PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เจาะลึกรัฐอิสลาม ‘ไอเอส’ กลุ่มก่อการร้ายชื่อกระฉ่อนโลก

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 Mthai

ณ วันนี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย ‘ไอเอส’(ISIS) หรือสื่อบางสำนักอาจจะเรียกว่า ‘ไอซิล’ (ISIL)    
แรกเริ่มเดิมที กลุ่มไอเอสมาจากกลุ่มติดอาวุธที่ช่วยเหลือรัฐบาลอิรัก สู้รบกับกองกำลังสหรัฐฯ ในช่วงสงครามอิรักปี 2546 ก่อนที่ต่อมาจะจัดตั้งเป็นกลุ่ม “รัฐอิสลามแห่งอิรัก” (ISI)  จากนั้นได้ขยายอิทธิพล ไปยังหลายเมืองของประเทศซีเรียในช่วงที่ซีเรียกำลังเกิดสงครามกลางเมือง และจึงเกิดการบัญญัติชื่อกลุ่ม ‘รัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย’ หรือไอซิส(ISIS) กลุ่มติดอาวุธมุสลิมนิการซุนหนี่
กระทั่งล่าสุดได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นเพียงกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) ณ วันนี้กลุ่มไอเอสได้กลายมาเป็น ‘กลุ่มหัวรุนแรงที่อันตรายที่สุดในโลก’
ใครคือผู้นำของกลุ่มไอเอส ?
Abu-Bakr-al-Baghdadi-398x350
ขณะนี้ ‘ไอเอส’นำโดย อาบู บาการ์ อัล-แบกดาดี หัวหน้ากลุ่มชาวอาหรับเชื้อสายจอร์แดน ซึ่งประกาศตนเป็นกาหลิบ (ผู้ปกครองชาวมุสลิมทั่วทุกหนแห่ง) ในเมืองโมซุลของอิรักเมื่อเดือนกรกฏาคม ปี2557
เชื่อกันว่า บักดาดี เกิดที่เมืองซามาร์รา ของอิรัก เมื่อปี 2514 (อายุ 44 ปี) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก รวดเดียวที่ศูนย์ศึกษาอิสลาม (กวีและประวัติศาสตร์อิสลาม) ที่มหาวิทยาลัยแบกแดด
ครั้งหนึ่งเคยประกอบอาชีพนักวิชาการควบคู่ไปกับการเป็นครูสอนศาสนาที่เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและกฎหมายอิสลาม ได้เข้าร่วมกับกลุ่มกบฏเพื่อต่อต้านกองทัพสหรัฐ หลังจากทหารอเมริกันบุกอิรักเพื่อโค่นล้มอำนาจนายกรัฐมนตรี ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ ภายหลังถูกควบคุมตัวในเรือนจำของกองทัพสหรัฐ เขาก็ก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มติดอาวุธกลุ่มหนึ่ง ก่อนจะร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ โดยใช้ชือกลุ่มว่ารัฐอิสลามแห่งอิรัก เมื่อปี 2553 ในเวลานั้น
ครั้งหนึ่ง อาบู บาการ์ อัล-แบกดาดีเคยได้รับยกย่องว่าเป็นผู้นำญิฮาดที่โดดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 21 เทียบเท่านายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มติดอาวุธอัลไกดา จนมีชื่อเลื่องลือในเรื่องความโหดเหี้ยมว่าใครก็ตามที่ต้องสงสัยว่าช่วยเหลือทหารอเมริกันก็จะถูกประหารชีวิตกลางที่สาธารณะ เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ‘ไอเอส อาบู บักห์ดาดี’ ได้พลิกกลยุทธ์ใหม่ให้กับกลุ่มหลายประการ
isis-is-now-directly-threatening-to-attack-american-and-european-targets
จุดมุ่งหมายหลัก ?
จุดมุ่งหมายหลักของกลุ่มไอเอส คือการจัดตั้ง ‘รัฐอิสลาม’ทั่วพื้นที่ประเทศอิรักและในซีเรีย โดยเก็บภาษีกฎหมายอิสลามในเมือง แยกเด็กชายและหญิงออกจากกันในการศึกษาในโรงเรียน รวมทั้งกำหนดให้สตรีต้องสวมผ้าคลุมหน้า ญิฮาบ ในที่สาธารณะ กล่าวคือ การนำเอากฏหมายอิสลามมาใช้อย่างเข้างวดในพื้นที่ที่ตนปกครอง
ไอเอสหาเงินทุนจากไหน ?
ก่อนหน้านี้ ทีมข่าวเอ็มไทย เคยนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ ในประเด็นของการก้าวขึ้นมาเป็น กลุ่มก่อการร้ายที่รวยที่สุดในโลกมาแล้ว ซึ่งที่มาของเงินทุนที่ได้รับการสนุบสนุนเหล่านี้ บางสำนักก็ให้ความเห็นว่าได้มาจากมหาเศรษฐีที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงการปล้นธนาคาร ไปจนถึงร้านทอง ค้าสตรีชนกลุ่มน้อย ยึดบ่อน้ำมันมาขายในตลาดมืด เก็บส่วยตามตะเข็บชายแดน โดยใช้เงินทุนเหล่านี้เพื่อการยึดครองเมืองอื่นๆต่อไป
พร้อมกันนี้กลุ่มไอเอสยังมีระบบการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านของเงินทุนในกลุ่ม และการโฆษณา พีอาร์กลุ่มตนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อระดมสมาชิกจากทั่วทุกมุมโลก ให้เดินทางมายังตะวันออกกลางเพื่อรวมกลุ่ม
isis (1)

รู้จักกับไอเอสดีขึ้น !
หลังจากนั้นมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้โลก ไม่ได้มองว่ากลุ่มไอเอสเป็นเพียงกองโจรธรรมดาๆ หากแต่ยังมีหลายเหตุการณ์ที่แสดงถึงความโหดร้าย ป่าเถื่อน เช่น การแพร่คลิปฆ่าตัดศีรษะตัวประกันชาวตะวันตก หลายราย โดยเหยื่อรายล่าสุดคือนาย ‘เคนจิ โกโตะ’ ที่ถูกสังหารด้วยวิธีเดียวกัน
แต่ที่น่าตกใจ และทำให้โลกต้องหวาดผวาอีกครั้ง ในวันที่ 3 ก.พ.สื่อทั่วโลกได้พาดหัวข่าว การแพร่คลิปวีดีโอสุดเหี้ยมโหดเกินรับได้ ด้วยการจับนายอัล-คาซาสเบห์ นักบินจอร์แดน ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเมื่อเดือนธันวาคม มาขังในกรงเหล็ก และเผาทั้งเป็น สร้างความโกรธแค้นให้กับรัฐบาลจอร์แดน จนกระทั่งออกมาประกาศตอบโต้ และจับนักโทษประหารคือ นางอัล-ริชาวี ซึ่งไอเอสต้องการตัว และนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองแลกตัวประกันก่อนหน้านี้ ด้วยการแขวนคอในที่สุด
จริงหรือที่ไอเอสวางแผน “ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ” ?
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บีบีซี ได้นำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจอย่างมาก คือการตั้งคำถามว่ากลุ่มไอเอส วางแผนที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ได้อ้างอิงจากองค์การนิรโทษกรรมสากล ที่ได้ออกมายืนยันว่ามีหลักฐานชี้ชัดว่า ไอเอสมีแผนการที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือของประเทศอิรัก เช่น ชาวคริสเตียนจากกลุ่มยาซิดี เติร์กเมนิสถาน โดยพลเรือนหลายพันคนถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด และอีกนับล้านราย ถูกขับไล่ให้ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งยังบุกเข้าไปยังหมู่บ้านต่างๆ เพื่อฆ่า ลักพาตัว หญิงสาวเพื่อนำมาก่ออาชญากรรมทางเพศ บ้างก็ส่งขายเพื่อสร้างรายได้อีกทางให้กับกลุ่ม
ISIS3213121773200731.jpg
เพราะอะไรต้องเผยแพร่เรื่องเลวร้ายที่ก่อขึ้นให้โลกรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต ?
จิม มูเยอร์ นักวิเคราะข่าวจากบีบีซี ตั้งข้องสังเกตว่า ‘ไอเอส’ มีความแตกต่างออกไปจากกลุ่มก่อการร้ายที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ กล่าวคือบ่อยครั้งที่เครือข่าย สวมบทบาท ‘นักรบไฮเทค’ เนื่องจากบ่อยครั้ง ไอเอสได้ทำการโฆษณาและประชาสัมพันธ์การกระทำอันเลวร้ายของพวกเขาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป้าหมายหลักคือการสร้างความกลัวต่อศัตรู ให้หยุดต่อกลอนกับตน
โลกตะลึง หลากหลายเหตุการณ์ความโหดร้ายของกลุ่ม ‘ไอเอส’
กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย หรือ ‘ไอเอส’ เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ก้าวเข้ามามีบทบาท โดยเฉพาะเรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ออกมาในสื่อสังคมออนไลน์ นับได้ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายในยุคดิจิตอลอย่างสมบูรณ์ ทั้งในเรื่องการพีอาร์ เรื่องราวความเคลื่อนไหวในกลุ่ม ที่ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
นับได้ว่ามีหลายต่อหลายเหตุการณ์ที่ทำให้โลกรู้จักกลุ่มรัฐอิสลามกลุ่มนี้ได้ดียิ่งขึ้น และอาจกล่าวได้ว่า เหตุการณ์ที่เรากำลังจะพูดถึง นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และสร้างความหวั่นวิตก ต่อโลกอย่างมาก
ISIS Control in Iraq and Syria 6/16/2014
เริ่มจากการก่อการร้ายในท้องถิ่น หรือประเทศที่ต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคลิปวีดีโอถูกเผยแพร่ออกมา ทั้งแสดงให้เห็นเหตุการณ์การสังหารด้วยการเฉือนคอกลางถนนเพียงเพราะเขาทำผิดกฏ ท่ามกลางฝูงชนที่รายล้อมอยู่รอบข้าง
นอกจากนี้ยังปรากฏเหตุการณ์เฆี่ยนทำโทษคน เพราะไม่ใช้เครื่องดนตรีอิสลามที่ถูกต้องตามหลักศาสนา หรือแม้แต่ความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่น การลักลอบ สูบบุหรี่ ก็จะต้องถูกลงโทษด้วยการทรมานอย่างทารุณ ด้วยการถอนขนตาเป็นจำนวนกว่า 50 เส้น
ล่าสุดก่อนหน้าตัวประกันชาวญี่ปุ่นจะถูกสังหาร ไอเอสได้เรียกค่าไถ่ตัวประกันทั้งสองรายเป็นเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังสอนให้เด็กชาย เพื่อเข้าลัทธิความรุนแรงให้สามารถสังหารเชลยได้อย่างเลือดเย็น เห็นได้จากกรณีที่มีข่าวเด็กชายวัยประมาณ 10 ขวบ ทำการสังหารชาย 2 คน ที่รับสารภาพว่าเป็นสายลับให้รัสเซีย ด้วยการยิงเข้าที่ศีรษะอย่างหน้าตาเฉย
รวมไปถึงการสังหารตัวประกันด้วยการตัดศีรษะเหยื่อผู้บริสุทธิ์ พร้อมบันทึกเทป เผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ต สร้างความสะเทือนใจ รวมถึงส่งสารข่มขู่ไปยังประเทศของเหยื่อเหล่านี้ เพื่อต้องการให้เกิดความหวาดกลัว
แต่ความโหดเหี้ยมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากไอเอสยังลงมือสังหารเด็กวัยเพียง 13 ปี เพราะดูฟุตบอล เนื่องจากถือเป็นการไม่ทำปฏิบัติคำสอนของศาสนา ทั้งยังมีการประณามความผิดของเหยื่อผ่านลำโพง และทิ้งศพไว้กลางถนน เพื่อข่มขู่ไม่ให้ผู้ที่พบเห็นกล้าฝ่าฝืนกฏ
02
นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมาก เมื่อกลุ่มไอเอสก่อเหตุ ตัดศีรษะเด็กผู้หญิงบริสุทธิ์ เพียงเพราะเธอคือลูกสาวของครอบครัวต่างศาสนา โดยรายงานเมื่อเดือน สิงหาคมปี 2556 ได้มีการเผยแพร่รูปภาพที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณ ของกลุ่มไอเอส ที่กระทำต่อครอบครัวชาวคริสเตียน ซึ่งจากรายงานระบุว่า ไอเอสต้องการขจัดความเชื่อของศาสนาอื่นออกไป และมุ่งเป้าไปที่เด็ก เนื่องจากต้องการกวาดล้างความเชื่อที่มีในคนรุ่นหลัง นั่นก็คือเยาวชนไม่ให้ดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ยังบัญญัติบทลงโทษ ผู้ที่ถูกจับได้ว่าเป็นเพศทางเลือก ด้วยการประหาร โดยการโยนลงมาจากตึกสูง หากไม่ตายจะต้องถูกรุมปาหินซ้ำจนตายในที่สุด ทั้งนี้ไอเอสจะไม่ส่งศพของเหยื่อคือแก่ญาติ แต่จะเรียกค่าไถ่ศพจากญาติเหยื่ออีกที เรียกได้ว่ากลุ่มไอเอสมักจะหารายได้จากทุกทาง หากมีโอกาส
 แนวโน้มผลกระทบของกลุ่มไอเอสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อาจบานปลายเป็นภัยคุกคามในระดับภูมิภาค ซึ่งอิรักและซีเรีย อาจจะต้องประสบกับความเลวร้าย จากสงครามกลางเมือง การดึงดูดแนวร่วมจากชาวมุสลิมทั่วโลกจะยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มไอเอสจะแข็งแกร่งกว่าเดิม เนื่องจากการระดมทุนจากวิธีต่างๆที่กล่าวมา

ไม่มีความคิดเห็น: