากการจัดงานต่างๆ เพื่อสร้างความสนุกสนานที่จะผลาญงบประมาณมากมายแล้ว อาจมีการปกปิดและบิดเบือนข้อมูลอีกกระทงหนึ่งอีกด้วย รัฐบาลอาร์เจนตินาพยายามทำเช่นนั้นจนถึงกับในกรณีมีการลงโทษข้าราชการและนักวิชาการที่ออกมาบอกความจริง คนไทยคงไม่เลวทรามจนถึงกับทำขนาดนั้น แต่อาจใช้วิธีที่เรียกกันว่า “โกหกด้วยวิชาสถิติ” ซึ่งเป็นชื่อของหนังสืออมตะ How to Lie with Statistics หนังสือเล่มเล็กๆ นี้มีประโยชน์มากหากต้องการรู้ทันนักการเมือง หรือนักวิชาการที่ต้องการบิดเบือนภาพของความเป็นจริง หากไม่มีเวลาอ่านทั้งหมด อาจลองอ่านบทคัดย่อภาษาไทยซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com
เศรษฐกิจจะไม่ผลัดใบหากขวดใหม่ยังใส่เพียงเหล้าเก่า
        เนื่องจากนโยบายและมาตรการต่างๆ จะต้องใช้เงิน ฉะนั้น เงินจะมาจากแหล่งไหนคนไทยควรช่วยกันจับตาและหากเห็นว่าไม่ชอบมาพากลต้องออกมาบอกหัวหน้ารัฐบาล บทความนี้จะไม่พูดถึงที่มาเหล่านั้นนอกจากจะแนะว่าให้ช่วยกันดูเรื่องการกู้หนี้ยืมสินและการเสนอให้ใช้เงินสำรองของประเทศ เงินกองนี้แม้จะดูว่ามีขนาดใหญ่จนเกินความจำเป็นในระยะสั้น แต่เราจะต้องเก็บมันไว้และไม่ควรโยกย้ายไม่ว่าจะเป็นการนำออกมาใช้ในโครงการที่อาจมองกันว่าเกินคุ้มค่า หรือเพื่อการตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund)
      
        มาถึงตอนนี้คงมีคำถามว่า จะให้ทำอย่างไรต่อไป คอลัมน์นี้ได้เสนอข้อคิดให้พิจารณามาหลายต่อหลายครั้งหลังการยึดอำนาจเมื่อปีที่ผ่านมา จึงจะไม่นำมาเสนออีก หลายเรื่องได้นำไปรวมไว้ให้ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ในเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา นอกจากบทความจำนวนหนึ่งแล้ว เว็บไซต์นั้นยังบรรจุบทคัดย่อภาษาไทยของหนังสือภาษาอังกฤษที่มีข้อคิดน่าศึกษากว่าร้อยและหนังสือภาษาไทยหลายเล่มไว้อีกด้วย รวมทั้งเรื่อง “สู่จุดจบ!” ซึ่งสันนิษฐานกันว่าน่าจะถูกลิ่วล้อของรัฐบาลในอดีตกีดกันมิให้วางขายในร้านหนังสือต่างๆ จนทำให้สำนักพิมพ์ขาดทุนย่อยยับ วันนี้อาจดาวน์โหลดกันได้ฟรีแล้ว
      
        ในฐานะหนึ่งในคนไทยที่อยากให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างมั่นคง และเมืองไทยพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ขอภาวนาให้รัฐบาลและผู้รับงานด้านเศรษฐกิจเปิดเผยสภาพความเป็นจริงต่อประชาชนพร้อมกับก้าวพ้นกลไกเก่าๆ อันจะเป็นเสมือนการเปลี่ยนทั้งขวดทั้งเหล้าซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมาย งดใช้กลไกเก่าๆ เพราะบ้านเมืองของเราจะล้มลุกคลุกคลาน หรือร้ายยิ่งกว่านั้นจะล้มละลายเช่นหลายประเทศที่ใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายไม่ว่าจะเป็นอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา หรือกรีซ 

ไม่มีความคิดเห็น: