PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เสียงจากฑูตสหรัฐฯหลังพบนายกฯ

Silent Voice....
“Glyn T.Davies "ทูตสหรัฐฯ พบนายกฯบิ๊กตู่ ขอ รัฐบาล-คสช. เปิดพื้นที่ให้ Silent Voice บ้าง หวังเปิดพื้นที่สาธารณะมากขึ้น เพื่อกลับสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน”ยันมุมมองของสหรัฐฯต่อไทยไม่เคยเปลี่ยน/ รองโฆษก "วีรชน” เผย ทูตสหรัฐฯ ยันเชื่อมั่นในความจริง และตั้งใจของนายกฯ หลัง บิ๊กตู่ ขอให้ฟัง แต่ไม่ต้องเชื่อก็ได้ นายกฯ ให้เกียรติ ลงมาส่ง ทูตกลับหลังคุยนานเกือบ2ชม. ก่อนที่ทูตอเมริกาจะเดินมาให้สัมภาษณ์สื่อ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล Glyn T.Davies เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. โดยใช้เวลานาน1 ชั่วโมงครึ่ง
ภายหลังการเข้าพบ Glyn T.Davies เปิดเผยว่า การพบปะครั้งนี้ถือว่าใช้เวลาที่ค่อนข้างยาว ซึ่งยอมรับว่าส่วนใหญ่ตนเป็นผู้รับฟังมากกว่า และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายประเด็น เช่น ความมั่นคง เศรษฐกิจ และเรื่องสาธารณสุข
ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หวังว่าจะได้พบปะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอีกในโอกาสต่างๆ
ส่วนเรื่องสำคัญที่วางแผนว่าจะดำเนินการในปีนี้ Glyn T.Davies กล่าวว่า มีจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกันของสหรัฐอเมริกาและไทย ซึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน และการลงทุนทั้ง 2 ทาง โดยปัจจุบันมีบริษัทเอกชนของทางสหรัฐฯเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก
ส่วนความสัมพันธ์ในระดับภูมิภาคนั้น สหรัฐฯอยากเห็นประเทศไทยมีบทนำในอาเซียน และมีขีดความสามารถเหมือนในอดีต
นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสถึงการสาธารณสุขในระดับโรค โดยเฉพาะการต่อสู้กับโรคระบาดที่อุบัติขึ้น และอยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยและสหรัฐฯมากขึ้นในทุกๆ ด้าน
นอกจากนี้ในการพูดคุยยังมีโอกาสได้พูดถึงประชาธิปไตยของประเทศไทย รวมถึงเรื่องโรดแมพและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นด้วย
สำหรับคำถามถึงประชาธิปไตยของไทยนั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯกล่าวว่า แนวคิดของสหรัฐฯที่มีต่อประเทศ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยังไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงวันนี้
ในการพูดคุยนั้น พล.อ.ประยุทธ์เองก็ยืนยันว่าอยากเห็นประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ซึ่งตนไม่สามารถที่จะลงรายละเอียดในคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ที่หารือกันได้ เพราะจะเป็นการเสียมารยาท ต้องให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้พูดเอง แต่ในฐานะมิตรประเทศของไทย
"ผมหวังว่าประเทศไทยจะเดินไปตามโรดแมพและเปิดพื้นที่ให้การมีส่วนร่วมของสาธารณะและการถกเถียงมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนของประเทศไทย "
นาย Glyn T.Davies ระบุว่า พึงพอใจในความต้องการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ไทยกลับสู่ประชาธิปไตยอีกด้วย เพราะในจุดยืนของสหรัฐฯ นั้น สิ่งนี้จะสร้างความยั่งยืนของมิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของไทยในอนาคต ในการที่จะมีรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากประชาชนทุกส่วนของประเทศไทย
เมื่อถามถึงความร่วมมือยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิก TPP และการฝึก Cobra Gold นั้นนายGlyn T.Davies กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันในรายละเอียด แต่คุยกันในภาพรวมในเรื่องความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ ว่ามีอะไรบ้างที่สหรัฐฯจะสามารถแบ่งปันร่วมกันกับไทยได้
เมื่อถามถึงแผนการทำงานของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นายGlyn T.Davies กล่าวว่า มีแผนที่จะไปพบปะกับประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยจะออกไปในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย ในหลายๆ ที่ เพื่อพบปะกับประชาชนทุกกลุ่ม
ด้าน พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมาเข้าพบนายกฯ ของนาย Glyn T.Davies เอกอัครราชทูตของสหรัฐฯที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยมายืนยันถึงความสำคัญที่ประเทศไทยมีต่อสหรัฐฯ และมิตรภาพที่มีร่วมกันกว่า 2 ศตวรรษ
" แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นประเทศไทยก็ยังเป็นมหามิตรกับสหรัฐฯ "
โดยก่อนที่นายกGlyn T.Davies จะมาประเทศไทยนั้นได้มีการศึกษาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งการมาครั้งนี้ก็ไม่ได้มากดดันไทยว่าไทยจะต้องมีโน่นมีนี่เมื่อไหร่ โดยมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของคนไทยและประเทศไทย ซึ่งทูตสหรัฐฯได้เชื่อในความตั้งใจและความจริงใจของรัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ ว่ากำลังทำเพื่อประเทศไปสู่จุดหมายอย่างไร
พลตรี.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้อธิบายให้ฟังถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ว่ามีเรื่องราวต่าง ๆ มาจากอะไร มีความแตกแยกในสังคมอย่างไร และมีการอธิบายอย่างที่เราทราบกันดีถึงปัญหาการเมืองต่าง ๆ
แต่สิ่งสำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ได้บอกว่า ไม่ต้องเชื่อเรา และเน้นย้ำว่าทูตสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องฟังและเชื่อ แต่ขอให้ฟังและนำข้อมูลเหล่านี้ไปศึกษา ไปสอบถามจากหลาย ๆ กลุ่มเพื่อที่จะมายืนยันข้อมูลว่า สิ่งที่พูดนั้นเป็นความเท็จหรือความจริง และเมื่อถึงขั้นตอนนั้นจะเป็นประเด็นที่ สหรัฐฯ มีความเข้าใจในสิ่งที่เกิดปัจจุบันของไทยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังยืนยันในความเป็นมิตรกับไทยที่ยังหนักแน่น มีความสำคัญเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตามกฎหมายต่างๆ ของเขา อาจจะมีปัญหาในด้านการปกครอง แต่ในด้านความร่วมมือต่างๆ ทางทูตสหรัฐฯ ยืนยัน ว่าจะสานต่อความสัมพันธ์ และจะดำเนินการให้ประเทศไทย มีความร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างแน่นแฟ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การทหาร การศึกษา เรียกได้ว่าทุกด้านที่เคยมีมาต่อกัน ไม่มีด้านใดลดลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการชี้แจงโรดแมพอย่างไร พล.ต.วีรชน กล่าวว่า วันนี้ไม่มีการพูดถึง เพียงแต่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุว่า ขั้นตอนที่ผ่านมาเรามีการดำเนินการในลักษณะ ใช้กติกาอย่างไร เช่นมีการใช้กฎอัยการศึกในช่วงต้น รวมถึงการใช้มาตารา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ซึ่งที่ผ่านมาใช้อย่างสร้างสรรค์ และไม่มีการทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน ยกเว้นแต่บุคคลที่เกี่ยวข้องที่มีคดีความก็ต้องว่าไปตามระบบ
นายกฯ ได้ยืนยันถึงระบบยุติธรรมของไทย ที่มีบางฝ่ายพูดดิสเครดิต ว่าไม่น่าเชื่อถือโดยนายกฯ อยากให้มองว่าที่ผ่านมาเป็น 10 ปี ระบบยุติธรรมเราทำงานมาตลอด ไม่มีการเลือกปฏิบัติ อย่างที่ถูกกล่าวหาทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน พยานข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้
พล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เล่าเกือบ 2 ชั่วโมงถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาถึงประวัติศาสตร์ทางการเมืองกว่า 10 ปีที่ผ่านของเรา และอยากให้มองย้อนกลับไปว่าเป็นอย่างที่ว่าหรือไม่
โดยนายGlyn T.Davies ได้ตอบมาว่า “ เชื่อในสิ่งที่นายกฯ พูด เชื่อในความจริงใจ และตั้งใจ ซึ่งนาย Glyn T.Davies เป็นคนพูดเอง”
นาย Glyn T.Davies มีคำแนะนำว่า อยากให้การมีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ให้คนที่ไม่ได้ออกเสียง (silent voice) มีพื้นที่มากขึ้น
โดยพล.อ.ประยุทธ์เห็นด้วย และให้ศึกษาว่าจะมีวิธีการอย่างไร ซึ่งวันนี้เป็นการพบปะที่สร้างสรรค์ และเป็นการยืนยันจากสหรัฐฯ ที่บอกว่า ได้รับคำนโยบายมาจากวอชิงตัน ว่าการมาครั้งนี้ ให้มาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทย
นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า การพบกันครั้งนี้ถือว่ามีความพิเศษ เพราะถุกจับตาดูจากหลายฝ่าย และได้ถือโอกาสชี้แจงถึงความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา เกิดความขัดแย้งของคน 2 กลุ่ม ทำให้รัฐบาลนี้ต้องเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลก็จะเข้ามาเพียงชั่วคราวตามโรดแมพ ที่วางไว้เพื่อเร่งสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น
ในเรื่องของโรดแมพนั้น สิ่งที่เราทำในปัจจุบันเป็นการสร้างอนาคตของประเทศไทยแต่ละขั้นตอนที่ทำนั้นก็เพื่อประเทศซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าสิ่งที่พูดวันนี้ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่อยากให้เปิดใจให้กว้าง รวมทั้งรับฟังในส่วนรัฐบาลไทย และข้อมูลรอบๆ ด้าน แล้วจะรู้ว่าความจริงคืออะไร
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯให้เกียรติกับนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก เข้าใจถึงสถานการณ์ประเทศและเข้าใจในตัวนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดถือว่าท่าทีของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทยดีขึ้นและเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น
"เขาเชื่อมั่นเรา 99% ติดแค่เปอร์เซ็นต์เดียว คือเรื่องกฎหมายและการพูดคุยครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ในฐานะที่เป็นเพื่อนและมีความสัมพันธ์กันมานานกว่า 2 ศควรรษ และการแนะนำต่างๆ ก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่ต้องการแทรกแซง" พล.ต.วีรชน กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: