PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

"ถึงเวลาปฎิรูปขนานใหญ่รอบที่สอง (The Second Great Reform)"

"ถึงเวลาปฎิรูปขนานใหญ่รอบที่สอง (The Second Great Reform)"


ทุกประเทศล้วนต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศในโลกที่หนึ่งที่มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน 

หลายประเทศในเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ใต้หวัน ต่างประสบความสำเร็จสามารถเปลี่ยนผ่านจากประเทศใน "โลกที่สอง" ซึ่งจัดเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา มาสู่ประเทศใน "โลกที่หนึ่ง" ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในศตวรรษที่ผ่านมา 

ความสำเร็จเปลี่ยนผ่านดังกล่าวเกิดจาก "กระบวนการปฏิรูปขนานใหญ่อย่างเป็นระบบ" (Great Reform) ครอบคลุมทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน

ประเทศไทยก็มิได้แตกต่าง การเผชิญกับภัยคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ทำให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ตัดสินใจดำเนินการปฏิรูปครั้งใหญ่ โดยการสร้างรัฐชาติไทย ควบคู่ไปกับการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินด้วยการจัดการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น การปฏิรูปสังคมด้วยการยกเลิกระบบทาสและระบบไพร่ การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปคมนาคม ฯลฯ เพื่อทำให้ประเทศเกิดความทันสมัยเฉกเช่นเดียวกับอารยประเทศอื่นๆ



การปฏิรูปขนานใหญ่อย่างเป็นระบบในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองตามมาในอีกกว่าศตวรรษต่อมา

อย่างไรก็ดี ภายหลังการปฏิรูปขนานใหญ่ในสมัยรัชกาลที่5 ประเทศไทยขาดการปฏิรูปอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในเวลาต่อมา...จวบจนปัจจุบัน

ทำให้ขาด Momentum of Change ในการเปลี่ยนผ่านประเทศให้สอดรับกับเงื่อนไขสภาพแวดล้อม ทั้งจากภายนอกและภายในที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ เมื่อพัฒนาไปได้ถึงระดับหนึ่ง ประเทศไทยต้องเผชิญกับ "กับดักประเทศรายได้ขนาดปานกลาง" เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำของอำนาจความมั่งคั่งและโอกาส ทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น มิเพียงเท่านั้น ยังเป็นประเทศที่กำลังเผชิญกับความขัดแย้งที่รุนแรงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

พลวัตการเปลี่ยนแปลงสู่โลกศตวรรษที่ 21 ก่อให้เกิดโอกาส ความเสี่ยงและภัยคุกคามชุดใหม่ การสะดุดขาตัวเองทำให้ประเทศไทยไม่สามารถแสวงหาโอกาสและรับมือกับความเสี่ยงและภัยคุกคามชุดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น หากปราศจากการปฏิรูปใหญ่ครั้งที่ 2 (Second Great Reform) ประเทศไทยอาจกลายเป็นประเทศที่ถดถอย เป็นรัฐที่ล้มเหลวในที่สุด จมดิ่งอยู่ในทศวรรษแห่งความศูนย์เปล่า (Lost Decades) อีกยาวนาน

ในทางกลับกัน ถ้าหากมีการขับเคลื่อนการปฏิรูปครั้งใหญ่อย่างจริงจัง อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง โดยการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนก็อาจเป็นไปได้ว่า ประเทศไทยจะสามารถปรับเปลี่ยนกลายเป็นประเทศในโลกที่หนึ่ง เป็นประเทศที่มีความมั่งคั่ง มั่นคงและยั่งยืน เฉกเช่นเดียวกับอารยะประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลก

การขับเคลื่อน "ประเทศไทย 4.0" ผ่านพลัง"ประชารัฐ" จึงเป็นหนึ่งในวาระการปฎิรูปที่สำคัญ ที่จะทำให้เราสามารถก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศในโลกที่หนึ่งที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ได้ในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: