PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

เปิดข้อพิรุธเหตุการตาย...‘ธวัชชัย อนุกูล’อดีตที่ดินพังงา

เปิดข้อพิรุธเหตุการตาย...‘ธวัชชัย อนุกูล’อดีตที่ดินพังงา : 
ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย สำนักข่าวเนชั่นรายงาน

หลังจากมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการทุจริตออกเอกสารสิทธิใน จ.ภูเก็ต ธวัชชัย อนุกูล ก็ถูกตั้งกรรมการสอบสวนถึงการเซ็นอนุมัติออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบและถูกย้ายไปเป็นที่ดินท้ายเหมือง จ.พังงา
ขณะนั้นข้าราชการที่ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่แทน “ธวัชชัย” ใน จ.ภูเก็ต ถูกอุ้มหายสาบสูญ ต่อมาพบเป็นศพถูกยิงเสียชีวิต เชื่อกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ “ธวัชชัย” ตัดสินใจหลบหนีออกนอกพื้นที่ และไม่มีใครพบเห็นอีกเลย เนื่องจากข้าราชการจำนวนมากถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดิน ทุกรายไม่มีใครหนี แต่ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี
เปิดข้อพิรุธเหตุการตาย...‘ธวัชชัย อนุกูล’อดีตที่ดินพังงา
จนกระทั่ง 29 สิงหาคม ชุดปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอนำหมายจับเข้าจับกุม “ธวัชชัย” ได้ขณะเดินทางจากบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ออกมาตัดผม ซึ่งเป็นการจับกุมก่อนหน้าที่หมายจับจะหมดอายุความเพียง 3 วัน โดยชุดจับกุมได้นำตัว “ธวัชชัย” ส่งให้พนักงานสอบสวนสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เจ้าของสำนวนคดีสอบปากคำ ระหว่างนั้น “ธวัชชัย” ยังยิ้มแย้ม ระบุว่าจะขอใช้สิทธิประกันตัวในชั้นศาล แต่ไม่ทันข้ามวัน “ธวัชชัย” ผูกคอตาย เหตุเกิดภายในห้องควบคุมตัวของดีเอสไอ
ในช่วงแรกข้อเท็จจริงสับสนว่าใช้เสื้อผูกคอ ต่อมากลายเป็นใช้ถุงเท้าผูกคอ แต่ญาติผู้ตายระบุว่าบาดแผลที่คอเป็นรอยรัดขนาดเล็ก คาดเดาว่าเป็นรอยเชือกหรือลวดมากกว่าจะเป็นถุงเท้า ประกอบกับรายละเอียดในใบแจ้งการตายจากนิติเวชตำรวจ ซึ่งออกให้เพื่อนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าตับแตก มีเลือดออกในช่องท้อง จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ร่วมกับการขาดอากาศหายใจ จึงทำให้มีข้อพิรุธมากมายในการเสียชีวิตครั้งนี้
เปิดข้อพิรุธเหตุการตาย...‘ธวัชชัย อนุกูล’อดีตที่ดินพังงา
นอกจากนี้ การชี้แจงของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ที่ระบุว่า ดีเอสไอแจ้งเหตุมีคนเป็นลมหมดสติ ไม่ได้แจ้งว่ามีเหตุผูกคอฆ่าตัวตาย ส่วนการปั๊มหัวใจคนไข้เพื่อกู้ชีพก็ดำเนินการตามหลัก อีกทั้งอวัยวะภายในหัวใจ-ปอด ถูกกั้นด้วยกระบังลม จึงแยกส่วนออกจากตับ ไม่มีทางที่การปั๊มหัวใจจะส่งผลให้ตับแตก...!!!
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้ายการสอบสวน ให้ข้อมูลว่า อาการตับแตกไม่ใช่ผลข้างเคียงจากการปั๊มหัวใจ เพราะหัวใจอยู่ฝั่งซ้าย ตับอยู่ฝั่งขวา ตำแหน่งกดปั๊มอยู่คนละส่วน เคยมีการปั๊มหัวใจผิดวิธีโดยกดปั๊มอย่างแรง ทำให้กระดูกซี่โครงหักได้ แต่ไม่ส่งผลให้ตับแตก ดังนั้นคำตอบที่จะบอกเล่าเรื่องราวได้ดีที่สุด คือ รายงานชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องระบุถึงรอยช้ำรอบคอว่าเกิดจากถุงเท้าผูกคอ หรือเชือกรัดคอ ตับแตกมีความกว้างกี่เซนติเมตร และปริมาณเลือดออกในช่องท้องมีมากน้อยอย่างไร หากตับแตกเป็นแผลเล็กๆ อาจเกิดจากการกระแทกไม่รุนแรง มีเลือดค่อยๆ ไหล ก็ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงเสียชีวิต แต่ถ้าตับเป็นแผลกว้าง เลือดไหลออกจำนวนมาก แสดงว่าถูกกระแทกอย่างรุนแรง เป็นผลให้เสียชีวิตทันทีได้
เมื่อคำชี้แจงสร้างข้อพิรุธบานปลาย ตอกย้ำให้ไม่เชื่อถือหนักขึ้นไปอีก แม้ว่าในส่วนของดีเอสไอจะไม่มีมูลเหตุจูงใจที่ต้องฆ่าตัดตอน เพราะเป็นหน่วยงานที่เข้าจับกุม มีกำหนดชัดเจนว่าจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ในเวลา 10.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม พร้อมเตรียมทำเอกสารข่าวและแจ้งสื่อมวลชนให้มารอทำข่าวเสร็จสรรพ แต่ข้อสันนิษฐานต่างๆ นานายังผุดขึ้นเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าความเสียหายของเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งอยู่ในข่ายต้องถูกเพิกถอน โดยเชื่อกันว่า “ธวัชชัย” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบนับพันแปลง มูลค่าที่ดินนับหมื่นล้านบาท เนื่องจากที่ดินชายฝั่งทะเลในจังหวัดอันดามันมีราคาประเมินสูง เมื่อออกเป็นโฉนดสมบูรณ์มีราคาไร่ละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
ดังนั้น ถ้าจะถามหา “โจทก์” ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่า ธวัชชัยมี “โจทก์” เยอะ มีคู่กรณีรายสำคัญเป็นระดับเจ้าแม่ ซึ่งมีเบื้องหลังโยงใยกับคดีอื้อฉาวระดับประเทศ ปัจจุบันผันตัวไปทำธุรกิจบ้านจัดสรรในเกาะภูเก็ต ซึ่งมีข้อพิพาทการออกเอกสารสิทธิที่ดินจาก สค.1 ที่ไม่มีต้นขั้ว อ้างว่าปลูกยางพารา ทั้งที่สภาพพื้นที่เป็นโขดหินและชายทะเล ปลูกอะไรไม่ได้ และอาจเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ “ธวัชชัย” ต้องหลบหนีออกจากบ้านพักใน จ.ภูเก็ต
ในทางการสืบสวนเชื่อว่า “ธวัชชัย” มีภรรยาและบุตรแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และคาดว่า “ธวัชชัย” ได้ประโยชน์จากการทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แม้คดีอาญาจะยุติลงจากการเสียชีวิตของผู้ต้องหา แต่ยังเป็นประเด็นที่ต้องขยายผลให้ได้ว่าทรัพย์สินถูกผ่องถ่ายไปเก็บไว้ในชื่อบุคคลใด บ้านพักที่ “ธวัชชัย” มาหลบซ่อนเป็นบ้านของใคร มีที่มารายได้ในการซื้อขายอย่างไร ส่วนคดีทุจริตออกเอกสารสิทธิยังต้องดำเนินการกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ต่อไป โดยคดีนี้หลักฐานสำคัญเป็นพยานเอกสาร ไม่ใช่พยานบุคคล
โดยคดีที่ “ธวัชชัย” เข้าไปเกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่วมกับนายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ นำ สค.บินจากพื้นที่อื่นมาออกโฉนดที่ดิน ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต, ร่วมกันปลอมเอกสารยื่นขอออกโฉนดและออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินอันเป็นเท็จ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต, ทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดิน ต.กมลา อ.กะทู้ และทุจริตออกเอกสารสิทธิในป่าสงวนสิรินาถ
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 4/2559 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม มีมติให้อายัดทรัพย์สิน (ที่ดิน) ของนายพานทอง ณ ระนอง กับพวก ไว้ชั่วคราว รวม 2 รายการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โฉนดที่ดิน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 45 ไร่ 1 รายการ 2.โฉนดที่ดิน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 19 ไร่ 1 รายการ ตามที่ตำรวจกองปราบปรามนำหมายศาลเข้าจับกุมนายพานทอง ณ ระนอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา หลังคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตที่ดิน จ.ภูเก็ต ตรวจสอบแล้วมีหลักฐานชัดเจนว่า นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวก ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตออกเอกสารสิทธิ
รวมทั้งการขยายผลของพนักงานสอบสวนกองปราบฯ พบว่า นายธวัชชัยได้ร่วมกับ นายพานทอง ออกโฉนดที่ดินปลอมเลขที่ 42650 และ 42651 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต โดยมี นายพานทอง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มีการทุจริตสร้างโฉนดที่ดินและปลอมลายมือชื่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ผู้ลงนามออกโฉนดที่ดินจำนวน 65 ไร่
ความซับซ้อนของกระบวนการทุจริตออกโฉนดที่ดินริมทะเลอันดามันมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ยังคงรอความท้าทายการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการคลี่คลายปริศนาการเสียชีวิตของผู้ต้องหาคนสำคัญคนนี้ !!!

ไม่มีความคิดเห็น: