PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เตรียมแผนกบิล59บุกคุมตัวพระธัมชโย

เอาแล้ว!?!...หลังตร.-ดีเอสไอเตรียมใช้ กบิล59 ชิงตัว"ธัมมชโย" ลูกศิษย์ธรรมกายจะทำไงต่อ

ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส แถลงชี้แจงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับพระธัมมชโยไปยังอัยการ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย. โดยได้ชี้แจงโดยสรุปว่า เนื้อหาในคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 766/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว จึงไม่อาจแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 การ กระทำดังกล่าวจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบและจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ในช่วงเย็น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมประชุมตามแผนกบิล 59 ในการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาคดีพิเศษ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เรื่องที่ประชุมส่วนใหญ่ คือการป้องกันเหตุร้ายในกรณีที่ ดีเอสไอจะเข้าไปในวัดพระธรรมกาย เพราะว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะและมีคนอยู่จำนวนมาก ส่วนการสืบสวนจับกุมก็ต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ถ้าไม่มีเหตุรุนแรงอะไรตำรวจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วม เท่าที่ทราบมาทางวัดกับลูกศิษย์ก็ให้ความร่วมมือดี ส่วนเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยก็จะเป็นในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมมือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

มีรายงานข่าวว่า ภายในวันศุกร์นี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมเข้าจับกุมพระธัมมชโยภาย  โดยวันพฤหัสบดีพนักงานสอบสวนจะขอหมายค้น ก่อนเดินทางไปวัดธรรมกายในช่วงเช้า ใช้กำลังตำรวจ 4 กองร้อย ปิดประตูที่ 7 ไม่ให้บุคคลเข้าออก ใช้การเจรจาเป็นหลัก แต่หากการเจรจาไม่เป็นผลก็จะแจ้งข้อหาพระธัมมชโยผ่านทนายความ โดยไม่ใช้กำลังเข้าปะทะโดยเด็ดขาด
       
ที่มา ศูนย์ข่าวแปซิฟิก
/////
ดีเดย์ศุกร์นี้ "ดีเอสไอ" บุกวัดธรรมกาย เตรียมตำรวจ 4 กองร้อยเข้าค้น ถ้าเจอก็จับพระธัมมชโย แต่หากมวลชนต่อต้าน เตรียมแผนสำรอง แจ้งข้อหาผ่านทนายความของวัดแทน อธิบดีดีเอสไอชี้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ลั่นพระธัมมชโยมีทางเลือกแค่ 2 ทาง คือมอบตัวกับถูกจับกุม ส่วนคณะประชุม 3 ฝ่ายที่วัดเขียนเขต ประกาศยุติบทบาทคนกลาง ระบุสิ้นสุดหน้าที่ในการเจรจา


เมื่อ เวลา 10.10 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร แถลงชี้แจงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับพระธัมมชโยไปยังอัยการ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงโดยสรุปว่า เนื้อหาในคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 766/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว จึงไม่อาจแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 การ กระทำดังกล่าวจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ


กรมสอบ สวนคดีพิเศษมีคำสั่งที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขอความร่วมมือจากพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และดร. สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว ซึ่งได้ประชุมที่วัดเขียนเขต ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยดร. สมศักดิ์ได้ประสานงานกับวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด การเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีเหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนัก งานสอบสวน แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิ.ย.


"ทำไมจึงรีบร้อนรวบรัด กระบวนการผิดปกติ ทำไมไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว พระธัมมชโยได้รับบริจาค โดยเปิดเผยและสุจริต ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน สำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว เมื่อเกิดเป็นคดีความมีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ คณะศิษย์วัดพระธรรมกายยังตั้งกองทุนเยียวยาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจน ครบ และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายแสดงเจตนารมณ์ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและ อาญา ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ อาจถูกดำเนินคดี ว่ารับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน วัดพระธรรมกายยืนยันเคารพกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป"


วัน เดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีที่ 27/2559 ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีที่ปรึกษาคดีพิเศษและพนักงานอัยการร่วมประชุมด้วย ว่าพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีที่ 27/2559 ส่งพนักงานอัยการเรียบร้อยแล้วมีทั้งหมด 13 แฟ้มกว่า 10,000 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้รับสำนวนแล้ว


พ.ต.อ. ไพสิฐกล่าวว่า อีกเรื่องคือเรื่องของชุดเจรจาในประเด็นที่ดีเอสไอต้องการให้พระธัมมชโยเข้า มอบตัวกับพนักงานสอบสวน ซึ่งมีด้วยกัน 3 ฝ่าย คือ ดีเอสไอ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และตัวแทนวัดพระธรรมกายนั้น วันนี้ดีเอสไอยังเดินทางไปเจรจาตามที่มี การนัดหมายไว้เหมือนเดิม ซึ่งเป็นอีกกระบวนการหนึ่ง


"ส่วนการดำเนินการตามหมายจับ ดีเอสไอ ยังต้องปฏิบัติตามเนื่องจากศาลได้อนุมัติแล้วก็ต้องดำเนินการตามหมายจับต่อ ไป กรณีวัดพระธรรมกายต้องการเปลี่ยนพนักงานสอบ สวน ดีเอสไอเพิ่งได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ส่วนจะเปลี่ยนหรือไม่ พ.ต.ท.สมบูรณ์จะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ สำหรับคดีอื่นที่เกี่ยวข้องมีทั้งหมด 10 กว่าคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล คาดภายในเดือนก.ค.นี้ จะสรุปคดีได้เพิ่มอีก 2-3 คดี


ผู้ สื่อข่าวถามว่า หากการเจรจาวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ดีเอสไอจะมีแผนเข้าไปจับกุมภายในวัดพระธรรมกายหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอพูดมาตลอดว่า ขั้นตอนการดำเนินการมี 5 ขั้นตอน แต่ละขั้นตอนไม่ได้ผูกพันซึ่งกันและกัน การดำเนินการตามหมายจับเราก็ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นแล้ว ส่วนกรณีที่มีการมองว่าดีเอสไอจะรอให้อัยการสั่งฟ้องก่อน จึงจะดำเนินการเข้าจับกุมพระธัมมชโยนั้น


"ขอเรียนว่าเรา ดำเนินการตามหมายจับมาโดยตลอด ไม่ได้รออะไร หากมีสถานการณ์เหมาะสม ซึ่งเราประเมินสถานการณ์แล้ว ก็ดำเนินการเข้าจับกุมได้ทันที ดังนั้นการดำเนินการตามหมายจับไม่เกี่ยวกับสำนวนอยู่แล้ว อีกทั้งคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ซึ่ง 3 รายเราแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนอีก 2 ราย คือ พระธัมมชโย และน.ส.ศศิธร ได้ส่งหมายจับติดสำนวนไปแล้ว หากถึงวันที่อัยการมีความเห็นทางคดีแล้ว การที่จะนำตัวไปนั้นอัยการคงมีหนังสือแจ้งมาว่าให้นำตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับ ไปพบ พอถึงตอนนั้นเราก็มีวิธีการดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว" อธิบดีดีเอสไอกล่าว


จากนั้นเวลา 15.30 น. ที่วัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน และตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมหารือกับพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยมีนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นตัวแทนผู้ประสานงาน ก่อนประกาศยุติการประชุมทั้ง 3 ฝ่ายเนื่องจากสิ้นสุดหน้าที่ในการเจรจาแล้ว


ภาย หลังการประชุม พระเทพรัตนสุธีกล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา จังหวัดได้ทราบว่าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนสอบสวนพระเทพญาณมหามุนี หรือพระไชยบูลย์ ธัมมชโย พร้อมกับพวกให้อัยการแล้ว และอัยการก็ได้นัดวันที่ 13 ก.ค. 2559 จังหวัดจึงพิจารณาเห็นแล้วว่าพนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ของ ตนแล้ว อาตมภาพพร้อมด้วยดร.สมศักดิ์ โตรักษา จึงขอยุติการปรึกษาหารือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


ด้านนายสม ศักดิ์กล่าวว่า ตนทำหน้าที่ประสานระหว่างคณะของพระธัมมชโยและคณะทำงานของเรา ขอยืนยันว่าเราได้นำเงื่อนไขต่างๆ ในที่ประชุมทั้งหมดไปให้กับคณะทำงานของพระธัมมชโยตลอด อย่างที่พระเทพรัตนสุธีได้กล่าวไปแล้ว เมื่อดีเอสไอได้ยื่นสำนวนสอบสวนไปแล้วนั้น หน้าที่ของเราก็ยุติลง ขณะนี้ก็เป็นหน้าที่ของอัยการที่ต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ ต่อไป


ขณะ ที่พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า เมื่อสำนวนการสอบสวนได้เสร็จสิ้นจึงได้ส่งสำนวนสอบสวนให้แก่อัยการ กระบวนการเจรจาเป็นหนึ่งใน 5 แนวทางที่ท่านรัฐมนตรีได้เคยให้นโยบายไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนี้ก็อยู่ที่ตัวพระธัมมชโยเองซึ่งจะมอบตัวหรือเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับ กุม เป็นกระบวนการตามหมายจับซึ่งมีผล 15 ปี ทั้งนี้พระธัมมชโยก็มีทางเลือกเพียง 2 ทาง คือยอมมอบตัว หรือถูกจับกุม


ถัด มาเวลา 17.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง พล.ต.ต. ศรายุทธ พูลธัญญะ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกับชุดสืบสวน บช.ภ.1 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.นนทบุรี ร่วมประชุมตามแผนกบิล 59 ในการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาคดีพิเศษ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง


พล.ต.อ. ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องที่ประชุมส่วนใหญ่ คือการป้องกันเหตุร้ายในกรณีที่ ดีเอสไอจะเข้าไปในวัดพระธรรมกาย เพราะว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะและมีคนอยู่จำนวนมาก ส่วนการสืบสวนจับกุมก็ต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ถ้าไม่มีเหตุรุนแรงอะไรตำรวจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปมี ส่วนร่วม เท่าที่ทราบมาทางวัดกับลูกศิษย์ก็ให้ความร่วมมือดี ส่วนเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยก็จะเป็นในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมมือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่รัฐอยากจะเสนอทางออกหรือแนวทางอะไรให้กับทางวัดพระธรรมกาย พิจารณาหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ว่าจะเป็นพระ ข้าราชการหรือเอกชน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง


เมื่อ ถามถึงคดีพระธัมมชโยจะกระทบด้านความมั่นคงหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีมวลชนเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องเข้าไปกำกับ ดูแล ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหา ตนมองว่าทุกคนเป็นคนไทยก็ควรทำตามกฎหมายบ้านเมือง


ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ยังไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการจับกุมในช่วงวันเวลาใด ซึ่งจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง และหากมีความพร้อมก็จะดำเนินการตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมา โดยตลอด


เมื่อถามว่าพระ ธัมมชโยยังอยู่ที่วัดพระธรรมกายหรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า จากรายงานที่ผ่านมา พระธัมมชโยยังอยู่ภายในวัดแต่ขณะนี้จะยังอยู่หรือไม่ จะต้องรอดูขณะเข้าปฏิบัติการอีกครั้ง


ผู้สื่อข่าวรายงาน ด้วย มีรายงานข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมเข้าจับกุมพระธัมมชโยภายในวันศุกร์นี้ โดยวันพฤหัสบดีพนักงานสอบสวนจะขอหมายค้น ก่อนเดินทางไปวัดธรรมกายในช่วงเช้า ใช้กำลังตำรวจ 4 กองร้อย ปิดประตูที่ 7 ไม่ให้บุคคลเข้าออก ใช้การเจรจาเป็นหลัก แต่หากการเจรจาไม่เป็นผลก็จะแจ้งข้อหาพระธัมมชโยผ่านทนายความ โดยไม่ใช้กำลังเข้าปะทะโดยเด็ดขาด

ไม่มีความคิดเห็น: