PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

อาลัยแด่อยาตุลลอฮ์ ฮัจญ์ อาลีอักบัร ฮาเชมี รัฟซันญานี



อาลัยแด่อยาตุลลอฮ์ ฮัจญ์ อาลีอักบัร ฮาเชมี รัฟซันญานี ตำนานแห่งนักต่อสู้ของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
"อยาตุลลอฮ์อาลี อักบัร ฮาเชมี รัฟซันญานี บุคคลที่ทรงอิทธิพลคนสำคัญในสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน"
อิมาม โคมัยนี (รฮ.) ได้เริ่มขบวนการต่อสู้กับทรราชชาฮ์ปาเลวี อยาตุลลอฮ์รัฟซันญานี ได้เริ่มเข้าสู่ขบวนการปฏิวัติ ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ1960 ร่วมกับท่านอยาตุลลอฮ์ ซัยยิดอาลี เคเมเนอี(ผู้นำสูงสุด) เป็นต้นมา ท่านได้เป็นแกนนำคนสำคัญในขบวนการต่อสู้ของท่านอิมามโคมัยนี (รฮ.) และเป็นผู้จุดประกายการปฏิวัติที่สำคัญคนหนึ่ง ท่านได้เริ่มชีวิตการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากทรราชชาฮ์ปาเลวี สู่สาธารณรัฐอิสลาม เสียสละร่างกาย ทรัพย์สิน และครอบครัวของท่านเพื่อหนทางแห่งการปฏิวัติ จนถูกจับกุมและถูกทรมานหลายต่อหลายครั้ง แต่ท่านยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์การต่อสู้ และยืนเคียงข้างอิมาม (รฮ.) เสมอมา

หลังจากชัยชนะการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ท่านได้รับความไว้วางใจจากท่านอิมามผู้ล่วงลับ ครั้นเมื่ออิหร่านได้เข้าสู่สงคราม8 ปี อิมามโคมัยนีได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้แทนผู้นำสูุงสุด กำกับดูแลกองทัพ ในสงคราม อิรัค-อิหร่าน และได้รับความไว้วางใจจากท่านอิมามโคมัยนีและบรรดานักปฏิวัติในยุคต้นแห่งการปฏิวัติตลอดมา และเสมือนกับเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน มีคำกล่าวจากท่านอิมามโคมัย ซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กัยฮานว่า “ตราบใดที่ ออกอ ฮาเชมี กับ ออกอ คาเมเนอี จับมือร่วมกันทำงานเพื่อรัฐ จะไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรต่อการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้”
หลังจากที่ท่านอยาตุลลอฮ์ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุด อยาตุลลอฮ์ รัฟซันญานี ยังคงร่วมงานและเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของท่านผู้นำ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เหล่าศัตรูพยายามที่จะทำลายอิหร่านลง แม้ในวัยชราภาพท่านยังคงทำงานเพื่อรับใช้การปฏิวัติตามอุดมการณ์แห่งนักต่อสู้ ท่านเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ ประธานรัฐสภาคนแรกของอิหร่านถึง 9 ปี ซึ่งเป็นช่วงหลังจากชัยชนะการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเพียงแค่ไม่กี่ปี และตำแหน่งที่สำคัญที่สุด จนสามารถนำพาอิหร่านผ่านช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ที่เกิดขึ้นจากผลกระทบสงคราม 8 ปี อิรัก-อิหร่าน คือการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่สี่ของอิหร่านในช่วงปี ค.ศ.1989-1997 และยังเป็นสมาชิกสภาผู้ชำนาญการสูงสุด​(สภาคัดเลือกผู้นำ) ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1983 จนถึงปัจจุบัน และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาดังกล่าวคนที่สองเมื่อปี 2007-2011 และท่านยังดำรงตำแหน่งประธานสภาวิจัยผลประโยชน์แห่งชาติเมื่อปี ค.ศ.1989-ถึงปัจจุบัน
ท่ามกลางกระแสสร้างความขัดแย้งในอิหร่านเพื่อหวังทำลายรัฐอิสลาม โดยการสนับสนุนจากสหรัฐ อิสราเอล กลุ่มมุนาฟิก MKO และกลุ่มต่อต้านการปฏิวัติอิสลามที่อยู่ในต่างประเทศ กลุ่มเหล่านั้นพยายามแอบอ้างท่านเพื่อให้กลุ่มผู้สนับสนุนท่านในอิหร่านทำการเคลื่อนไหว และกลุ่มต่อต้านจะเข้ามาฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าว ทว่าท่านได้อ่านเกมส์การเมืองที่สกปรกด้วยประสบการณ์และความฉลาดหลากแหลม ท่านได้จับมือกับท่านผู้นำและทำการกำจัดกลุ่มต่อต้านจนสิ้นซากลงไปในที่สุด สื่อตะวันตกยังคงพยายามเสนอข่าวเชิงลบว่า ท่านคือคนที่อยู่ตรงกันข้ามกับท่านผู้นำบ้าง มีแผนการโค้นล้มรัฐบ้าง จะยึดอำนาจบ้าง และมีปัญหาที่ไม่ลงลอยกันบ้าง โดยยึดคำพูดบางคำ หรือบางทัศนะที่ท่านอาจจะมีความคิดไม่ตรงกับท่านผู้นำบ้างในบางเรื่องมาเป็นประเด็นในการสร้างกระแสดังกล่าว แต่ด้วยกับความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า แผนการร้ายของเหล่าศัตรูได้รับแต่ความปราชัยเสมอมา
ด้วยกับความสูญเสียบุรุษที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลจึงประกาศไว้อาลัย 3วันทั่วประเทศ ถือเป็นความโศกเศร้าของประชาชาติอิหร่าน ท่านผู้นำสูงสุดได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อการจากไปของวีรบุรุษแห่งการปฏิวัติบางตอนว่า
“ข้าพเจ้าได้สูญเสียเพื่อนนักรบ เพื่อนร่วมงานและสหายแห่งรัก ถือเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราทั้งสองได้ร่วมใจกันเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของชาติ มาตรว่าเราอาจมีทัศนะที่ไม่ตรงกันในบางเรื่อง แต่สิ่งนี้ ไม่สามารถทำลายมิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนตลอดระยะเวลา59ปีลงได้ ท่านคือนักต่อสู้ที่เสียสละทุกสิ่งในแนวทางการปฏิวัติ ขอพระองค์ทรงเมตตาท่านด้วยเถิด”
ดังนั้นขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียนักต่อสู้ และวีรบุรุษแห่งการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน สหายแห่งท่านผู้นำสูงสุดและท่านอิมามโคมัยนี ขอพระองค์ทรงตอบแทนความดีงามในสิ่งที่ท่านได้สร้างให้แก่การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านด้วยเถิด
ด้วยสลามและดุอา
ดร.ซัยยิด มุบาร็อก ฮูซัยนี
นายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย-อิหร่าน
9 มกราคม 2560

ไม่มีความคิดเห็น: