PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คสช.จับตา “วัฒนา” หลัง บินพบ"ทักษิณ"




คสช.จับตา “วัฒนา” หลัง บินพบ"ทักษิณ" เผยมีคนที่คสช.อนุญาตให้ไปตปท. เป็นร้อยคน แต่ไม่มีใคร มีพฤติกรรมเหมือน "วัฒนา"โยน กกต. ดู ใส่เสื้อไม่รับร่างรธน./ เตือน "สุดารัตน์"คุยนักการเมือง แค่สร้างกระแส. เตือนอย่าเกิน5 คน/ ยันจับตา ทุกกลุ่มเหมือนกัน เปล่า เข้าข้าง"สุเทพ"
พันเอก ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า การที่นายวัฒนาเดินทางไปต่างประเทศ สืบเนื่องจากการที่คสช.มีคำสั่งยกเลิกการห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนปรน
แต่ในส่วนของคนที่มีคดีความต้องไปขออำนาจศาล แต่ถ้าไปเคลื่อนไหวทางการเมืองคสช.ก็ติดตามเฝ้าดูอยู่
ส่วนจะละเมิดข้อกฎหมายใดเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องดูแล ซึ่งขณะนี้บรรยากาศบ้านเมืองยังคงสงบ และคสช.ให้ความสำคัญเรื่องนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเป็นช่วงใกล้ถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายกฎหมายก็ติดตามอยู่ การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องไม่นำไปสู่การยุยงปลุกปั่น หรือนำไปสู่ความรุนแรง ในส่วนของคสช.ต้องประเมินสถานการณ์ตามช่วงเวลา
ส่วนกรณีของนายวัฒนาที่สวมเสื้อไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปพบนายทักษิณถือเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล เพราะยังมีอีกหลายร้อยคนที่คสช.อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งก็ต้องติดตามพฤติกรรมของนายวัฒนาต่อไป
ถามถึงการที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นัดอดีตนักการเมืองมาหารือกัน พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ทางฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ แต่การปฏิบัติยังไม่เกิด เป็นเพียงแนวความคิดว่าจะทำแบบนั้น
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ได้เตือนผ่านสื่อมวลชน ไปแล้ว ระบุว่าอะไรก็ตามถ้าผิดกฎหมายก็อย่าทำ
แต่เชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์และนักการเมืองต่างๆ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการเมืองจะไม่ทำผิดคำสั่งคสช.กรณีชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป
"มองว่าบางทีก็สร้างกระแสมากกว่า คสช.จับตาดูงานด้านความมั่นคง เวลานี้ไม่สมควรเคลื่อนไหวสร้างความสับสนให้ประชาชน ควรสร้างการรับรู้และเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ กระแสบิดเบือนความขัดแย้งไม่ควรเกิดขึ้น คสช.ต้องใช้มาตรการเตือนลงไป เพราะบรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้สงบ รัฐบาลแก้ไขทุกปัญหาไม่ได้เฉพาะด้านการเมือง "
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการรวมตัวกันของกลุ่มที่เคยขัดแย้งกันมาก่อนในอดีตเพื่อมาหาทางออกให้ประเทศถือมีนัยยะสำคัญที่คสช.จะต้องติดตามต่อไป แต่คสช.ยังระบุไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่สิ่งใดก็ตามที่ประเทศสงบและประชาชนมีความสุข คสช.ไม่ขัดข้อง
“คสช.ยืนยันจะไม่ใช้มาตรการรุนแรงดำเนินการกับผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว เมื่อเกิดกระแส เราจะวิเคราะห์สถานการณ์และคลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยยึดกรอบของกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นไม่ต้องกังวล เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นไปตามวงรอบเพื่อจุดกระแส แหย่ด้วยการบิดเบือน แชเชือนไม่เคารพกฎหมาย ขยายกระแสด้วยแถลงการณ์ ชวนเพื่อนบ้านมาสาวไส้ จบลงด้วยการเช็คเรตติ้ง สรุปทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์กลุ่มตน
ถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคสช.ไฟเขียวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยนั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.ติดตามการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย พร้อมประเมินพฤติกรรม โดยนำพฤติกรรมในอดีตมาเปรียบเทียบว่าเขาหวังผลต่อสิ่งใด
"ยืนยันคสช.ไม่เข้าข้างหรือยืนข้างใดข้างหนึ่ง แต่คสช.ยืนอยู่ข้างประชาชนเท่านั้น "
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่าคสช.ละเมิดสิทธิ์นักศึกษา 7 คนนั้น ในเวลานี้ทั้ง 7 คนถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งการดำเนินการอยู่ที่ศาล
ส่วนที่มองว่าจะไปละเมิดสิทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่คิดและพูดกันไป ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สามารถจุดกระแสนักศึกษากลุ่มอื่นลุกขึ้นมาร่วมต่อต้านได้ เพราะเชื่อว่าคสช.ทำงานตามกรอบกฎหมายและยึดความเป็นธรรม ไม่ใช่ความรุนแรง ปฏิบัติกับประชาชนทุกกลุ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดมีข้อสงสัย คสช.สามารถชี้แจงได้

ไม่มีความคิดเห็น: