
ที่ว่าอย่างนี้ก็คือ สถานการณ์หลังการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนแล้วว่าปลายปี 2561 เพียงแต่ว่าผลจากการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเป็นไป
เมื่อแต่ละฝ่ายมีจุดมุ่งหมายไปในทิศทางเดียวกันก็คือ การได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ประชาธิปไตย “ครึ่งใบ”
สังเกตได้ว่า บรรดาพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ 2 พรรค เริ่มออกสเต็ปไปในทางหาเสียงหาคะแนนกันแล้ว แม้จะมีกฎเหล็กที่ค้ำคออยู่จนไม่สามารถแสดงบทบาทได้อย่างเต็มที่คือคำสั่งห้ามพรรคทำกิจกรรม
แต่ความเคลื่อนไหวภายใต้เงื่อนไขจำกัดนี้ก็ไม่ถึงกับถูกปิดปากพูดจาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะในประเด็นสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของชาติและประชาชน
รัฐบาล คสช.ก็ทำได้แค่ชี้แจงทำความเข้าใจเท่านั้น
เพราะถ้าเล่นเกมหนักมากไปก็จะเข้าเนื้อมากกว่าจะส่งผลดี อาจถูกมองไปในแง่เรื่องการใช้อำนาจหรือมีผลประโยชน์ได้เสีย
ยิ่งวันนี้กำลังถูกเพ่งเล็งมากกว่าที่ผ่านมา
การต่อสู้ที่ดีที่สุดก็คือ การสร้างผลงานให้ประชาชนพึงพอใจ ได้รับการยอมรับและการใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้ควักเอาแนวคิดที่จะจัดให้มีการประชุม ครม.สัญจรขึ้นมาปัดฝุ่นกันใหม่ ซึ่งกำลังกำหนดวาระกันอยู่ ทั้งนี้ จะดำเนินการในทุกภาคทั่วประเทศ
เพียงแต่จะใช้จังหวัดไหนเป็นที่จัดประชุมเท่านั้น แต่ก็ต้องเป็นจังหวัดที่เป็นเป้าหมายชัดเจน และมีความสำคัญที่จะเป็นฐานเสียงสนับสนุนได้อย่างเต็มที่
ครม.สัญจรนั้น แม้จะไม่ใช่ของใหม่มีบางรัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว และได้ผลเป็นอย่างดี ทำให้รัฐบาลได้รับการตอบรับและเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีการว่าจะใช้ทีเด็ดอย่างไรเพื่อซื้อใจกัน
ด้วยบทบาทและลีลาของนายกฯประยุทธ์นั้นถือว่าไม่ธรรมดา มีความสามารถและศิลปะในการครองใจคนได้ไม่น้อย
ที่ต้องยอมรับอยู่อย่างก็คือ รัฐบาลชุดนี้มีเครื่องมือและกลไกที่เข้าถึงชาวบ้านได้หลายช่องทางผ่านทางทีวี วิทยุ
ทีวีช่องดิจิทัลนั้นถ่ายทอดรายการของ คสช.ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเหมือนจะไม่เข้าถึงเป้าหมายอย่างที่ควรจะเป็น นั่นแสดงว่ายังไม่มีความสามารถที่จะถ่ายทอดไปสู่ชาวบ้านได้
ทว่า การเข้าถึงแบบเห็นหน้าเห็นตา เห็นตัวตน ที่ควรจะทำมานานแล้วแต่ไม่ทำเพราะถ้าเดินสายไปให้ครบทุกจังหวัดความใกล้ชิดก็มีมากขึ้นเท่าทวีคูณ
นี่ถือว่าเป็นความได้เปรียบที่อยู่ในอำนาจ
วันนี้มีเสียงเรียกร้องให้พรรคการเมือง นักการเมืองจับมือกันเพื่อต่อสู้กับอำนาจที่ต้องการให้ “คนนอก” เข้ามาเป็นนายกฯ
เพราะเห็นว่านี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสกัดกั้นได้ แต่ความเป็นจริงทางการเมืองมันคงไม่ง่ายอย่างโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์
ที่แปลกไปกว่านั้นมีการสำรวจความเห็นของประชาชนด้านหนึ่งก็เห็นด้วย แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้
ยิ่งกว่านั้นยังให้ความเห็นว่าควรจะมีการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง
เป็นความจริงทางการเมืองของประเทศไทย.
“สายล่อฟ้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น