PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

“ประยุทธ์” ยังไม่เซ็นทูลเกล้าฯ ถวายถอดยศ “นช.ทักษิณ” ปัด “ประวิตร” ไปจีนคุยเรื่องอุยกูร์

3 กันยายน 2558 13:55 น. 

นายกรัฐมนตรียันยังไม่ลงนามทูลเกล้าฯ ถวายถอดยศ “นช.ทักษิณ” อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอน แค่เซ็นรับทราบตามที่ สตช.เสนอเรื่องขึ้นมาเท่านั้น ย้อนถามสื่อทำไมตื่นเต้นกันนักแค่ถอดยศคนคนเดียว ก่อนหน้านี้ทำมาแล้วเยอะทั้งทหาร-ตำรวจ 600-700 นาย ยันไม่เคยมองทักษิณยังสู้ แต่สื่อชอบกระพือข่าว แต่ถ้าทำผิดก็ต้องดำเนินการ พร้อมปฏิเสธ “ประวิตร” บินจีนคุยเรื่องอุยกูร์ ไม่ยืนยันแก๊งมือบึ้มที่จับได้เป็นสัญชาติได้รอผลพิสูจน์ก่อน ย้ำโยงใครจับหมด
       
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการการถอดยศข้าราชการตำรวจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “ผมยังไม่ได้ลงนามขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายนั้นเจ้าหน้าที่กำลังทำกันอยู่ผมยังไม่ได้เซ็น เพราะมันจะต้องเขียนและทำอะไรอีกเยอะแยะ ส่วนขั้นตอนแรกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอเรื่องการถอดยศขึ้นมาตามขั้น ตอนนั้นผมเซ็นรับทราบไปแล้วเหลือเพียงขั้นตอนการทูลเกล้าฯถวาย”
       
       นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการขอคืนเครื่องราชฯ นั้นยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะขั้นตอนการถอดยศยังไม่ได้ทำเลยแล้วจะให้ไปทำในเรื่องการขอคืนเครื่องราชฯ ได้อย่างไร เรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องของ สตช.ที่จะพิจารณาเสนอเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อถอดยศแล้วจำเป็นจะต้องถอนเครื่องราชฯ ด้วยหรือไม่ก็ต้องไปหาข้อมูลมาโดยต้องไปดูที่ข้อกฎหมาย อย่าเพิ่งมาถามอะไรตอนนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเยอะแยะไปหมด ที่ผ่านมามีการปลดมาเยอะแยะแล้ว 600-700 คนแล้วมีการคืนเครื่องราชฯ หรือเปล่าก็ต้องไปดูว่ามีกรณีใดบ้าง
       
       “วันนี้อย่าไปสนใจว่าชื่ออะไร ถ้าผิดก็ปลดและถอดยศทั้งหมด ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่ถอด ดำเนินการมา 600-700 คน แต่เป็นเพราะสื่อไม่สนใจเพราะคนพวกนี้ชื่อมันโนเนม มีการกระทำความผิดทั้งตำรวจทั้งทหารก็ถอดยศทั้งหมด แต่บังเอิญเป็นคนนี้ยุ่งอยู่นี่ยุ่งไม่เลิก ก้าวไม่พ้นสักทีให้ความสำคัญไปเรื่อยมันก็สู้อยู่อย่างนี้สู้ไม่เบิก ลองไม่สนใจสัก 10 วันมันจะตายหรือเปล่าไม่รู้ ไม่ต้องทำอะไรกันตื่นเต้นกันไปหมด ขยับตัวทีก็ตื่นเต้นทำไมจะต้องไปตื่นเต้นกันนัก”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกรัฐมนตรียังมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงสู้ต่ออยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น วันนี้ผมพูดถึงสื่อพอเขาขยับตัวนิดหนึ่งสื่อก็ไปพูดว่าเขาสู้อยู่อีกฝ่ายก็สู้ต่อ พอสื่อไปเขียนอย่างนี้มันก็เลยสู้กันอยู่อย่างนี้ สำหรับผมไม่สู้กับใครถ้าเข้ามาก็จับเท่านั้น ถ้าส่งเสริมใครกระทำความผิดก็จับ จับไอ้คนทำ ขณะนี้ก็กำลังทำอยู่ทั้งหมดแต่ขอร้องว่าอย่าทำกันเลย สื่อเองก็อย่าไปเปิดพื้นที่ให้คนนั้นคนนี้พูด เดือดร้อนกันไปหมดแล้วทุกคนก็ไปบอกว่าบ้านเมืองไม่สงบสุขเป็นเพราะผมเข้ามาแล้วมันจะจบหรือไม่ล่ะแบบนี้ ถ้าผมไม่เข้ามาป่านนี้รอบทำเนียบฯ ก็ยังคงไม่จบม็อบ ก็คงยังอยู่ตรงนี้โดยรอบ ตายกันอีกเป็นร้อย แล้วสื่อเดือดร้อนกันหรือไม่ หรือเป็นเพราะไม่ใช่ญาติฉัน ปัดโธ่”
       
       พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เดินทางไปประเทศจีนว่า ไม่ได้มอบหมายให้ไปพูดคุยเรื่องอุยกูร์ พล.อ.ประวิตรก็บอกแล้วว่าจะไม่คุยหากเขาไม่คุย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจีน เป็นปัญหาของบ้านเรา บางเรื่องอาจเป็นปัญหาระหว่างประเทศก็จะพูดแต่คนที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยพูดว่าเป็นคนพวกไหน การจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ ก็ดูตามพาสปอร์ต ต้องพิสูจน์สัญชาติก่อน ประเทศต้นทางต้องมาชี้แจงว่าพาสปอร์ตใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่ออกมาได้อย่างไร ถ้าพาสปอร์ตถูกต้องก็ไม่ผิดเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ผิดเรื่องหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพราะตรงกับที่แฟลตที่จับกุมได้ ทำไม่ต้องพูดให้เดือดร้อนกัน จากนี้ต้องสอบต่อไปว่าใครเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ว่าประเทศกับประเทศมีปัญหากัน
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องอุยกูร์ ทางจีนได้ให้ข้อมูลอะไรกับเราบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ให้อะไรเพราะไม่ได้เกี่ยวกับเขา เมื่อถามต่อว่าอุยกูร์บางกลุ่มอาจเคยเคลื่อนไหวในประเทศจีน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเป็นอุยกูร์ที่ไหน
       
       ส่วนการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 ที่ จ.นราธิวาสนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็จับมา โยงคนไหนก็จะจับเรื่อยๆ เมื่อถามถึงกรณีที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่าจะมีการปรับโครงสร้างความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นการปรับปรุงอุปกรณ์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง ไม่ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้าง เป็นการพัฒนา ถ้าปรับโครงสร้างความมั่นคงคือการยุบ สมช.ตั้งกระทรวง แค่นี้เป็นการพัฒนาเครื่องมือว่าสมบูรณ์หรือยัง ที่ผ่านมาเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ไปเสียในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องไม่บ่น ส่วนเครื่องมือพอจะซื้อก็บอกแพง โกง ทุจริต แต่วันนี้กลับพูดว่าทำไมไม่ทันสมัย ส่วนเรื่องบูรณาการงานด้านความมั่นคงนั้น ตนทำมาสองปีแล้ว สั่งคนเดียวให้มีเอกภาพ

ไม่มีความคิดเห็น: