PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถึงยุค 'ไลฟ์สดมา-โทรทัศน์ไป'

ระหว่าง "รัฐบาลกับสื่อ"...........
ไม่ว่ายุคไหน-สมัยไหน เป็น "งูเห่ากับพังพอน" กันได้ทุกเรื่อง!
แต่เที่ยวนี้.........
หนักไปทาง "สื่อโทรทัศน์"
คือ สัปดาห์หน้า (๒๑-๒๒ ส.ค.๖๐) รัฐบาลจะไป "ครม.สัญจร" กันที่โคราช
แต่เกรงว่าสื่อ โดยเฉพาะ "โทรทัศน์" ทุกช่อง จะตามไปกระจุกตัว "แช่กล้อง" อยู่ที่นายกฯ คนเดียว
ท่านไม่อยากเป็น "วันแมนโชว์"
อยากให้สื่อช่วยกระจายกันไปติดตามแต่ละรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ เอาข่าว เอาเรื่องราวที่แต่ละรัฐมนตรีลงไปสัมผัสชาวบ้านมาเผยแพร่บ้าง
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด จึงเชิญสื่อแต่ละสำนัก หนักและเน้นไปทางสื่อโทรทัศน์แต่ละช่องมาประชุม
จัดตารางเวลาให้ วัน-เวลาไหน และที่ไหน ให้แต่ละช่องติดตามไปทำข่าวแต่ละรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่
แล้วจะนำภาพ-ข่าวที่แต่ละช่องไปทำมานั้น ออกอากาศทั้งสด-ทั้งแห้ง ทางโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง ๑๑ เดิม) ในเครดิตแต่ละช่องที่ไปทำข่าว
ไม่ใช่การบังคับ พลโทสรรเสริญย้ำ ช่องไหนจะร่วมก็ได้ ไม่อยากร่วมก็ได้
เพราะเป็นแค่ "ขอความร่วมมือ" เพื่อการบูรณาการข่าว "ในการทำงานของรัฐบาล" สู่ประชาชน
เรื่องใหญ่ใจความก็มีเท่านี้.............
แต่ทีนี้ ก็รู้กันอยู่ สื่อนั้น มีค่าย-มีสังกัด และแต่ละค่าย-แต่ละสังกัด ภาพหน้า คือ "สื่อเพื่อเรื่องราวข่าวสาร" เหมือนกันหมด
แต่ภาพหลัง มันเรื่องของเจตนาและเป้าหมาย ทั้งของตัวนักข่าว ตัวผู้เป็นเจ้าของ และตัวผู้เป็นกลุ่มทุน คละกันไป
ดังนั้น โลกของสื่อทุกยุค-ทุกสมัย จึง ๑ ภาพ แต่ ๒ มิติ เสมอคือ
มิติ "เพื่อสะท้อนเรื่องราวเป็นข่าวสาร"
กับ...........
มิติ "เพื่อแฝงเร้นเจตนาผ่านข่าวสาร"
แต่ในความเป็น ๑ ภาพ ใครจะไปสั่ง "ซ้ายหัน-ขวาหัน" แบบหัดแถวทหารกับสื่อก็ไม่ได้
เพราะ "ตุ่มเสรีภาพ" คนสื่อ มันบาง!
ทั้งที่ความเป็นจริงทางปฏิบัติ บรรดาสื่อ ทั้งตัวนักข่าวและตัวนายทุน ต่างไปพันตีนอยู่ในแถวของรัฐบาล-ของทหาร ด้วยเหตุผลแต่ละคนอยู่แล้ว มากต่อมาก
ม้าก็คือม้า นั่นแหละครับ วิ่งได้ทุกตัว แต่มันจะวิ่ง-ไม่วิ่ง วิ่งแบบพยศหรือไม่พยศ
อยู่ที่ "คนขี่"!
มาดูเฉพาะเรื่องกันบ้าง อย่างที่ว่า ไม่อยากให้เกิดภาพ "วันแมนโชว์" กับนายกฯ
ตลอด ๓ ปี คสช.บริหาร ทั้งผ่านสื่อและไม่ผ่าน ทุกเรื่อง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
นายกฯ "เห-มา-ยัน" อยู่คนเดียว"!
จะว่าสื่อก็ไม่ได้ เพราะลุงตู่ท่านสร้างบุคลิกบริหารเป็น "นายกฯ วันสต็อปเซอร์วิช"
แบบนี้ สื่อจึงรู้ที่อยู่-ที่กิน คือรู้ว่า "ทุกเรื่อง-ทุกคำตอบ" รวมศูนย์ที่องค์รัฏฐาธิปัตย์
แล้วจะแบกกล้อง ตระเวนรถ ซ่อกๆ ไปซอนถามจากรัฐมนตรี หรือคนอื่นให้เมื่อยตุ้มทำไม?
เป็นปลาแขยงรอเหยื่ออยู่ท่าน้ำวัดที่เดียว ไม่ชัวร์กว่าหรือ เดี๋ยวนายกฯ ก็จะออกมา
แล้วตั้งประเด็นถามแหย่ให้ท่านด่าบ้าง ฉิวบ้าง หยอกล้อเล่นบ้าง ยังไงๆ ก็ได้ภาพ-ได้ข่าว เป็นเยื่อใยแห่งรักสไตล์ทหารกับนักข่าว ไปออกจอ
ชาวบ้านชอบดูนายกฯ เล่นงิ้ว มากกว่าอยากดูหน้าจืดๆ จากลูกวงที่ไม่มั่นใจจะฟันธงทั้งที่เป็นเรื่องของกระทรวงตัวเอง!
จะว่าไปแล้ว ใครจำหน้า-จำชื่อรัฐมนตรีได้ถึง ๑๐ คนบ้าง ครม.มี ๓๐ กว่าคน เห็นช้ำหน้าทางสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่ ๒ หน้าเท่านั้น
คือหน้านายกฯ ประยุทธ์ กับหน้ารองนายกฯ ประวิตร!
เพราะบรรยากาศและรูปแบบรัฐบาลทหาร เป็นรัฐบาลที่ "ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว"
รัฐมนตรีอื่นๆ พูดไป..........
"ออฟไซด์" ท่านผู้นำ แล้วมันจะยุ่ง!
ในเมื่อโครงสร้างรัฐบาล คสช.เป็นอย่างนี้ตลอด เพิ่งมานึกได้ตอนนี้ จะแจกบทให้รัฐมนตรีอื่นๆ ได้เล่นบ้าง
ไม่อยากเป็นเหมือนวงดนตรีดังๆ อย่าง "สายัณห์ สัญญา-ยอดรัก สลักใจ" พอหัวหน้าวงตาย
ก็เหมือน "ตายหมด" ทั้งวง!
ที่พลโทสรรเสริญขอความร่วมมือนี่ ความจริง "ไม่จำเป็นต้องยึดโทรทัศน์" เป็นสรณะ
รัฐบาลต้องตีโจทย์ให้แตกว่า..........
กระทรวงมีเป็นสิบๆ ทำไมนักข่าวโทรทัศน์-หนังสือพิมพ์ กลับไม่สนใจไปจี้-ไช มาเป็นข่าว?
กลับกระจุกตัวอยู่เฉพาะที่นายกฯ?
ต้องนึกง่ายๆ ถ้าต้องการให้ฝูงปลาที่อออยู่ท่าน้ำวัด ว่ายแยกย้ายไปที่อื่นบ้าง จะทำวิธีไหนดี?
ระหว่าง ไล่ต้อนมันไป
กับ...เปลี่ยนจุดให้อาหาร?
สมัย "ป๋าเปรม" บุคลิกท่าน "พูดน้อย" กับ "ไม่พูด" เลย!
แล้วสื่อทำไงล่ะ ในเมื่อตื่นเช้าจะต้องได้อาหาร แต่เจ้าของท่าน้ำไม่ยอมให้
บรรดาสื่อจึงต้องแยกย้ายไปเสาะอาหารจากกระทรวงโน่น-นี่ สุดแต่ใครได้กลิ่นข่าวไปซุกไซ้
แต่แหล่งอาหารข่าวสมบูรณ์ที่สุด คือที่ "กระทรวงมหาดไทย"
ใครมา เป็นต้องได้ทุกเช้า.......
สมัยนั้น โทรทัศน์ยังเป็นรอง หนังสือพิมพ์เป็นหลัก เที่ยงก็พิมพ์แข่งกันขาย ฉะนั้น เช้าต้องมีข่าวป้อน
"พลเอกสิทธิ จิรโรจน์"...........
ผู้ได้รับการเรียกขานว่า "เปาบุ้นจิ้น" เพราะความซื่อตรง-ซื่อสัตย์สุจริตของท่าน มีคุณูปการกับสื่อมากที่สุด
ท่านเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย นักข่าวถามปุ๊บ ท่านพูด "พาดหัว" ได้ทุกเช้า
ฉะนั้น ถ้าอยากให้ชาวบ้านรู้ว่า รัฐบาลนี้ มีรัฐมนตรีทำงานจริงๆ จังๆ มากกว่า ๑ คนที่ชื่อประยุทธ์
เรื่องไหน ของกระทรวงไหน นักข่าวถาม นายกฯ ก็โบ้ยให้ไปถามที่เจ้ากระทรวงนั้นๆ ดูบ้าง
นักข่าวอดอยาก-ปากแห้งหนักๆ เข้า จะแบกกล้อง-แบกปากกา ไปที่อื่นเอง!
ในอีกมิติหนึ่ง ในฐานที่นายกฯ มองทะลุว่า การผ่าโลกวันนี้ อาวุธที่ต้องมี คือการสื่อสารไอที
ก็อยากบอกว่า ทุกวันนี้ "โลกไม่เปลี่ยน"
การกระหายใคร่รู้ของมนุษย์ในเรื่องราวข่าวสาร ก็ไม่เปลี่ยน
ที่เปลี่ยนคือ..........
"เครื่องมือ-รูปแบบ-วิธีการ" ที่ใช้ในการสื่อสารถึงกัน "เปลี่ยนตลอดเวลา"!
ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูการเปลี่ยนผ่าน "เส้นทางบริโภคข่าวสาร" จากตัวเองนี่แหละ
ในรอบ ๕๐ ปี สื่อหลัก คือ สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ วิทยุกระบะถ่าน เริ่มจาก ๒ หลอดขึ้นไป สายอากาศขึงหลังคาบ้าน
แล้วก็มาทรานซิสเตอร์ โทรทัศน์ขาวดำเริ่มแทงหน่อใหม่ในโลกสื่อสาร พัฒนาเป็นระบบสี
นอกจากช่องฉี่ บางขุนพรหม สถานีวิทยุ ททท.ก็มีช่อง ๕ ทหาร และช่อง ๙ รัฐบาล ตามลำดับ
โทรศัพท์บ้าน ค่อยๆ ถูกเขมือบด้วย มือถือ "กระดูกหมา" ตามด้วย แพคลิงค์ เพจเจอร์ เป็นเครื่องมือสื่อสารทันสมัย
มาจนทุกวันนี้...........
ไม่ถึง ๕๐ ปี ที่ว่ามาทั้งหมด ตกยุค-ตกสมัย กลายเป็นโบราณวัตถุไปแล้ว!
ที่ผมจะบอกคือ ด้วยดาวเทียม ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร ระบบอินเทอร์เน็ต
มันสร้างช่องทาง-รูปแบบใหม่ เพื่อ "สื่อสาร-ข่าวสาร" เข้าถึงตัวคน เร็วกว่า-ตรงกว่า-ถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า-กระชั้นถี่กว่า
โดยรัฐบาล หรือใครๆ...........
ไม่จำเป็นต้องง้อ-ต้องพึ่ง "สื่อหนังสือพิมพ์-สื่อโทรทัศน์-วิทยุ" เป็นหลักเหมือนแต่ก่อนแล้ว
เพราะมันมาถึงยุค Live Streaming แล้ว!
คนทุกวันนี้ ชีพจรประจำวัน "อยู่หน้าจอมือถือ" มากกว่าจะอยู่หน้าจอโทรทัศน์ และหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์
ในขณะที่ จะดูโทรทัศน์ จะอ่านหนังสือพิมพ์ ก็ต่อเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ตอนนี้ ระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้มือถือเป็น "จอโทรทัศน์" ไปในตัว
มีอะไรปุ๊บ.......
คนทั้งโลกหรือทั้งประเทศ "ดูโทรทัศน์" จากมือถือ ระบบ Live Streaming ทั้งภาพ-เสียง คมชัด ใสแจ๋ว ได้ทันที-ทันใด
เรียกว่า "ไม่ตกข่าว" รู้ทั่ว-รู้ทัน พร้อมกัน
โทรทัศน์ด้วยซ้ำ ไม่ใช่สื่อ "เข้าถึง" ประชาชนแบบทั่วถึง อีกต่อไปแล้ว!
"ระบบไลฟ์สด" ไม่ต้องรอโหลดไฟล์ให้เสียอารมณ์ เปิดดู-ฟังได้ทันที เหมือนโทรทัศน์-วิทยุ
โทรทัศน์ดิจิทัลน่ะ "เกิดเร็ว-ตายเร็ว"
เวลานี้ โลกสื่อสารเข้าภาวะ "สงคราม Live Streaming"
จากยูทูบ-เฟซบุ๊ก "คู่สงคราม" แอปพลิเคชัน LINE โดดเข้าร่วม ปล่อยฟีเจอร์ ไลฟ์ สตรีมมิ่ง เฉพาะกลุ่ม หยั่งทิศ-นำทางแล้ว
ฉะนั้น สังคมวันนี้ มีอินเทอร์เน็ต มีคอมพิวเตอร์ มีสมาร์ทโฟน กันแทบทั้งนั้น ไม่ต้องใช้สื่อโทรทัศน์-หนังสือพิมพ์หรอก
ใช้เทคนิค "การตลาด"..........
กับใช้ "เครื่องมือสื่อสาร" ให้เป็นและให้ตรงยุค
นั่นแหละ..........
รัฐมนตรีเป็นพระเอก Live Streaming ออกจอได้ทุกคนและทุกวัน.

ไม่มีความคิดเห็น: