PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

ปรับครม.'บิ๊กตู่สไตล์'สงบสยบความเคลื่อนไหว : จัดแถว-ตอบแทน

 สำนักข่าวเนชั่น
ตามคิวที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนชื่อ-โครงสร้างใหม่ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาเป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ถูกโหมกระแสให้ปรับครม.ในตำแหน่งอื่นไปด้วย
ซึ่งหากจัดหมวดหมู่การปรับ ครม.นี้ มีไม่กี่ปัจจัยที่อยู่ในใจของ “บิ๊กตู่” 1.ปรับตามความจำเป็น 2.ปรับเพื่อเพิ่มมือทำงาน 3.ปรับคนเก่าที่ตอบแทนหมดแล้ว เพื่อเปิดทางตอบแทนน้องๆ ลายพราง
ตำแหน่งที่ต้องปรับตามความจำเป็นหนีไม่พ้น เจ้ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังเป็นคนเก่าหน้าเดิมอย่าง “อุตตม สาวนายน” รมว.ไอซีที ที่ถึงขั้นเอ่ยปากโชคดีได้เป็นเจ้ากระทรวงคนแรก นอนมาแบบแบเบอร์ไม่มีชื่อม้ามืดมาแข็งให้ต้องกังวลใจ
หากสังเกตดูปฏิกิริยาของ “บิ๊กตู่” ในช่วงสัปดาห์นี้จะเห็นความไม่แน่นอน ลังเลใจว่าจะปรับครม.ในตำแหน่งอื่นดีหรือไม่ เพราะหากมองในเชิงการบริหารงานแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับครม.ในตำแหน่งอื่นแต่อย่างใด
แม้ช่วงต้นสัปดาห์กระแสข่าวปรับครม.มาแรง ยิ่ง “บิ๊กตู่” พูดออกจากปากตัวเองว่าต้องการปรับครม. โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ที่ต้องการให้มี “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” ขึ้นมาอีกตำแหน่ง เพื่อแบ่งเบาภาระของ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์
ชื่อตัวเต็งตั้งแต่ไก่โห่ที่ “บิ๊กฉัตร” การันตีพ่วงด้วยแรงโปรโมทผ่านสื่อคือ “โอฬาร พิทักษ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ขึ้นชั้นเป็น รมช.เกษตรฯ หลังเกษียณอายุราชการ แต่จังหวะที่ยังไม่ได้เตี๊ยมกับ “บิ๊กตู่” จึงผิดคิวไล่ให้ “โอฬาร” กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ก่อนจะมาแก้ข่าว-แก้เก้อ หาว่า “สื่อ” รายงานข่าวคลาดเคลื่อน
นาทีนี้ชื่อของ “โอฬาร” จึงติดอยู่ในใจ-อยู่ในลิสต์ตัวเต็ง รมช.เกษตรฯ เพราะ “บิ๊กตู่” ออกลูกกั๊กว่าวันหน้าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ส่งสัญญาณเปิดทางให้คนที่โดนปล่อยข่าวหลอก-ปล่อยข่าวบลั๊ฟ ให้มีกำลังใจเดินหน้าปิดดีลให้ได้ แม้บางที “บิ๊กตู่” อาจจะปากเร็วไปหน่อย แต่ประตู ครม.ยังเปิดอยู่เสมอ
หากดูประวัติของ “โอฬาร” แล้วก็ถือว่าไม่ธรรมดา สายสัมพันธ์กับขั้วอำนาจทางทหารแน่นปึ้ก แถมยังเป็นเพื่อนรัก-เพื่อนร่วมรุ่น ช่วงที่เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกับ “บิ๊กฉัตร” เรียกได้ว่ารู้จักมักคุ้นกันมานาน หาก “บิ๊กฉัตร” จะไว้ใจใครสักคนที่มีความชำนาญรู้เรื่องราวเบื้องลึกหนาบางในกระทรวงเกษตรฯ ชื่อของ “โอฬาร” เพื่อนรักนอนมาเบอร์หนึ่ง
นอกจากนี้ บรรดา “รัฐมนตรี” ที่ต้องเสียวสันหลังพอสมควรคือ “บิ๊กทหาร” ที่ “บิ๊กตู่” อาจจะเห็นว่าตอบแทนมานานและถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อลองของใหม่ เปลี่ยนเพื่อตอบแทน “บิ๊กทหาร” รุ่นน้องบ้าง เพราะต่างคนต่างทำงานกันหนักในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ลิสต์ชื่อ “รัฐมนตรีลายพราง” ที่โดนโพลล์เกือบทุกสำนักจัดอยู่ในจำพวกรัฐมนตรีโลกลืม คนแรกที่ต้องลุ้นหนักกว่าใครเพื่อน เพราะมีชื่อถูกปรับออกตั้งแต่การปรับครม.ครั้งที่แล้ว เต็งจ๋ามาเลยคงหนีไม่พ้น “บิ๊กน้อย” พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ว่ากันว่า “บิ๊กน้อย” มีอยู่ในครม. “บิ๊กตู่” ด้วยเหตุผลต่างตอบแทน โดยเฉพาะในช่วงที่ “บิ๊กน้อย” ต้องหลีกทางให้ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มีโอกาสขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 โดยไม่ฮืออือแม้แต่น้อย ทั้งที่ตามไลน์-ความอาวุโส “บิ๊กน้อย” ต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ทำให้ “บิ๊กตู่” จึงตอบแทน “บิ๊กน้อย” ด้วยการมอบเก้าอี้รัฐมนตรีปลอบใจ
เก้าอี้ที่ “บิ๊กน้อย” นั่งอยู่จึงไม่ได้มั่นคงที่ผลงาน แต่มั่นคงเพราะคำว่าบุญคุณ ระยะเวลา 2 ปี บุญคุณอาจจะตอบแทนกันหมดแล้ว ชื่อของ “บิ๊กน้อย” จึงเป็นเต็งจ๋าที่โดนปรับทิ้ง เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กทหารรุ่นน้อง” ได้มาเชยชมเก้าอี้รัฐมนตรี หลังช่วยงานมาตั้งแต่รัฐประหาร
อีกคนที่จัดอยู่ในข่ายตอบแทนบุญคุณเสร็จสิ้นแล้วคือ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งถือเป็นสีกากีคนเดียวในครม.บิ๊กตู่ “พล.ต.อ.อดุลย์” เป็นคีย์แมนคนหนึ่งที่ช่วย “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจได้ง่ายขึ้น เพราะ “พล.ต.อ.อดุลย์” ในขณะที่ดำรงแหน่งผบ.ตร. เลือกที่จะไม่ต่อต้าน “บิ๊กตู่” ทั้งที่ถูกมองว่าเป็นผบ.ตร.สายตรงของ “พรรคเพื่อไทย”
ผลงานในรัฐบาลของ “พล.ต.อ.อดุลย์” จัดอยู่ในระดับพอไปได้ แต่ด้วยความที่ไม่ใช่เลือดแท้สายทหาร ก็ยากที่ “พล.ต.อ.อดุลย์” จะยืนระยะได้ยาวกว่านี้ ยิ่งช่วงขวบปีสุดท้ายของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” แล้ว ยิ่งทนกระแสกดดันจากเลือดแท้สายทหารได้ยาก
นอกจากนี้ กลุ่มตอบแทนเสร็จแล้วที่อยู่ในลิสต์ของ “บิ๊กตู่” คือกลุ่มเพื่อนรัก-น้องรักอย่าง “พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล” รมว.แรงงาน น้องรักของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
ดังนั้นการปรับครม.ครั้งนี้โฟกัสหลักเน้นๆ ไปที่กลุ่มตอบแทนเสร็จแล้ว ที่อาจจะหลุดกันหลายคน-ปรับกันหลายตำแหน่งเลยทีเดียว
ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจคนประเมินหลักคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ หาก “สมคิด” ลิสต์ให้ปรับใคร “บิ๊กตู่” พร้อมจะเชื่อใจ เพราะมอบอำนาจให้ดูแลด้านเศรษฐกิจทั้งหมด แต่ชื่อที่มาแรงหนีไม่พ้น “ชุติมา บุณยประภัศร” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเกษียณอายุราชการ อาจจะถูกหลังบ้าน “บิ๊กตู่” ดันให้นั่งตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ แทน “อภิรดี ตันตราภรณ์” รมว.พาณิชย์ คนปัจจุบัน
ทว่าการปรับครม.ครั้งนี้ “บิ๊กตู่” รวบอำนาจเบ็ดเสร็จไม่มีใครมาต่อ-ไม่มีใครมารองได้ ไม่มีบ้านมูลนิธิป่ารอยต่อที่เคยวิ่งเข้าออกกันคึกคัก ไม่เป็นเหมือนกัน ถนนทุกสายต้องวิ่งตรงมาที่ “ตึกไทยคู่ฟ้า” เท่านั้น
แต่ที่ “บิ๊กตู่” ทำยึกยักออกมาประกาศไม่ปรับครม. เพราะไม่ต้องการให้บรรดารัฐมนตรีที่ทำงานกันอยู่เสียขวัญ ไม่เป็นอันทำงานกัน และหากส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับก็ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้นให้บรรดานักวิ่งได้ออกมาต่อรองกันอีกหลายคน-หลายตำแหน่ง
การปรับครม. “ตู่สไตล์” ต้องทำแบบรวดเร็ว-เฉียบขาด คนที่โดนปรับออกรู้ตัวก็เมื่อสายไปแล้ว ส่วนคนที่ถูกเลือกให้มาอยู่ในครม.รู้ตัวอีกทีก็เรียกมากรอกประวัติที่ตึกไทยคู่ฟ้าทันที
“บิ๊กตู่” ออกข่าวไม่ปรับครม.เพื่อสยบทุกความเคลื่อนไหว ฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่าปรับครั้งนี้คือปรับใหญ่ เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะตอบแทนบุญคุณกัน รัฐบาลชุดหน้าหาก “บิ๊กตู่” ยังนั่งตำแหน่งนายกฯ ก็ไม่มีโอกาสตอบแทนพี่น้องเลือดทหารแล้ว เพราะจัดสรรเก้าอี้ให้ฝ่ายการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: