PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เปิดปูม‘หญิงไก่’อดีตพยานคดีเครื่องราชฯปี29 ชี้มัด‘กิมเอ็ง’คุณหญิงเก๊ ก่อนโผล่แจ้งจับคนใช้


 จากกรณีน.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย อายุ 19 ปี ชาวจ.นครพนม นิสิตปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบหลังถูกนางไก่ หรือหญิงไก่ อดีตนายจ้าง แจ้งความดำเนินคดีกับตน พร้อมบิดาและมารดาที่สน.ประชาชื่น ในข้อหาลักทรัพย์ โดยอ้างมีทรัพย์สินสูญหายไป 11 รายการ ทั้งทองแท่งหนัก 40 บาท ทองรูปพรรณ และสร้อยเพชร รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยน้องก้อยเผยด้วยว่านางไก่ชอบอ้างตัวเป็นคุณหญิง และมีสามีเป็นนายตำรวจยศพ.ต.ท. ขณะที่ช่วยทำงานอยู่ที่ห้องพักของหญิงไก่ ย่านประชานิเวศน์ 1 หากหญิงไก่อยู่ห้องพัก ทุกคนต้องหมอบคลานตลอดเวลา จากนั้นหญิงไก่ได้ชักชวนให้ไปทำงานที่ฮ่องกง โดยระบุเคยส่งไปแล้วหลายคน ทุกคนได้รับค่าตอบแทนสูง แต่แม่ของตนได้ปฏิเสธ ก่อนถูกหญิงไก่รบเร้าอย่างต่อเนื่อง จนทนไม่ไหวเลยชวนพากันหนีออกมา กระทั่งมาทราบถูกหญิงไก่แจ้งจับฐานลักทรัพย์ 10 ล้านบาท แล้วถูกตำรวจตามจับกุม เมื่อสอบถามพบตำรวจมีหลักฐานเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องพักของหญิงไก่เท่านั้น ก่อนถูกส่งไปสถานพินิจฯนาน 2 เดือนแล้วปล่อยตัวออกมา ซึ่งครอบครัวลำบากมาก ก่อนตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรม

 ต่อมาในวันที่ 28 มิ.ย. น.ส.วณิชยา หรือมีน บุ้นสุนเฮง อายุ 21 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามเช่นกัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงไก่ ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา โดยระบุว่าเมื่อปี 2558 แม่ของตนทำงานเป็นแม่บ้านให้หญิงไก่ ก่อนถูกชักชวนให้ไปทำงานต่างประเทศ แต่แม่ได้ปฏิเสธและขอลาออก จากนั้นถูกหญิงไก่ได้แจ้งความที่สน.ประชาชื่น ฐานลักทรัพย์ ทั้งแหวนเพชรและนาฬิกาข้อมือ มูลค่า 3.26 ล้านบาท โดยแม่ของตนยืนยันว่านำเพียงถุงใส่เหรียญไปและคืนให้หญิงไก่แล้ว ก่อนถูกตำรวจตามจับกุมและส่งฝากขังคุมตัวไว้ที่เรือนจำคลองเปรม เพราะไม่มีหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2558  

 จากนั้นหญิงไก่พร้อมทนายความได้ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ถึงเรื่องราวทั้งหมด โดยหญิงไก่ระบุไม่ได้กลั่นแกล้งผู้เสียหาย โดยเด็กสาวคนดังกล่าวเข้ามาทำงานในฐานะเด็กรับใช้พร้อมกับพ่อแม่ แต่เมื่อทำงานเพียง 10 วันก็เกิดปัญหา เนื่องจากทรัพย์สินส่วนตัวหายไป จึงแจ้งความที่สน.ประชาชื่น เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดมีหลักฐานเป็นภาพเด็กสาวขโมยทรัพย์สินไป พร้อมปฏิเสธกรณีมีคนรับใช้ถูกแจ้งความฐานลักทรัพย์แล้วหลายคน แต่มีถูกดำเนินคดีแค่ 5 คนเท่านั้น เพราะมีความผิดชัดเจน

 สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.ค. พนักงานสอบสวนประสานให้พ่อแม่ของน้องก้อยเดินทางเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตนายจ้าง นอกจากนี้ จะประสานไปยังตำรวจสน.ประชาชื่น เพื่อนำตัวพ่อแม่ของน้องก้อยไปมอบตัว ในกรณีถูกอดีตนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีก่อนหน้านี้ โดยจะมอบหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่าพ่อแม่ของน้องก้อยไม่ได้กระทำความผิดให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณาปล่อยตัว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ด้วย

 พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวต่อว่า ส่วนคดีของนางสุกัญญา ศิริม่วง แม่ของน.ส.วณิชยา ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ต้องหาถูกขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. พนักงานสอบสวน บก.ป. เดินทางไปสอบปากคำนางสุกัญญาในเรือนจำแล้ว โดยจากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าคดีมีมูล ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จึงไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะต้องรอความชัดเจนแล้วความจริงจะปรากฏ โดยคดีนี้พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กำชับให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ต้องการความช่วยเหลือ

 รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบประวัติของหญิงไก่ พบเดิมชื่อนางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล ต่อมาในปี 2548 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นนางสุชาดา หยกวิริยะกุล กระทั่งล่าสุดเปลี่ยนชื่อและนามสกุลอีกครั้งเป็นนางมณตา หยกรัตนกาญ

 นอกจากนี้มีรายงานอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบถึงความแน่ชัดของทรัพย์สินที่หญิงไก่อ้างว่าถูกขโมยไปมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทตามที่แจ้งความไว้ว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบย้อนหลังยังพบข้อมูลด้วยว่าเคยแจ้งความเอาผิดคนใช้มาแล้ว 4 คดี แต่ที่ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลมีเพียง 1 คดี ส่วนที่เหลือไม่ติดใจเอาความ โดยทราบว่าหญิงไก่ขอเวลาอีก 3 วันจะออกมาแถลงข่าว ทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องคดีความด้วย

 สำหรับ ‘หญิงไก่’ หรือชื่อเดิมคือนางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล เคยตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2529-2530 คดีแก๊งตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยหญิงไก่เป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้ ที่สำคัญยังเป็นน้องสาวของนางดวงฤทัย จารุจินดา หรือกิมเอ็ง แซ่เตีย ผู้ต้องหาคนสำคัญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นนายหน้าตุ๋นคนดังในสังคมขณะนั้น เพื่อแลกกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อย่างไรก็ตามทางตระกูลจารุจินดาเคยออกมาชี้แจงว่าไม่พบนางดวงฤทัย จารุจินดา อยู่ในสารบบของตระกูล

 โดยจุดเริ่มต้นของคดีนี้มาจากสำนักเลขาธิการครม.เมื่อปี 2529 ตรวจสอบพบรายการขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปี 2529 ในส่วนของผู้ทำคุณประโยชน์แก่ทางราชการกว่า 750 รายการ ที่ระบุบริจาคเงินและสิ่งของให้วัดและโรงเรียนต่างๆ โดยมีใบอนุโมทนาบัตรระบุจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท ส่อเค้าไม่ถูกต้อง เนื่องจากพอสุ่มตรวจสอบไปยังแหล่งที่มาต่างระบุไม่ได้รับการบริจาคตามที่อ้างไว้ ทำให้ทุกหน่วยงานมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด

 จากการสอบสวนของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทราบว่าคดีนี้มีพระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยจากพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงพระราชปัญญาโกศล หรือเจ้าคุณอุดม รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสในขณะนั้น ก่อนถูกสึกจากการเป็นพระและดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ยังขยายผลถึงนางดวงฤทัย หรือกิมเอ็ง จากการตรวจค้นบ้านพักพบบัญชีรายชื่อและรูปถ่ายแต่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จำนวนมาก แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบย้อนหลังกลับไม่ปรากฏชื่อนางกิมเอ็งในราชกิจจานุเษกษา แถมยังมีหลักฐานเชื่อมโยงกันระหว่างเจ้าคุณอุดมและนางกิมเอ็งด้วย

 เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนพบนางกิมเอ็ง ทำหน้าที่เป็นนายหน้าหาคนดังในสังคมมาให้เจ้าคุณอุดม ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้พยานปากสำคัญคือ ‘นางไก่’ หรือนางวันทนีย์ น้องสาวของนางกิมเอ็ง เนื่องจากนางไก่จะรู้ถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมในการหลอกลวงของพี่สาวอย่างดี รวมถึงการแต่งกายของนางกิมเอ็งที่มักชอบนำสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาสวมใส่แอบอ้างหลอกลวง นอกจากนี้นางไก่ยังเป็นโจทก์แจ้งความเอาผิดกับนางกิมเอ็ง ฐานฉ้อโกงด้วย ในระหว่างนั้นนางไก่ยังพยายามกินยาฆ่าตัวตาย โดยอ้างว่าน้อยใจผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตอนนั้นเคยรับปากจะให้ความคุ้มครอง แต่สุดท้ายกลับปฏิเสธ ทำให้เสียใจและกินยาหวังฆ่าตัวตายในห้องพัก แต่เจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน จนกระทั่งคดีนี้สิ้นสุดลง ก่อนนางไก่หรือหญิงไก่จะมาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้งในคดีแจ้งจับคนใช้ถึง 4 คน ในข้อหาลักทรัพย์ทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น: