PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สร้าง 'เยาวชน' ฐานประชามติ กับเนื้อหาว่าด้วย 'ในหลวง'


สร้าง 'เยาวชน' ฐานประชามติ กับเนื้อหาว่าด้วย 'ในหลวง'

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
 ศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 00:00:09 น.

เป็นช่วงเดินสายของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) นำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ในฐานะประธานฯ จัดทำ ซึ่งเป็นกำลังหลักในการไปพูดทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับร่าง รธน.ฉบับใหม่ พร้อมไปกับการรับฟังข้อเสนอแนะ ก่อนจัดทำร่างสุดท้าย เพื่อเตรียมนำไปลงประชามติ โดยกลุ่มแรกคือ "หน่วยทหาร" ซึ่งกำลังพลต้องใช้ "เนื้อหา" เหล่านั้นไปทำความเข้าใจ และชี้แจงถึงรายละเอียดให้ครอบครัว พร้อมทั้งมวลชนในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพื่อให้ออกมาลงประชามติในช่วงเดือนกรกฎาคม ตาม"โรดแมป" ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ได้จัดกิจกรรม "เสวนาการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อความผาสุกที่ยั่งยืน" ที่ห้องประชุมโชติปาโล โรงเรียนเทพศิรินทร์นนทบุรี โดยมีเรือโทกฤษณ์ จินตเวช นายอำเภอบางกรวย เป็นเจ้าบ้าน ซึ่งในงานได้เชิญนายมีชัย ฤชุพันธุ์  บรรยายถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีการเสวนาจากตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี นักเรียนจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ตัวแทนจากโรงเรียน ซึ่งในงานมีนักเรียนจากทั้ง 300 โรงเรียนมาร่วมกิจกรรมรวม 600 คน  พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนประมาณ 200 คน

ขณะที่ พลตรีสุรใจ จิตต์แจ้ง ผบ.พล.ปตอ. ระบุว่า ในฐานะผู้ประสานงานจัดกิจกรรม คาดหวังให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องการกระตุ้นให้สังคมตระหนักในการออกไปใช้เสียง สิทธิเสรีภาพของตนเองต่อร่าง รธน. กิจกรรมวันนี้มีความมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจ และให้ทุกคนใช้ดุลยพินิจและวิจารณญาณในการลงประชามติอย่างไร ซึ่งในระหว่างนี้เรายังสามารถเสนอแนะต่อกรรมการร่าง รธน.

ซที่สำคัญคือ การเปิดเวทีให้กับอนาคตของชาติ เพราะหลายคนอายุเพิ่ง 18 ปี หลายคนมีสิทธิ์มีเสียงที่จะลงคะแนนได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอยู่กับคนไทยไปอีกนาน การเสวนาครั้งนี้จึงเกี่ยวพันกับเรา " ผบ.พล.ปตอ. ระบุ

ที่น่าสนใจคือ การ บรรยายพิเศษ เรื่อง "การปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข"  โดย พันเอกถิรวัฒน์ บุญเพ็ญ ราชองครักษ์ ประจำกรมราชองครักษ์ ที่ระบุว่า

"ปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำงานครบ 70 ปี ดีพอหรือยังที่มีใครมาพูดถึงพระองค์ท่านว่าทำอะไรเพื่อคนทั้งประเทศแล้วเราจะนั่งตัวตรงฟัง ถ้าคิดได้แล้วช่วยกัน เชื่อว่าเราจะสู้อะไรได้หลายๆ อย่างในโลกนี้ ทั้งอาเซียนและสหภาพยุโรป แต่อยากให้หันมาดูตัวเองและหันมาทำอะไรเพื่อพระองค์ท่าน เพราะอย่างน้อยเมื่อทำตอนนี้ก็ได้ทำช่วงที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีชีวิตอยู่ วันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะกลับมามองตรงนี้ หันมาทำอะไรเพื่อพระองค์ท่านอย่างจริงจัง อยากให้เริ่มทำตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีชีวิตอยู่ ซึ่งท่านทำงานตั้งแต่ทรงอายุ 16 ปี........

......จุดเปลี่ยนในชีวิตของผมมาจากคุณยายของผมเองที่ไปเก็บขยะขาย ซึ่งได้บอกผมว่า เงินแค่บาทเดียวดูไม่มีความสำคัญ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นของเรา คำพูดนั้นส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อในหลวงเป็นของพวกเรา ทำไมไม่ดูแลพระองค์ท่านบ้าง ผมเกิดมาในช่วงที่พระองค์ท่านทำงานอยู่ ผมบรรยายมากว่า 20 ปีทั่วภูมิภาคของประเทศ แต่ไม่เคยพูดเรื่องการเมือง สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือ อยากให้เด็กๆ ทุกคนเป็นกลไกสร้างความสำนึกให้กับประเทศในอนาคต เด็กรุ่นใหม่ก็สามารถดูแลประเทศได้ เพียงต้องให้โอกาส"

เขายังบอกว่า คนไทยชอบรอให้คนอื่นช่วยเหลือ แต่เมื่อคนที่เข้ามาช่วยเหลืออ่อนแรงลงก็จะหันกลับมาพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะช่วยสิ่งที่เรามองไม่เห็นเท่านั้น เมื่อหมดหนทางคนไทยจะหันมาโทษกันเอง และหาคนถูกคนผิดจนทะเลาะกัน ผมไปบรรยายมาหลายที่ และถามเยาวชนมามากว่าเคยเห็นผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีในหมู่บ้านหรือในพื้นที่นั้นๆ หรือไม่ แต่เด็กไม่มีใครยกมือ เพราะตั้งแต่เด็กๆ อายุ 4 ขวบก็จะเห็นภาพผู้ใหญ่ทะเลาะกันทั้งที่บอกให้เด็กรู้จักคำว่าสามัคคี ดังนั้นโมเดลที่ประเทศไม่สามารถทำได้ คือ การสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นต่อคนในชาติ สุดท้ายต่อให้ทะเลาะกันแค่ไหนเราก็คือคนไทยต้องอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน ก็คือแผ่นดินไทย เราก็คือคนไทยเหมือนกัน วันนี้ทุกคนในประเทศไม่สามารถตอบได้ว่าคนไทยสามัคคี

พันเอกถิรวัฒน์กล่าวอีกว่า ตลอดชีวิตของในหลวงไม่เคยขอให้คนไทยรักพระองค์ ไม่เคยมีคำสอนใด ขอให้รักแต่ขอให้พวกเรารักกัน วันนี้ถ้าจะทำอะไรเพื่อในหลวงไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่ขอให้รักกันและดูแลประเทศนี้ เพราะในหลวงเป็นคนคนเดียวที่ทำงานเพื่อทุกคนในประเทศตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จุดแข็งในประเทศของเราอยู่ที่ธงชาติไทยที่มี 3 สี  ประกอบด้วย 1.สีแดง คือชาติ 2.สีขาว คือศาสนา 3.สีน้ำเงิน คือพระมหากษัตริย์ แต่เหตุใดจึงมีสีแดงและขาวถึง 2 แถบเพราะประเทศไทยมีประชากรหลายเชื้อชาติจึงไม่ต้องการให้เชื้อชาติมาแบ่งแยกความเป็นคนไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยกล่าวและมีคำว่า บวร แปลว่า บ้าน วัด โรงเรียน และอีกคำคือ คำว่าบรม แปลว่า บ้าน โรงเรียน มัสยิด สุดท้ายแม้จะหลายเชื้อชาติหลายศาสนา แต่ประเทศไทยก็ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคนคือพระมหากษัตริย์ วันนี้การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกมาแต่ละครั้งคิดเป็นวินาทีเพราะทรงประชวร

"วันนี้น้องๆ เยาวชนไม่สามารถที่จะเก็บภาพในพระราชกรณียกิจที่ในหลวงทรงปฏิบัติ ตั้งแต่ พ.ศ.2552 อีก 40 ปีข้างหน้าเราจะมีอะไรไปบอกลูกหลานว่า เราเกิดมาในรัชกาลที่ 9 แม้แต่คนต่างชาติก็ยังรักและบูชาในหลวง แล้ววันนี้พวกเราคนไทยทำอะไรเพื่อในหลวงบ้าง ทุกวันนี้คนไทยแสดงออกว่ารักในหลวง เพราะเห็นคนอื่นรักบ้างเคารพบ้าง ยืนตรงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพราะรู้ว่าเป็นเพียงทำเนียมปฏิบัติ แต่ไม่เคยคิดที่จะหาคำตอบว่าร้องเพื่ออะไร อยากขอให้หาคำตอบและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีชีวิตอยู่"

ราชองครักษ์ผู้นี้ยังบอกว่า ถ้าวันนี้ยังไม่รู้จะทำอะไรเพื่อใคร ไม่รู้ว่าจะสามัคคีเพื่ออะไร ขอให้ทบทวนว่าบ้านของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยอมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมในโรงพยาบาลและทำงานเพื่อคนไทย แม้ท่านจะประชวร ท่านมีเงินมากมายจะให้หมอไปอยู่ที่บ้านท่านก็ได้ แต่ท่านเลือกที่จะอยู่โรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลศิริราชมีทั้งหมด 16 ชั้น ท่านอยู่ชั้นที่ 16 ส่วนชั้น 14-15 เป็นชั้นของข้าราชบริพาร และชั้น 1-13 เป็นของขอทานที่ไม่มีเงินอยู่ร่วมกับพระองค์ท่าน หมอและเครื่องมือที่ใช้รักษาก็ทรงใช้ร่วมกัน

"วันนี้ประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้า อย่ามองว่าประชาธิปไตยจะเต็มใบหรือไม่ เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้วที่ประเทศไทยยังเป็นระบอบคอมมิวนิสต์มีแต่พระองค์ท่านที่ลงไปแก้ปัญหาและช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจนทุกวันนี้ ซึ่งถึงเวลาที่คนไทยต้องมองข้ามผลประโยชน์ส่วนตน และหันมามองผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อลูกหลานจะได้มีแผ่นดินอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่พระองค์ท่านทรงทำงานอยู่จนทุกวันนี้" พันเอกถิรวัฒน์ระบุ

อาจมองได้ว่านอกจากเนื้อหาที่กองทัพต้องการให้เยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญของ รธน.ว่ามีจุดแข็งตรงไหน มีกลไกในการดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้สถานการณ์วนกลับไปสู่วิกฤติก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 อย่างไร แต่ก็ยังมีเนื้อหาในส่วนของสถาบันกษัตริย์ที่คนรุ่นใหม่ต้องพิทักษ์รักษาปกป้องไว้อีกด้วย

และฐานเสียงที่สำคัญ และ คสช.คาดหวังว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญก็คือ "เยาวชน" กลุ่มที่เพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนประชามติเป็นครั้งแรก!!!

"วันนี้ประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้า อย่ามองว่าประชาธิปไตยจะเต็มใบหรือไม่ เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้วที่ประเทศไทยยังเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ มีแต่พระองค์ท่านที่ลงไปแก้ปัญหาและช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจนทุกวันนี้ ซึ่งถึงเวลาที่คนไทยต้องมองข้ามผลประโยชน์ส่วนตนและหันมามองผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อลูกหลานจะได้มีแผ่นดินอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่พระองค์ท่าน"ทรงทำงานอยู่จนทุกวันนี้"

บรรยายใต้ภาพ
พันเอกถิรวัฒน์ บุญเพ็ญ

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2370302

ไม่มีความคิดเห็น: