PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สุภิญญา ชี้ คำสั่งคสช.กระทบเสรีภาพสื่อทั้งหมด แนะองค์กรสื่อมวลชนโชว์จุดยืน

วันนี้ (14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่พลอ.อประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งฉบับที่ 41/2559 เรื่องการกํากับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ โดย กสทช.และ กสท.สามารถปิดสถานีโทรทัศน์และวิทยุ ที่นำเสนอเนื้อหาขัดกับประกาศ คสช.ได้ และเมื่อกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย
วันนี้ (14ก.ค.) น.ส. สุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในกรรมการ กสทช. แสดงความเห็นทางทวิตระบุว่า ดิฉันไม่เคยเห็นด้วยกับการปิดสื่อที่เห็นต่างทางการเมืองและได้ทำหน้าที่ต่อสู้หลักการใช้อำนาจทางกฎหมายมาตลอด ให้สื่อไปสู้ต่อที่ศาลปกครองได้ คำสั่งตามมาตรา44 ของ คสช.ในวันนี้ เป็นการปกป้องการใช้อำนาจของ กสท./กสทช.(เสียงข้างมาก) จะกระทบกับภาพรวมเสรีภาพสื่อทั้งหมด ไม่ใช่แค่พีซทีวี ดิฉันเห็นว่าองค์กรสื่อ วิชาชีพสื่อ อุตสาหกรรมสื่อควรแสดงจุดยืนต่อคำสั่ง คสช.เพื่อการถ่วงดุลอำนาจของ กสทช. ให้สื่อใช้สิทธิ์สู้ในศาลต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลอาญา หรือ ศาลแพ่ง เพราะเป็นการต้องรับผิดชอบกับการใช้อำนาจของรัฐอย่างเป็นธรรมของรัฐ ตามกระบวนการ Rule of Law
ปัจจุบัน กสทช.มีอำนาจกำกับสื่อได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้อำนาจอย่างรอบคอบ มีการถ่วงดุล ถ้ามี ม.44 มาปกป้องจะทำให้ กสทช.ใช้อำนาจได้แบบแรงขึ้นอีก คำสั่ง คสช. บอกว่า กสทช. ไม่ต้องรับผิดชอบทางอาญาหรือแพ่ง แต่ให้อำนาจเอกชนเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้ เป็นการผลักภาระจาก กสทช.ไปให้เงินหลวง
กรณี PeaceTV เป็นเพียงเคสตั้งต้น ที่ตอนนี้ศาลคุ้มครองอยู่ และ กสท. ใช้อำนาจสั่งปิดซ้ำ จากนี้รอผลจากศาลปกครองอีกรอบ ต่อไปอาจมีเคสอื่นๆตามมา ส่วนตัวดิฉันไม่มีเจตนาอยากจะเห็น เพื่อนๆ กสทช. เสียงข้างมากถูกฟ้องอาญาหรือแพ่งจากการทำงาน แต่การมี ม.44มาคุ้มครองจะทำให้ขาดความระวังใช้อำนาจ ผลกระทบจาก มาตรา 44 ครั้งนี้ ไม่ใช่ต่อช่อง PeaceTV เท่านั้น แต่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมสื่อวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด ที่ควรตื่นตัวและมีความเห็น
counter

ไม่มีความคิดเห็น: