PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

คดี “บอส กระทิงแดง” สุดอัปยศงานสอบสวน 3 ก.ย.60 หมดอายุความคนบาปลอยนวล

คดี “บอส กระทิงแดง” สุดอัปยศงานสอบสวน 3 ก.ย.60  หมดอายุความคนบาปลอยนวล
        ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยังไปไหนมาสามวาสองศอก และหาฝั่งไม่เจอ สำหรับคดีทายาทกระทิงแดง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถหรูชนดาบวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่สายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อตอนเช้าตรู่วันที่ 3 ก.ย. 55 ตั้งแต่สมัย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นับเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นคนดัง อยู่ในครอบครัวมหาเศรษฐีติดระดับโลก และที่มากไปกว่านั้นคือ มีเหตุพิลึกพิลั่นในชั้นสอบสวนอย่างมากมาย ตามที่สังคมได้ทราบเป็นระยะๆ 
       
       เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ กันอีกครั้ง ขอลำดับความไม่ชอบมาพากลอีกครั้ง เริ่มแต่พอเกิดเหตุตำรวจตั้ง 3 ข้อหา คือ 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต คดีนี้มีอายุความ 15 ปี ยังเหลือเวลาอีก 10 ปี สิ้นสุด 3 ก.ย. 70 2.ข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ อายุความ 5 ปี หรือวันที่ 3 ก.ย. 60 ที่จะถึงนี้ 3. ข้อหาขับรถเร็วเกิดกว่ากำหนด อายุความ 1 ปี แต่ขาดไปแล้ว
       
       ทุกขั้นตอน มีการเบี่ยงเบน และยื้อคดี โดยพนักงานสอบสวนอย่างสุดฤทธิ์ เช่น การพิสูจน์แอลกอฮอล์ในกระแสเลือด รวมทั้งสารเสพติดแต่ไม่พบ (หน่วงเวลาข้ามวันแล้วไปตรวจ) แต่เมื่อพบ กลับทำสำนวนสอบสวนว่า “เมาหลังขับ” หรือทนกดดันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ จึงดื่มเหล้าแก้กลุ้ม-ย้อมใจ บวกกับผลพิสูจน์ความเร็วของตำรวจ ที่สรุปว่าไม่เกินกฏหมายกำหนด การไกล่เกลี่ยเยียวยา ญาติผู้เสียหาย โดยใช้เงินชดเชย รูปคดีจึงบิดกลายเป็น “ประมาทร่วม” 
                 
       ไม่เพียงนายวรยุทธ จะเป็นผู้ต้องหาเท่านั้น แม้แต่วิญญาณของดาบวิเชียร ก็ยังเป็นผู้ต้องหาด้วยเช่นกัน หากไม่อายฟ้าอายดิน ฝ่ายทายาทกระทิงแดงชนะคดีทายาทของดาบวิเชียร ก็จะต้องชดใช่ค่าเสียหายที่เกิดจากการเฉี่ยวชนครั้งนั้นด้วย 
       
       ความพยายามบิดเบือนคดี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมรู้เห็นเป็นใจนั้น นักกฎหมายทราบดีว่าเทคนิคที่ทำกันอยู่นั้นเหลือเพียงขั้นตอนเดียวคือ หากข้อหา “ชนแล้วหนี” หมดอายุความ ก็จะมีผลโดยตรงทำให้คดีหลักคือขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พยาน-หลักฐาน อ่อนยวบลงทุกที มากสุดคือ ไม่อาจสั่งฟ้องได้
                    
        มีคำถามต่อไปว่า ทำไมฝ่ายผู้ต้องหาจึงเลือกวิธีดึงเกมข้อหาที่ 2 ให้หมดอายุความ 
       
       เหตุผลเพราะวันเกิดเหตุ ดาบวิเชียร นอนตายอยู่กลางถนน ส่วนนายวรยุทธ ขับรถหลบหนีเข้าไปในบ้านพัก แม้ต่อมาจะเอาพ่อบ้านมาสวมแทน แต่เมื่อถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก จึงต้องทำเสมือนตรงไปตรงมา แต่ที่สุดมีการหมกเม็ด วางแผนระยะยาวถึง 5 ปี เพื่อให้หลุดจากข้อหานี้
       
       ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว อดีต ผบก.น.5 กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการการยุติธรรม มีการสอบสวนช่วยเหลือ นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในฐานะผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีฐานขับรถขณะเมาสุรา ขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด และความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งยังไม่ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาเพื่อให้ได้ตัวมาส่งพนักงานอัยการฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนี และไม่ได้ตัวมาฟ้องภายในอายุความ
       
       สำหรับตำรวจที่ถูกกล่าวหาประกอบด้วย พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย อดีต รองผบก.น 5 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม อดีต ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ และ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ
       
       ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี แต่ว่าไปแล้วหากชำระความสกปรกโสโครกในวงการสอบสวนแบบสุดซอย หรือหมดจดจริงๆ ควรจะมีผู้บังคับบัญชาระดับบนเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วย เช่น “ผุ้บัญชาการตำรวจนครบาล” หรือระดับรองลงมา โดยเฉพาะฝ่ายดูแลกฎหมาย หรือสำนวนต่างๆ 
                
         คดีบอส กระทิงแดง จึงถือเป็นความอัปยศในวงการสอบสวนตำครวจไทย แม้กระทั่งประเด็นสุดท้าย คือการส่งสำนวนสอบสวนให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ยังมีการโยนลูกกัน ระหว่าง บช.น. กับกองบังคับการตำรวจต่างประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
       
       พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร น.1 (30 ก.ย.นี้ เกษียณอายุราชการ) ออกมาบอกกับสังคมว่า ได้ส่งสำนวนคดี บอส กระทิงแดง ไปให้ บก.ตปท. แปลนาน 2 เดือนแล้ว แต่ถูกปฏิเสธว่าทำให้ไม่ได้ ส่วนบก.ตปท. ก็ให้เหตุผลว่า การแปลสำนวนมิใช่งานของหน่วยงานเขา หน้าที่หลักคือ ทำตามการร้องขอจากสำนักงาน ผบ.ตร. หรือ รองฯ-ผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.เท่านั้น
       
       แถมยังตอกกลับด้วยว่า ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และอื่นๆ ก็มีฝ่ายอำนวยการรับผิดชอบกันอยู่แล้ว เช่น บช.น. กำหนดให้ฝ่ายอำนวยการ 9 ทำหน้าที่เป็นกองการต่างประเทศ
                
         หากทำเองไม่ได้ สมควรยุบกองอำนวยการนี้ไปเสีย และนับเป็นเรื่องงี่เง่า โง่งมทำให้เกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิด และสมควรปฏิรูปตำรวจด้วยการแยกอำนาจสอบสวนออกมาหรือยัง 

ไม่มีความคิดเห็น: