PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตะลึง พ.ต.อ.ดุษฎี เผย แก๊งดอกเบี้ยโหดวิชัย มีนักการเมืองหญิงชื่อดังอยู่เบื้องหลัง

ตะลึง พ.ต.อ.ดุษฎี เผย แก๊งดอกเบี้ยโหดวิชัย มีนักการเมืองหญิงชื่อดังอยู่เบื้องหลัง


ยุทธการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของคสช. ที่นำโดย นายกรัฐมนตรีลุงตู่ ที่ในหะแรก เหมือนจะเป็นเพียง แคมเปญเรียกคะแนนนิยมในระยะสั้นๆ ไม่ต่างจาก สารพัดนโยบายจัดระเบียบสังคมต่างๆ ที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทันทีที่...
ชายผู้ห้าวหาญ นามว่า พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ย่างสามขุม ส่งชื่อ นายวิชัย ปั้นงาม นายทุนเงินกู้ใหญ่ยักษ์บิ๊กเบิ้มคับสยามประเทศไปให้กับ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของ คสช.!
วิชัย ปั้นงาม คือใคร? มีใครอยู่เบื้องหลังอีกทีหรือไม่? ...นั่นคือเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
หากแต่ที่แน่ๆ หลัง มีชื่อ วิชัย ปั้นงาม โผล่ขึ้นมา...ฉับพลันแทบจะในทันที ก็เกิดวลีเด็ดสะท้านสยามประเทศขึ้นมาแทบจะในทันที
“จะให้พี่ช่วยดูแล ยังไงไหม?”
ใครกันน้อ ที่เป็นคนเอ่ยวลีเด็ดนี้กับ ชายผู้ห้าวหาญ นามว่า “พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ” ถึงห้องทำงานในกระทรวงยุติธรรม...กระทรวงที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับชาวไทยทุกผู้ทุกนาม...
ใครกันน้อ? ที่กล้าหาญชาญชัยได้ถึงขนาดนี้...
ในวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ไปทะลวงทุกมิติในการบุกทลายเครือข่ายเงินกู้ดอกเบี้ยสุดโหด ที่กดขี่ข่มเหงพี่น้องประชาชนนับเป็นแสนๆ คน มาเป็นเวลานาน กอบโกยเงินจากการรีดนาทาเร้นด้วยดอกเบี้ย สูงถึงปีละมากกว่า 300%
ย้ำอีกครั้ง มากกว่า 300% ต่อปี! .... มีเงินหมุนเวียนในระดับนับพันล้านบาท มีเครือข่ายเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย บางจังหวัดมีมากกว่า 1 สาขา แถมมีข้าราชการ เข้าไปมีเอี่ยวขอรับการ “ดูแล” นับพันคน
และที่สำคัญไปกว่านั้น...
1 ใน 3 นายทุนผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง ที่ชักใยบงการ นายวิชัย ปั้นงาม ที่ในเวลานี้ ถูกออกหมายจับไปแล้ว
เป็น...นักการเมืองหญิงชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักในสังคมเสียด้วย...
เอาล่ะ เกริ่นกันมามากพอแล้ว เราไปฟังเรื่องทั้งหมดนี้จากปาก ชายผู้ห้าวหาญที่ฟันดาบอาญาสิทธิ์ใส่เครือข่ายรีดนาทาเร้นพี่น้องประชาชนใหญ่ที่สุดในประเทศกันดีกว่า

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เริ่มต้นการให้สัมภาษณ์พิเศษ กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ถึงการรุกฆาตเช็กบิล เครือข่ายดอกเบี้ยโหดระดับประเทศ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เวลา 13.00 น. ที่ห้องทำงานกระทรวงยุติธรรม ว่า...
เดิมทีเดียวจริงๆ กระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ 25 ธ.ค.2558 ...ก่อนที่รัฐบาลจะมีการประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทำให้เมื่อรัฐบาลสั่งการให้ส่งรายชื่อบรรดาผู้มีอิทธิพลไปยังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อตรวจสอบ...
แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ รายชื่อที่บรรดาหน่วยงานราชการส่งไปส่วนใหญ่ กลับไม่ได้ตรงกับรายชื่อที่ทางดีเอสไอ กำลังเข้าตรวจสอบ!
ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงยุติธรรม จึงได้ส่งรายชื่อ ที่กำลังเฝ้าติดตามเพื่อดำเนินการ ไปยังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพิ่มเติมอีก 3,000 กว่ารายชื่อ ซึ่งเป็นกลุ่มของ นายวิชัย ทั้งหมดนั่นเอง!
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเกตอยู่เหมือนกันว่า เหตุใดรายชื่อ ผู้มีอิทธิพล ที่หน่วยงานราชการต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจ ส่งไปให้กับรัฐบาลเพื่อทำการปราบปราม จึงไม่ปรากฏรายชื่อซ้ำกับที่ทางกระทรวงยุติธรรม กำลังเฝ้าติดตามอยู่เลย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนแท้ๆ!
และนั่นแหละ เมื่อปรากฏชื่อของ วิชัย ปั้นงาม ออกไป จึงเป็นที่มาของ วลี “จะให้พี่ช่วยดูแลยังไงไหม”
รองปลัดยุติธรรม เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟัง เมื่อมาถึงโมเมนต์การเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์นี้ว่า...
“เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ก็ปรากฏ “คนมีสี” ผู้หนึ่ง มาขอพบถึงห้องทำงานที่กระทรวงยุติธรรม ก็ห้องนี้แหละ” พูดพลาง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้ห้าวหาญ ก็ชี้นิ้วให้ทีมข่าวเฉพาะกิจดูถึงจุดที่เกิดเหตุไปด้วย!
ซึ่งคำถามแรกที่ถาม หลังเจอกันในครั้งนั้น ก็คือ
“รายชื่อที่ส่งไป มี วิชัย เกี่ยวข้องไหม?”
ได้ยินดังนั้น พี่...ก็เลยตอบไปตรงๆ เลย ว่า “มี!” (เสียงสูง)...
ซึ่งยังไม่ทันสิ้นเสียงดี บุคคลท่านนี้ ก็ตอบช้าๆ แบบเน้นเสียง มาทันทีว่า
“จะให้พี่ช่วยดูแลยังไงไหม?”
เมื่อจบประโยคที่ว่า รองปลัดกระทรวงยุติธรรม จึงตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เชือดเฉือนเข้าไปถึงขั้วหัวใจว่า
“พี่ไม่ต้องมาดูแลผมหรอก! พี่จะดูแลยังไงไหว?...เพราะคนที่พี่ต้องดูแล มีมากถึง 1.7 - 2 แสน คนแบบนี้”
จากนั้น ก็ตามด้วยประโยคที่เข้มแข็งและดุดัน ตอบโต้กับ ฝ่ายตรงข้ามให้เงียบเสียงลงทันทีว่า
“ต่อจากนี้ไป เราสองคน...ต่างคนต่างอยู่! หากพี่จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา นายวิชัย ก็ทำไป แต่ผม ก็ขอทำหน้าที่ของผม ไม่ต้องมาดูแลห่วงใยเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมหรอก!” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน ใบหน้าเรียบเฉย แต่นัยน์ตาดุดันแข็งกร้าว เล่นเอา ทีมข่าวฯ ที่สัมภาษณ์ ถึงกับหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
จากนั้น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ได้เล่าถึงการดำเนินการต่อไปว่า...
ที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี พ.ศ.2557 หากใครจำได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความพยายามดำเนินคดีกับเครือข่ายของ นายวิชัย มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวของ นายวิชัย และ “3 ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวจริง” ได้
เนื่องจากการวางระบบของเครือข่ายนี้ มีการ “Cut out” คอยสกรีนไว้อยู่ ฉะนั้น ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงสามารถจับกุมได้แต่ตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น
ฉะนั้น การทำงานของกระทรวงยุติธรรม จึงมุ่งไปที่ “ระดับบนมาล่าง”
ใช้การทำงานในทางลับ พยายามเจาะเครือข่ายเงินกู้นอกระบบของ นายวิชัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 แล้ว จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จ สามารถเจาะเซิร์ฟเวอร์ของแก๊งนี้ได้เป็นผลสำเร็จ จนสามารถล่วงรู้ถึงการวางโครงข่าย
และใกล้ที่จะถึงตัว...บุคคล 3 คน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวจริง เหนือ นายวิชัย อีกที แล้ว...
วิชัย แค่ตัวหลอก ตัวจริงคือ?
หลังได้ยินคำถาม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยกับทีมข่าวฯ โดยขยับมือเข้าไปที่กองเอกสารกองโตที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ พร้อมกับ ชี้นิ้วลงไปที่ รายชื่อบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งตรงกับ นักการเมืองหญิงชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงในวงสังคม ซึ่งมีไฮไลต์สีเหลืองคาดอยู่ พร้อมกับถามทีมข่าวฯ ว่า “เห็นแล้วใช่ไหม”
เซิร์ฟเวอร์ หลักฐานชิ้นสำคัญ รู้ข้อมูลบุคคลร่วมขบวนการทั้งเครือข่าย
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวกับทีมข่าวต่อไปว่า การที่เราสามารถเจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์ระบบของเครือข่ายดังกล่าวได้ จึงทำให้เราสามารถรู้ชื่อของบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายนี้ ได้เกือบทั้งหมด มีหลักฐานการโอนธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงรายชื่อลูกหนี้ หรือก็คือ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งนี้ ที่มีมากถึง 2 แสนคน!
“พี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้ น่าเห็นใจมาก ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ และเกษตรกร ที่ต้องการหาทุนไปประกอบอาชีพ แต่กลับโดนแก๊งนี้ ขูดเลือดขูดเนื้อ คิดดอกเบี้ยสูงถึง ร้อยละ 20 ต่อ 25 วัน หรือ มากกว่า 300% ภายใน 1 ปี!” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
รหัสลับ VC8 ใช้ เฟซบุ๊ก ไลน์ สั่งการเครือข่าย
นายวิชัย จะมี code name ประจำตัวว่า VC8 เวลาจะสั่งการเครือข่ายให้ดำเนินการอย่างใดๆ ก็ตาม จะใช้วิธีการสื่อสาร ผ่านเฟซบุ๊ก และ ไลน์ เป็นหลัก ซึ่งต่อมา การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเหล่านี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในหลักฐานที่สาวไปถึงบรรดาผู้ร่วมขบวนการต่างๆ ด้วย
ระบบสวัสดิการเครือข่าย บริษัทถูกกฎหมาย ยังต้องอึ้ง!
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับทีมข่าวต่อไปว่า น้องรู้ไหม?... เครือข่ายนี้ มีระบบสวัสดิการให้กับพนักงานในแก๊งด้วย...มีทั้ง ค่าเช่าสำนักงานของแต่ละเครือข่ายที่อยู่ในหลายจังหวัด ค่าน้ำค่าไฟสำนักงาน ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้สำหรับตระเวนเก็บดอกเบี้ยลูกหนี้ ค่าน้ำมัน ค่าตั๋วเครื่องบิน สำหรับเวลาเดินทางมาประชุมสัมมนาประจำเดือน ตามโรงแรมต่างๆ แม้กระทั่งค่ารักษาพยาบาล
และที่เด็ดกว่านั้น คือ หากเครือข่ายไหน สามารถทำยอดหนี้สูญ ได้ลดลงในแต่ละเดือน จะได้รับสวัสดิการเพิ่มเติมอีกด้วย เรียกว่า เปย์กันชนิด บริษัทที่ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย อาจจะไม่สามารถให้สวัสดิการเครือข่าย ได้ถึงขนาดนี้ ด้วยซ้ำไป!
โดนข้อหาหนัก อั้งยี่ซ่องโจร - ฟอกเงิน
คนที่อยู่ในเครือข่ายทั้งหมด จะโดนตั้งข้อหาอั้-งยี่ซ่องโจร ขณะเดียวกัน คนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางด้านการเงินที่ผิดกฎหมาย รวมถึง กลุ่มคนที่สนับสนุนด้านการเงินทุน แม้กระทั่ง คนที่ร่วมในขบวนการโอนถ่ายทรัพย์สินของ นายวิชัย หลังถูกตั้งข้อหา ทั้งหมดนี้ จะโดนตั้งข้อหา ฟอกเงิน
ตะลึง! มีข้าราชการ ร่วมแก๊ง นับ 1,000 คน
และจากการตรวจสอบระบบเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว จนถึงขณะนี้ มีหลักฐานว่ามีชื่อของข้าราชการ ที่รับการโอนเงินจากขบวนการของนายวิชัย เข้าบัญชีตัวเอง เป็นรายเดือน มากกว่า 1,000 คน
“มันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะน้อง พี่ประเมินคร่าวๆ ไว้ว่า เครือข่ายนี้ น่าจะมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 1 พันล้านบาท เป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้ ยังพบรายชื่อของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหมายเลขโทรศัพท์ ที่รับเงินเป็นรายวัน อีกจำนวนหนึ่งด้วย!” รองปลัดยุติธรรม กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนกล่าวต่อไปว่า...

“...เท่าที่ทราบ เนื่องด้วย เอกลักษณ์ของแก๊งดอกเบี้ยโหดกลุ่มนี้ คือ จะใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเดียวกัน เสียงดัง ราคาสูง แถมมีทะเบียนจังหวัดเดียวกัน 1,600 คัน สวมหมวกกันน็อก ออกตระเวนเก็บดอกเบี้ยลูกหนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงกลายเป็นโพรงให้กระรอกน้อยใหญ่ในคราบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เข้าหากินชนิดเป็นล่ำเป็นสัน
เพราะสามารถสังเกตได้ง่ายขนาดนี้ ตำรวจกลุ่มหนึ่งจึงสบโอกาสเหมาะ เวลาแก๊งนี้ ไปตระเวนเก็บดอกเบี้ยรายวันลูกหนี้ ก็จะไปดักรออยู่ ตรอก ซอก ซอย ของหมู่บ้านต่างๆ ที่พวกนี้ไป เพื่อคอยไถเงินต่ออีกทอดด้วย!”
ด้วยเหตุที่มี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้องในเครือข่ายแบบนี้ เมื่อสามารถรวบรวมหลักฐานได้ครบและเตรียมจะบุกเข้าจับกุม จึงต้องเรียกใช้บริการของ ตำรวจที่เคยร่วมมือกัน ทลายเครือข่ายของ นายสยาม หรือ สุภาพ ทรัพย์วรสิทธิ์ เจ้าของฉายา ‘ภาพ 70 ไร่’ เจ้าพ่อคนดังคลองเตย มาดำเนินการจับกุมครั้งประวัติศาสตร์ของชาติไทยในครั้งนี้
“ในเมื่อเราไว้ใจใครไม่ได้ เพราะรู้มาแล้วว่า มีตำรวจนอกแถวจำนวนหนึ่งไปเข้าร่วมในขบวนการ ไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร พี่เลยต้องใช้ พนักงานสอบสวนคดี ภาพ 70 ไร่ ซึ่งปัจจุบัน มาเป็น หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ รวมถึงคนที่มีใจที่พร้อมจะเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ มาจัดการ เพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล”
“เมื่อมั่นใจแล้ว ในวันที่บุกปฏิบัติการค้น บ้านนายวิชัย ที่ จ.ปทุมธานี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา พี่ถึงได้โทรศัพท์ไปหา “คนมีสี” ที่มาพบที่ห้องทำงาน แล้วบอกไปยังปลายสายที่รับว่า “พี่ ผมมาบุกค้นบ้านวิชัยแล้วนะ ฝากบอกไปถึงเขาด้วย หนีได้ก็หนีไป แต่จะยอมตายอยู่ที่ญี่ปุ่น หรือ จะกลับมาสู้คดี ก็คิดดูเอาเอง” น้ำเสียงจริงจังดุดันเคลือบแฝงไปด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม ฉายออกมาจาก พ.ต.อ.ดุษฎี ในประโยคนี้
วิชัย กุญแจสำคัญ ผู้กุมความลับ จะได้ตัวมาดำเนินคดีหรือไม่?
“พี่บอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า จะได้ตัวหรือไม่ได้ตัว นายวิชัย ขบวนการนี้ จะต้องถูกทลายแน่นอน!”
“เขาติดกับของเรานะ การที่เดินทางหนีออกไปต่างประเทศแบบนี้ แถมยังเป็นการเดินทางไปแบบมีการ แสตมป์หนังสือเดินทาง เพราะหากตอนนี้ คิดที่จะเดินทางกลับประเทศ ก็จะต้องมีการแสตมป์หนังสือเดินทางกลับ หากไม่ทำเช่นนั้น ก็จะโดนดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 คดี คือ หลบหนีเข้าเมือง” รองปลัดยุติธรรม ลั่นวาจา กับ ทีมข่าวฯ
วิชัย กลับมาประเทศไทยแล้ว หรือ ยังอยู่นอกประเทศ
“...พี่ยัง 50-50 นะ เพราะอย่างไรก็ดี เบื้องต้นเชื่อว่า นายวิชัย จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลับไปหา กลุ่มก๊วนของเขาให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ ให้เหล่าบรรดาลูกหนี้ทั้งหลายอีกตั้งแสนกว่าคน ยังต้องยำเกรงอยู่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ที่ควรพึงได้จากลูกหนี้เหล่านี้เอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นด้วยว่า ยังมี คอนเนกชั่น ที่สามารถ ประสานกับเหล่าข้าราชการส่วนหนึ่งได้อยู่ สำหรับเป็นแนวทางในการต่อสู้คดี
ส่วนจะกลับมามอบตัวเมื่อไหร่? ส่วนตัวเชื่อว่า หาก นายวิชัย สามารถประสานงานจุดที่ว่านี้ได้ลงตัว จนมั่นใจได้ว่า มีแววที่จะชนะคดีได้ ก็คงติดต่อจะมามอบตัวเอง แต่หากยังไม่มั่นใจ ก็คงยังไม่คิดจะเข้ามามอบตัว”
อย่างไรก็ดี ที่ต้องให้ความสำคัญลำดับแรกในเวลานี้ ก็คือ จะทำอย่างไร?... ไม่ให้เครือข่ายนี้ สามารถมีเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น รถจักรยานยนต์ หรือ รถยนต์ สำหรับออกไปรังแกชาวบ้านได้ อันดับที่ 2 ก็คือ จะต้องแยกบรรดาพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ที่มีอยู่ราว 1.7 แสนคน สามารถไปได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งเงินทุนของรัฐ ลำดับต่อมา ต้องพยายามสืบเสาะหาทรัพย์สินทั้งหมดของขบวนการนี้ เพื่อดำเนินการ “ยึดทรัพย์” ต่อไป เพื่อถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก จะได้ไม่สามารถไปรังแกประชาชนได้อีกต่อไป!
เฉียบขาดหนักแน่นพอไหม? แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์
ปทุมธานี เชียงใหม่ แชมป์เหยื่อดอกเบี้ยโหด VC8
หากถามว่า จังหวัดไหนมียอดลูกหนี้ของเครือข่ายนี้มากที่สุด เท่าที่ตรวจสอบพบว่า จ.ปทุมธานี และ จ.เชียงใหม่ จะมียอดลูกหนี้สูงสุด รองลงมาจากนั้น จะเป็นจังหวัดแถบภาคอีสาน เป็นส่วนใหญ่
มั่นใจ เอาผิดได้ยกแก๊ง ตามเช็กบิล ยึดทรัพย์
“ผมมั่นใจ ว่าจะสามารถเอาผิดขบวนการนี้ได้ยกแก๊ง เพราะที่ผ่านมา ทั้งผมและทีมงาน ก็เคยทำคดีที่คล้ายๆ กันนี้มาแล้ว คือ คดีของ ภาพ 70 ไร่ ที่มีการดำเนินการจับกุม จนกระทั่งสามารถดำเนินคดีเจ้าตัวและผู้ร่วมขบวนการ ให้ไปชดใช้กรรมในคุกมาแล้ว แถมแต่ละคน ก็ติดคุกคนละหลายๆ ปี ทรัพย์สินก็ถูกยึดไว้ได้ด้วย”
ห่วงไหม? เจอตอ คดีพลิกกลายเป็นมวยล้ม!
“ไม่มีหรอกน้อง!” พ.ต.อ.ดุษฎี เน้นเสียงอย่างหนักแน่น
“ตอนนี้มันเป็นข่าวใหญ่โตไปแล้ว ฉะนั้น เขาก็จะต้องนิ่ง ไม่มีใครกล้าขยับแน่นอน เพราะกลัวจะโดนสาวมาถึงตัว เชื่อเถอะจวนตัวจริงๆ ก็คงจะมีแต่คนโดดหนี เหมือนคราว ภาพ 70 ไร่ แน่นอน และจนถึง ณ เวลานี้ ไม่มีใครพยายามมาติดต่อ เพื่อขอเคลียร์อะไร อีกแล้ว! และหากจะมาขอเคลียร์...
...พี่ก็ไม่มีอะไรจะให้เคลียร์ อยู่แล้วด้วย...”
ลำบากใจไหม ต้องเอาผิด ตำรวจ ด้วยกัน
ไม่เลย! พี่มาอยู่ กระทรวงยุติธรรม แล้ว ต้องทำอะไรตรงไปตรงมา หากมาอยู่แล้ว เป็นที่พึ่งประชาชนไม่ได้สิ นั่นแหละถึงต้องลำบากใจ...พี่อยากบอกว่า...
“โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่ได้สอนให้คนออกมาประพฤติชั่วนะ แต่สอนให้ออกมาดูแลประชาชน เป็นที่พึ่งของประชาชน แต่หากมีพวกเอานอกตำรามาใช้ ก็ไปว่าเขาไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณทำผิด คุณก็ต้องรับโทษในส่วนนั้นไป!”
เจาะเบื้องลึก ตามรอยสืบสวน ขบวนการดอกเบี้ยโหดระดับประเทศ
แหล่งข่าวในทีมสืบสวน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเฉพาะกิจว่า ยุทธการบุกทลายเครือข่ายเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ที่มีเครือข่ายระดับประเทศและมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาทนี้ เริ่มต้นขึ้น หลังมีประชาชนจำนวนมาก ส่งเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์แก้ไขปัญหาลูกหนี้นอกระบบ กระทรวงยุติธรรม ว่า ถูกกลุ่มนายทุนโหด คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในหลายๆ จังหวัด
ซ้ำร้าย เมื่อมีการร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ก็มักจะไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การดำเนินคดีในกรณีที่ถูก ลูกสมุนของเครือข่ายดังกล่าว ข่มขู่ คุกคาม แม้กระทั่งทำร้ายร่างกาย ในบันทึกของโรงพักบางแห่ง ก็มักจะเป็นการดำเนินคดีในคดีแพ่งเท่านั้น แต่ในทางคดีอาญา ส่วนใหญ่มักไม่พบว่ามีการดำเนินคดีอย่างเป็นจริงเป็นจัง หรือแม้กระทั่งบันทึกการสอบสวน ด้วยเหตุนี้ ศูนย์แก้ไขปัญหาลูกหนี้นอกระบบ จึงเริ่มต้นแกะรอยหาเครือข่ายดังกล่าว มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 จนเริ่มได้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายนี้มาเป็นระยะๆ
กระทั่ง...รัฐบาลลุงตู่ ประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล! อย่างจริงจัง
ทหารบุกทลายโต๊ะบอลเถื่อน จ.ปทุมธานี พบเบาะแสสำคัญ!
เมื่อรัฐบาล เริ่มมีการดำเนินการกับบรรดาผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หลายๆแห่ง ในคราวหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ทหาร บุกทลายโต๊ะบอลเถื่อนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี
หลักฐานชิ้นสำคัญ ที่นำไปสู่การเปิดโปงขบวนการรีดนาทาเร้นประชาชน ก็มาอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ในที่สุด!
เพราะในการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหาร สามารถยึดโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง ที่มีข้อมูลระบบบางอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งแตกต่างไปจากโน้ตบุ๊กเครื่องอื่นๆ ที่มีแต่เพียงข้อมูลการพนันฟุตบอล จึงได้ส่งมาที่ ศูนย์แก้ไขปัญหาลูกหนี้นอกระบบ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบ!
ทุกอย่างจึงโป๊ะเชะ!
แฮกเข้าระบบเครือข่ายสำเร็จ ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้ว!
หลังใช้เวลาเข้าตรวจสอบโน้ตบุ๊กของกลางได้เพียงไม่นาน ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถแฮกแฝงเข้าไประบบออนไลน์ ที่เครือข่ายรีดนาทาเร้นประชาชน ใช้รายงานข้อมูลในการจัดเก็บเงินกู้ดอกเบี้ยโหด รวมถึงสถานที่ตั้งของสำนักงาน ข้อมูลตัวตนของเครือข่ายทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่ง ชื่อ-นามสกุลจริง เลขที่บัตรประชาชน!
ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวมาอยู่ในมือ เจ้าหน้าที่จึงเร่งปฏิบัติการในเชิงลึก เพื่อหวังเช็กบิลขบวนการนี้ ปลดแอกให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ทันที!
บุกล้อมที่ประชุมสัมมนาประจำปี หวัง เด็ดหัวแกนนำรวบทีเดียวทั้งเครือข่าย
เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยมาได้ระยะหนึ่งและมีข้อมูลแน่นปึ้กไว้ในมือเพียงพอแล้ว ก็ถึงวันที่หวังจะปิดบัญชีขบวนการนี้ทันที หลังได้ข้อมูลมาว่า เครือข่ายดอกเบี้ยโหดรายนี้ จะจัดประชุมสัมมนาประจำปี ซึ่งจะมีทั้งระดับแกนนำและระดับตัวเป้งๆ มารวมตัวกันที่โรงแรมหรูหราแห่งหนึ่ง
จึงมีการส่งเจ้าหน้าที่แอบแฝงตัวเข้าไปสอดแนมเพื่อหวังรวบตัวทีเดียวทั้งเครือข่าย แต่น่าเสียดาย...กลุ่มคนร้ายเกิดไหวตัวทัน!
จนมีการประกาศ ยกเลิกการจัดงานสัมมนาดังกล่าวทันที ทั้งๆ ที่ได้มีการจ่ายเงินในระดับ 7 หลัก เพื่อบำเรอความสุขให้บรรดาเครือข่ายทั้งหมดไปแล้ว และหลังจากนั้น แม้เจ้าหน้าที่จะเฝ้ารอคอยอยู่นานเท่าไร เครือข่ายนี้ ก็ไม่ได้มีการจัดประชุมสัมมนาในลักษณะดังกล่าวอีกเลย
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น...เครือข่ายดอกเบี้ยโหดระดับประเทศนี้ ยังได้สั่งเปลี่ยนแปลงพาสเวิร์ดทั้งหมดที่ใช้ในการเข้าระบบออนไลน์ของเครือข่ายเสียด้วย!
เมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มรู้ตัวแบบนี้...เจ้าหน้าที่จึงไม่มีทางเลือก คำสั่งบุกยึดเซิร์ฟเวอร์ ยึดหลักฐานชิ้นสำคัญที่มีข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ในมือ ก่อนถูกล้างข้อมูล จึงถูกสั่งการลงมาในทันที!
นั่นแหละ...จึงเป็นที่มาของวลี “จะให้พี่ช่วยดูแลยังไงไหม?” ของ “คนมีสี” ที่บุกพบ ดุษฎี ถึงห้องทำงานกระทรวงยุติธรรมในที่สุด
เปิดระบบ เครือข่ายดอกเบี้ยโหด
หลังการติดตามสืบสวนเป็นเวลากว่า 2 ปี ทำให้ทราบว่า เครือข่ายนี้ แบ่งระดับการทำงานออกเป็นดังนี้
  • สายการบังคับบัญชาประกอบด้วย
หัวหน้าศูนย์ นามเรียกขาน บัญชี
รองหัวหน้าศูนย์ นามเรียกขาน ผู้ตรวจสอบบัญชี
หัวหน้าสาย ทำหน้าที่ ขับขี่จักรยานยนต์ ออกตระเวนเก็บดอกเบี้ยรายวันกับลูกหนี้
คู่สาย ทำหน้าที่ นั่งประกบไปกับหัวหน้าสายในการตระเวนออกเก็บดอกเบี้ย
  • เครือข่าย ศูนย์เงินกู้ดอกเบี้ยโหด
มีอยู่ทุกจังหวัด บางจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ มีหลายสาขา เช่นที่ จ.อุดรธานี พบว่า เงินที่ส่งเข้ามายังส่วนกลาง บางวัน มียอดเงินสูงถึงกว่าสิบล้านบาท
  • การรายงานยอดเงินผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์
เมื่อมีการล็อกอินเข้าสู่ระบบ บรรดาหัวหน้าศูนย์ จะต้องมีการรายงานยอดเงินทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน เช่น ยอดดอกเบี้ย ส่วนที่จัดเก็บเงินได้ในแต่ละวัน ตัวเลขผู้ที่เข้ามาขอกู้เพิ่มเติม จำนวนวงเงินที่ปล่อยให้กู้ เข้ามายังส่วนกลางทั้งหมดเพื่อทำการสรุปยอดในแต่ละวัน
  • อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการทำงาน
จักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า CBR ทะเบียน จังหวัดอุทัยธานีทุกคัน โน้ตบุ๊ก โดยทั้งหมด จะมีการสั่งซื้อโดย นายวิชัย แต่แอบแฝงโดยการใส่ชื่อ ของ ญาตินายวิชัย เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อีกที
ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลของเครือข่าย ที่ข่มเหงรังแกประชาชน หากินด้วยการทำนาบนหลังคนไทยด้วยกันเองมาเป็นเวลาหลายปี โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใด กล้าเงื้อมเข้าไปปลดแอกชาวบ้านตาดำๆ ผู้ไร้ทางเลือก ต้องทนแบกรับอยู่ จนกระทั่งได้มาพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จาก รัฐบาลลุงตู่ ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม และผู้ชายที่ชื่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ในเมื่อ...เริ่มต้นการก้าวย่างล้างบาง ช่วยประชาราษฎร์ จนประชาชนโห่ร้องต้อนรับ พร้อมส่งเสียงเชียร์เอาใจช่วยกันอึกทึกครึกโครมเสียขนาดนี้แล้ว จะไม่รีบ ปิดบัญชี ล้างบางคนชั่วให้หมดไปจากแผ่นดิน เพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน ตามภาระหน้าที่และคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับ พวกเราคนไทย เลยเชียวหรือ? เพราะนั่นคือ หน้าที่ของรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม ที่ควรลงมือทำใช่หรือไม่?
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: