PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ไม่มีรั่วมติองค์คณะฯ เพราะยังไม่ได้ลงมติ

ผู้คนหลายแวดวง ไม่ใช่แค่กับนักการเมือง แต่ทั้งนักธุรกิจ นักวิชาการ ทหาร ข้าราชการ และประชาชนทั้งหลาย ต่างก็จับจ้องกันว่า ผลคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีระบายข้าว จีทูจีและคดีจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะออกมาอย่างไร ?
ทั้งนี้ หากไม่มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาทั้งสองคดีออกไป โดยมีการอ่านคำพิพากษาตามที่องค์คณะฯได้นัดไว้ในวันศุกร์ที่ 25ส.ค.นี้ จะพบว่า ในหลายแวดวง ต่างก็ประเมิน-วิเคราะห์ ทิศทางผลที่จะออกมา โดยเน้นไปที่”คดีจำนำข้าว-ยิ่งลักษณ์”ซึ่งมี “ชีพ จุลมนต์ ว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ ”เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน ซึ่งคดีดังกล่าว มียิ่งลักษณ์เป็นจำเลยเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับคดีจีทูจี ที่มีจำเลยหลายคน ส่วนใหญ่ ก็บอกถึงทิศทางคดี บนหลักไม่ก้าวล่วงละเมิดอำนาจศาล แต่เป็นการวิเคราะห์บนทิศทางและกรอบที่คุยกันได้ ซึ่งก็เป็นหลักปกติอยู่แล้ว ว่า ก็จะมีอยู่ประมาณ 3-4ทิศทาง บนหลักวิเคราะห์แค่คดีอาญาอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับคดียิ่งลักษณ์ที่ศาลปกครองแต่อย่างใด  ทิศทางหลักๆ ก็จะมี ดังนี้
       
1.ยกฟ้องโจทก์ ที่ก็คือ ยกฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลย
       
2.ตัดสินว่าจำเลยมีความผิด ตามคำฟ้อง แต่ให้รอลงอาญา
       
3.ตัดสินว่าผิด ไม่รอลงอาญา แล้วก็ทำเรื่องยื่นขอประกันตัว จากนั้น ก็ไปใช้สิทธิ์อุทธรณ์คดีตามช่องทางที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญต่อไป
        
ซึ่งทั้งสามแนวทางดังกล่าว จะพบว่า ช่วงหลังๆ ผู้คนหลายแวดวง ก็วิเคราะห์กันผ่านสื่อมวลชนกันมากขึ้น โดยเฉพาะคาดว่ากว่าจะไปถึงวันศุกร์ที่25ส.ค. ก็คงมีการพูดกันมากไปจนถึงตอนศาลฎีกาฯใกล้อ่านคำพิพากษา แต่การวิเคราะห์ก็คงต้องอยู่ในกรอบ ไม่ให้ก้าวล่วงศาลไปมากกว่านี้
ด้วยความที่เป็นคดีใหญ่ จำเลยเป็นถึงระดับอดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นน้องสาว ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย  จึงไม่แปลกที่ ช่วงนี้ หากแวะไปเจอผู้คนในแต่ละแวดวง ไม่ว่าจะเป็น แวดวงการเมือง- วงนักธุรกิจ- วงนักกฎหมาย -วงพูดคุยของทหารระดับสูง แม้แต่วงกินข้าวของชาวบ้านร้านตลาด ต่างก็ต้องมีคุยกันในเรื่องนี้ และก็ต้องวิเคราะห์กันไป ตามแต่ฐานข้อมูลความเข้าใจของแต่ละคน  ซึ่งคนที่อยู่ในวงพูดคุย ก็ต้องรู้ทันข่าวสาร ว่า สิ่งที่คุยกันนั้น เป็นแค่การคุยกันตามปกติ ไม่ใช่เรื่องของ “มติรั่ว-รู้ผลล่วงหน้า” แต่อย่างใด
เนื่องจาก กระบวนการลงมติและเขียนคำพิพากษากลางในคดี จะเกิดขึ้นในช่วงเช้า วันศุกร์ที่25ส.ค.หากไม่มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปในบางคดีหรือทั้งสองคดี และเมื่อได้มติขององค์คณะฯแล้ว กระบวนการต่อไป องค์คณะฯ ก็จะประชุมร่วมกันเพื่อเขียนคำพิพากษากลางในคดี  มาอ่านในห้องพิจารณาคดีต่อหน้าคู่ความ
ดังนั้น ที่อาจมีผู้คนบางแวดวง พูดกันไป คุยกันมา ในเรื่องการตัดสินคดีที่จะเกิดขึ้น  จึงเป็นแค่การวิเคราะห์กันเองเท่านั้น เพราะเมื่อองค์คณะฯยังไม่มีการลงมติ ยังไม่มีคำตัดสินออกมา แล้วจะมีมติรั่ว รู้ผลคำตัดสินล่วงหน้าได้อย่างไร ขอให้หยุดมโนได้แล้ว
เรื่องนี้มีคำอธิบายที่ดี จาก “ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา” ที่เคยเป็นองค์คณะตุลาการตัดสินคดีในศาลฎีกาแผนกดคีอาญาฯ มาก่อนหน้านี้ เช่น “คดีทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข” ที่เป็นคดีแรกที่ขึ้นศาลฎีกาฯและมีคำตัดสินออกมา
โดย “ชูชาติ ศรีแสง”ได้โพสต์ข้อความถึงกระบวนการลงมติขององค์คณะฯไว้ในเฟสบุ๊กส่วนตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไว้ตอนหนึ่งดังนี้  
"ขณะนี้มีการปล่อยข่าวในลักษณะอ้างแหล่งข่าวที่ไม่สามารถตรวจสอบตัวตนได้ว่าเป็นใคร แม้แต่สื่อมวลชนรายใหญ่ที่มีทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ก็เสนอข่าวด้วย
ข่าวดังกล่าวอ้างว่า คดีรับจำนำข้าวที่นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงทางการเมือง จะมีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีความผิดให้ยกฟ้องโจทก์
ในฐานะเคยทำหน้าที่เป็นองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีแรกของศาลมาก่อน จึงรู้กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนี้ดีคือ เมื่อสืบพยานโจทก์ จำเลย เสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่านต่างก็พิจารณาวินิจฉัยว่าจะมีคำพิพากษาอย่างไรและทำคำวินิจฉัยของตนเอง โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับองค์คณะท่านอื่นๆ 
ในวันนัดฟังคำพิพากษาองค์คณะ จะมีการประชุมกันในตอนเช้าก่อนเวลานัดฟังคำพิพากษาและลงมติกันว่า จะมีคำพิพากษาว่าอย่างไร จำเลยมีความผิดหรือไม่ ลงโทษหรือยกฟ้อง ถ้าลงโทษเป็นโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษจำคุกกี่ปี โทษปรับเท่าใด โทษจำคุกจะรอการลงโทษหรือไม่ การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก เมื่อลงมติกันอย่างไรก็จะพิมพ์คำพิพากษาแล้วจึงอ่านให้คู่ความฟัง
ณ วันนี้ แม้แต่องค์คณะ คดีนี้แต่ละท่านก็ทราบเฉพาะตัวท่านเองเท่านั้นว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าท่านอื่นอีก 8 ท่านจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร แต่ละท่านจึงยังไม่ทราบว่า องค์คณะผู้พิพากษาอีก 8 ท่านแต่ละท่านจะมีมติว่าอย่างไรและมติเสียงข้างมากจะมีว่าอย่างไร
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งทราบว่า ศาลฯจะมีคำพิพากษาอย่างไร ที่มีการปล่อยข่าวว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการกล่าวเท็จอย่างแน่นอน"
ถือเป็นการให้ข้อมูลที่ชัดเจน และเคลียร์ปมข้อสงสัยต่างๆได้เป็นอย่างดี และแสดงให้เห็นว่า แต่ละฉากก่อนจะไปถึง วันตัดสินคดี 25ส.ค.  มีอีกหลายปม ให้ต้องเกาะติด จนกว่าผลคำตัดสินจะออกมาในช่วงสายของวันดังกล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น: