PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ปัจจัยเอื้อต่อการปรองดอง

2 ชั่วโมง 329 ล้านบาท

ยอดบริจาคเงินในรายการ “ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้” ที่ “นายกฯ ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. นั่งเป็นโอปะเรเตอร์รับสายโทรศัพท์บริจาคด้วยตัวเอง ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์

ตามปรากฏการณ์คนไทยไม่เคยทิ้งกันยามยาก

นี่คือคุณสมบัติพิเศษมากกว่าชนชาติอื่น และต้องถือเป็นพื้นฐานสำคัญ ตามเงื่อนสถานการณ์ที่กำลังเข้าสู่โหมดของการปรองดอง

ในอารมณ์ที่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เอื้อมากกว่าในรอบหลายปีที่พยายามกันมา

ตามน้ำเสียงตอบรับเชิงบวกเริ่มดังกว่าเสียงโวยวายเชิงลบ

สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับกระบวนการขับเคลื่อนที่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ช็อตที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดปีใหม่ร่าง “โมเดล” ปฏิรูปและปรองดอง

เป็นพิมพ์เขียว “นำร่อง” พร้อมมอบธงให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)

เดินหน้าวางแผนงาน จัดโครงสร้าง ป.ย.ป.

โดยการประสานกับทีมงานแม่น้ำ 5 สาย ไล่ตั้งแต่ คสช. คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

เพื่อนำแผนนโยบายปรองดองไปสู่ภาคของการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งแน่นอน ตามกระบวนการก็คงจะนำมาผสมผสานกัน

ทั้งสูตรปรองดองฉบับของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มีนายเสรี สุวรรณภา
นนท์ เป็นประธาน ที่เสนอให้ “พบกันครึ่งทาง”

ไม่นิรโทษกรรม แต่เปิดให้คนหนีกลับมาสู้คดี

หรือแม้แต่ข้อมูลในส่วนของกองทัพบกที่มีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปฯ ซึ่งล่าสุด

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ก็ยอมรับว่าในภาพรวมดีขึ้นการแบ่งแยกสีและการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของประชาชนน้อยลงแต่อาจมีความคิดเห็นแตกต่างเรื่องการเมืองอยู่บ้าง เมื่อมีคณะกรรมการปรองดองชุดนี้ขึ้นมาดำเนินการในระดับนโยบายก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปสู่แนวทางที่ดี

สรุปก่อนจะมีผลในทางปฏิบัติ คงต้องปรับจูนกันตามเงื่อนไข

ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยกระบวนการของ ป.ย.ป.นั่นก็ด้านหนึ่ง แต่หน่วยขับเคลื่อนทางลึกจริงๆน่าจะอยู่ที่ “หัวหน้าทีมเตรียมงานสร้างความปรองดอง” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่ได้รับธงมอบหมายภารกิจสำคัญจาก “นายกฯลุงตู่”ในฐานะ “พี่ใหญ่” ผู้กว้างขวางในทุกวงการ

ด้วยพื้นฐานบุคลิกของ พล.อ.ประวิตรเป็นคนที่เชื่อมต่อได้ทุกจุด โดยเฉพาะกับนักการเมืองที่ต่อสายตรงได้ทุกป้อมค่าย สายสัมพันธ์เชื่อมถึงระดับแกน

ตามปรากฏการณ์ที่สะท้อนจากแนวคิดเบื้องต้น พล.อ.ประวิตรเตรียมส่งเทียบเชิญทุกป้อมค่าย ขั้วขัดแย้งทางการเมืองทุกฝ่ายมาตั้งวงพูดคุย

พร้อมลงนามใน “เอ็มโอยู” หรือข้อตกลงยุติความขัดแย้ง

ท่ามกลางเสียงขานรับจากทุกป้อมค่าย เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ กลุ่มเสื้อแดง นปช.ก็แบะท่าพร้อมคุย ขณะที่ฝ่ายม็อบ กปปส.ก็ไม่ขัด

เรื่องของเรื่อง หลักของการปรองดองมันต้องมีการคุยกันทั้งวงนอก และล็อบบี้กันวงใน

ตามสูตรพบกันครึ่งทาง ไม่มีใครได้ทั้งหมดและเสียทั้งหมด

ทั้งหมดทั้งปวง โดยกระบวนการเดินประสานทางลึกของ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตรที่ตีคู่ไปกับการขับเคลื่อนกระบวนการปรองดองของ ป.ย.ป.

ปรองดองรอบนี้มีสัญญาณคลื่นความถี่ชัดขึ้นตามลำดับ

ประกอบกับปัจจัยสำคัญที่จะส่งแรงบวกเสริมให้กับโหมดปรองดองรอบนี้ นั่นก็คือ ความสง่างามของงานพระราชพิธีสำคัญทางประวัติศาสตร์

ภาพของแต่ละขั้วขัดแย้งหันกลับมาร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นบรรยากาศความสามัคคี

มันเป็นอะไรที่สวยงาม คนไทยปรองดองช่วยกันดำรงไว้ซึ่งสถาบัน.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: