
ผลโหวต ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ประชุม สนช.ลงมติท่วมท้นด้วยคะแนน 194 ต่อ 0 เห็นชอบให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
ตีตกข้อโต้แย้ง 6 ประเด็นของ กกต.ว่า ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 โดยเฉพาะประเด็นเซ็ตซีโร่ 5 เสือ กกต.ชุดปัจจุบันต้องกระเด็นตกเก้าอี้ทันทีที่ร่างกฎหมายลูกฉบับนี้มีผลบังคับใช้
รอเวลาเก็บของกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน
ตามอาการโยนผ้ายอมแพ้ของ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ที่เอ่ยปากยอมรับตรงๆ รู้ตัวล่วงหน้าว่าผลโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร
เตรียมเอาเวลาไปเตรียมตัวหาช่องทางยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ. กกต.เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญจะเกิดประโยชน์มากกว่า
ดิ้นเฮือกสุดท้ายไม่ให้แปรสภาพไปเตะฝุ่นในอนาคต
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าวัดตามสภาพความจริง ถือว่าใกล้จนกระดานเต็มที ไม่ว่าพลิกตำราสู้แค่ไหน
อย่างที่เห็นๆตามกติการัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ระบุเงื่อนไขการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ มีแค่ 2 ช่องทางเท่านั้น
ทางแรกให้ สนช.เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของจำนวน สนช.ที่มีอยู่เป็นผู้ยื่น อีกทางให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ส่งเรื่องเคลียร์ข้อสงสัย
ประเมินความเป็นไปได้ โอกาสแทบเป็นศูนย์ที่ สนช.จะไปเสี่ยงตกม้าตาย เข้าชื่อ 1 ใน 10 ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายที่ตัวเองเพิ่งให้ความเห็นชอบไปหมาดๆ
หรือถ้าจะให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ยื่นให้ก็เป็นไปได้ยาก เพราะเสี่ยงเปลืองตัวเปล่าๆ
ช่องทางยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญปิดประตูตาย 5 เสือ กกต.รอเวลาลุกจากเก้าอี้
ท็อปบูตปฏิบัติภารกิจลุล่วงไปอีกด่าน เข็นกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับแรกสำเร็จไปด้วยดี
เคลียร์ทางให้ 7 อรหันต์ กกต.ป้ายแดงเข้ามารับช่วงต่อ
และก็เป็นอะไรที่โชว์ช็อตต่อเนื่องกันทันที ในประเด็นที่ประชุม สนช.โหวตผ่าน
ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ออกกฎใหม่ให้เลิกนับอายุความคดีทุจริต ในกรณีจำเลยหลบหนีคดีไปต่างประเทศ ดัดหลังนักการเมืองที่กระทำผิดแล้วใช้วิชาล่องหน ไม่มาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
เขย่าขวัญคนโกงที่คิดหนีคดีไปต่างแดน หากคิดจะหนีต้องหนีไปตลอดชีวิต หมดสิทธิเตะถ่วง รอคดีหมดอายุความแล้วเดินทางกลับประเทศมาใหม่
ระทึกโดยตรงไปถึง “อดีตนายกฯปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังต่อสู้คดีจำนำข้าวในช่วงโค้งสุดท้ายอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ตามโปรแกรมลุ้นฟังคำพิพากษาในช่วงปลายปีที่งวดเข้ามาเรื่อยๆ มีโอกาสได้ลองของกติกาฉบับใหม่พอดิบพอดี
ในสถานการณ์ที่ “อดีตนายกฯหญิง” ต้องชั่งใจคิดให้ถี่ถ้วน จะหนีหรือปักหลักสู้ต่อ ถ้าสู้ก็เสี่ยงอาจติดคุก แต่หากหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต ทางใดจะคุ้มค่ากว่ากัน
อาการน่าเป็นห่วงไม่ต่างจากพี่ชาย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกกลไกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เล่นงานเช่นกัน
ส่อแนวโน้มถูกศาลสั่งไต่สวนคดีลับหลังได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้ตัวจำเลยมาพิจารณาคดีต่อหน้าศาล
“นายใหญ่” มีโอกาสสูงถูกศาลตัดสินลงโทษในคดีที่ติดตัวอยู่เพิ่มขึ้นอีกหลายกระทง มีแววผูกขาดการอยู่ต่างแดนยาวๆ
นั่นก็หมายถึง “ปิดประตู” การได้เดินทางกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ
ขั้วอำนาจพิเศษรุกหนัก กดดันทุกวิถีทาง วางกับดักสารพัดด่านทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก
เจาะยางทีมงานนายใหญ่ให้กลับมาครองอำนาจลำบาก
ควบคู่การใช้ช่องทางกฎหมายบีบนายใหญ่-นางสิงห์ หลังพิงฝา ใกล้จนกระดานขึ้นไปทุกขณะ
พี่ชาย-น้องสาวตกที่นั่งลำบาก เจอชะตากรรมหนักหน่วงไม่แพ้กัน.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น