PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

'คนดี' สำคัญกว่าทุกสิ่ง

"ขี้ขำ"
จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกว่ามันเกิดภาวะ "ขี้ขำ" อย่างที่ อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี พูดเอาไว้เมื่อปี ๒๕๕๖
วันนั้นอาจารย์ธีรยุทธบอกว่า
"ถ้าจะมอง ทักษิณผ่านมุมมองว่าด้วยขี้ ก็ต้องเรียกทักษิณเป็น 'ขี้ขำ' ของการเมืองไทย เพราะขี้ขำแปลว่า อุจจาระที่ค้างคารูทวารอยู่ แม้จะออกแรงแคะก็ยังเอาออกลำบาก"
หลัง "ยิ่งลักษณ์" หนีไปทั้งๆ ที่น้ำในหูไม่เท่ากัน มันเกิดภาวะขี้ขำคาตูดอยู่หลายกรณี เพราะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
เช่น ใครพาหนี
หน่วยงานความมั่นคงทำไมไม่เห็น
รัฐบาล คสช.สมยอมด้วยหรือไม่
ฯลฯ
มีคำอธิบายสารพัด ตามประสาตีเลขแม่นหลังหวยออก!
.....ก็ว่ากันไป....
แต่เห็นคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์วานนี้ (๑ กันยายน) ก็มีเรื่องอยากจะคุยด้วย
คุณนิพิฏฐ์บอกว่า
"...เรื่องนี้ เป็นนิยายคมเฉือนคม แต่ละคนมีวิทยายุทธ์เท่าเทียมกัน ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่มีวิทยายุทธ์ เขาหนีออกไปไม่ได้หรอก ในขณะนี้ถือว่าทางฝ่ายบ้านเมืองยังตกเป็นรอง
โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยภาพวงจรปิด ผมพูดแต่แรกต้องรีบดู แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่ดำเนินการ ผ่านไปหลายวัน ผู้เกี่ยวข้องหรือกระทรวงต่างประเทศก็ไม่ชี้ชัดว่าคนหนีอยู่ที่ไหน
ส่วนตัวมองว่า ที่คุณยิ่งลักษณ์เงียบ เพราะเขาต้องการลี้ภัยทางการเมือง โดยกระบวนการขอลี้ภัยยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคนที่จะทำเรื่องลี้ภัย จะไปร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้ เดี๋ยวประเทศที่ไปขอลี้ภัยจะไม่อนุญาตให้ลี้ภัย
แต่ตอนนี้ ฝ่ายรัฐจะทำอย่างไรได้ เพราะคุณยิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว ยิ่งถ้าขอลี้ภัยได้สำเร็จจะไม่มีทางทำเรื่องขอส่งตัวกลับมาได้
อีกมุมหนึ่งคือ การจะไปให้ตำรวจสากลจับตัวกลับมาตอนนี้คงทำไม่ได้ เพราะต้องรอคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 27 กันยายน
ซึ่งก็ไม่มีใครเดาผลคำตัดสินศาลได้ กว่าจะถึงวันที่ 27 กันยายนคงไม่ทัน ถึงวันนั้น กระบวนการขอลี้ภัยของคุณยิ่งลักษณ์คงจบแล้ว
ในมุมต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอนาคต มีทางเดียวคือต้องทำทุกวิถีทางให้พรรคเพื่อไทยกลับมาชนะการเลือกตั้ง ถ้าชนะความชอบธรรมทางการเมืองจะกลับมา
แต่ไม่ได้หมายความว่า ชนะเลือกตั้งแล้วจะกลับมาไทยได้เลย เพราะความชอบธรรมทางกฎหมายจะยังไม่เกิด ถ้าศาลบอกว่าผิด กลับมาแล้ว ก็ต้องรับโทษ..."
คุณนิพิฏฐ์ พูดถูกครับ ทำไมไม่ไปดูวงจรปิดเสียตั้งแต่แรก ผ่านไปหลายวันเลยไม่รู้ว่า ยิ่งลักษณ์ อยู่ไหน
ถูกครับแต่ผิด
อย่าเพิ่งงง...ดูวงจรปิดหลังรู้ว่ายิ่งลักษณ์หนีก็เท่านั้น เพราะนางเผ่นไปก่อนที่จะรู้ว่าไม่ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนานเป็นวันๆ
คือ...เปิดตูดไปก่อนแล้ว
ถามว่าขณะนี้ทางการเป็นรองวิทยายุทธ์หนูไม่รู้หรือเปล่า?
อืมมมม....เวลาโจรหนี ไม่ว่ารัฐบาลประเทศไหนก็ต้องตามแบบนี้แหละครับ ถ้าโชคดีหน่อยก็ไปดักหน้าโจรได้
แต่เวลาโจรหนีมันไม่บอกใครน่ะซิ จะเป็นรองก็ตรงนี้แหละ
ก็เหมือนแกนนำแดงหลายคนแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรังหลังเผาบ้านเผาเมือง เผ่นหนีไปต่างประเทศช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์
ไปดักจับได้บ้างหรือเปล่า?
ที่คุณนิพิฏฐ์พูดถูกเรื่องกล้องวงจรปิดคือ ตำรวจต้องดูเพื่อตามหาว่ายิ่งลักษณ์ใช้เส้นทางไหนในการหลบหนี
สืบสาวราวเรื่องให้ได้ว่า ใครพาหนี แล้วจับมาสำเร็จโทษเสีย
ส่วนยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยทางการเมืองสำเร็จหรือเปล่า ก็มีแนวโน้มครับ เพราะยุโรปหลายประเทศเป็นโรคแพ้รัฐประหาร
ยิ่งลักษณ์ก็เอาเรื่องถูกรัฐประหารนี่แหละครับไปเป็นเหตุ
จะไปพูดเรื่องปล่อยโกงข้าวทำไม
แต่ที่รู้สึกขี้ขำมากที่สุด คือประโยคท้ายของคุณนิพิฏฐ์ ให้ตายเถอะชักตีนขึ้นมาแล้วช่วยเอามือพายหน่อย
แฟนๆ ประชาธิปัตย์เขาคาดหวังเหมือนกันนะว่า รัฐบาลหน้า "พี่มาร์ค" จะมา
ในเมื่อคนในพรรคประชาธิปัตย์ยังอ่านออกว่า ยิ่งลักษณ์สู้แน่ เพราะทางเดียวที่จะกลับมาคือ พรรคเพื่อไทยต้องชนะการเลือกตั้ง
ถ้าชนะความชอบธรรมทางการเมืองจะกลับมา!
หากประชาธิปัตย์ปล่อยให้เพื่อไทยชนะซ้ำซาก ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกันใช่มั้ย?
เอาเข้าจริงสิบกว่าปีมานี้ ประชาธิปัตย์ เป็นลูกไล่ ในสนามเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยมาตลอด
เลือกตั้งคราวหน้า ถ้ายังเหมือนเดิมการเมืองมันไปยาก
กลายเป็นว่าเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบ เพราะคนโกงกลับมาเป็นใหญ่ทุกที
ก็เป็นการบ้านให้คุณนิพิฏฐ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับไปคิดกับพรรคพวกว่า ทำอย่างไรจะล้างระบอบทักษิณด้วยการเลือกตั้งได้
จะพึ่งพารัฐประหารไปตลอดไม่ได้หรอกครับ
การเมืองไทยมันซับซ้อน ฝรั่งไม่เข้าใจ ฝ่ายที่อ้างตัวว่าประชาธิปไตยจ๋าก็เอาหลังพิงคนโกง อีกฝ่ายกังวลเลือกตั้งคราวหน้าก็กลัวคนโกงจะกลับมาอีก
มันขี้ขำจริงๆ
ก็ว่ากันไปตามแบบไทยๆ วันก่อน "กำนันสุเทพ" เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แนะให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ
มีทั้งเสียงเชียร์เสียงด่า เป็นปกติของการเมือง ที่มีความเชื่อไม่เหมือนกัน
แต่ก็ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ประเทศไทยขาด ไม่ใช่ผู้นำ
สิ่งที่ขาดมาตลอดคือ ผู้นำที่ดี
อนุทินประจำวัน ปี ๒๔๙๕ ที่ท่านพุทธทาสภิกขุ บันทึกไว้ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ความว่า...
...คนดี สำคัญกว่าทุกสิ่ง
ในโลกนี้ จะให้ลัทธิไหน ครองโลกไม่สำคัญ ขอแต่ให้คนดี ก็พอแล้ว
คนดีเผด็จการ ก็เผด็จไปในทางดี นำไปสู่ความดี และความเจริญอันแท้จริง
คนดีเป็นประชาธิปไตย ก็พร้อมเพรียงกันทำดี ได้จริง โดยไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าคนชั่วแล้ว แม้จะเปนประชาธิปไตย ก็มีแต่จะ
“นอนหาความสำราญ” กันทั่วไปหมด ในที่สุดก็ล่มจม
ฉะนั้น ขอแต่ให้ คนดีอย่างเดียวก็แล้วกัน จะซ้ายจัด จะขวาจัด ย่อมใช้ได้ทั้งนั้น
ธรรมะในศาสนาเท่านั้น ที่จะทำให้คนดี หาใช่ลัทธิการเมือง แต่ลัทธิใด ไม่เลย...
ผ่านมา ๖๕ ปีแล้ว........
การเมืองกับธรรมะถูกทำให้สวนทางกันตลอด จนกลายเป็นความชาชิน ใครพูดว่าผู้นำต้องเป็นคนดีมีธรรมะ จะถูกมองว่าเพ้อเจ้อ ไร้สาระ
เพราะนักการเมืองที่มีธรรมะนั้นเหมือนเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง
แล้วจะหาผู้นำที่ดีได้จากไหน
จะว่ายากก็ได้ง่ายก็ไม่เชิง
ที่แน่ๆ ผู้นำชั่วๆ มีให้เห็นต่อเนื่อง
ก็พวกที่ "นอนหาความสำราญ" กันทั่วไปหมด ในที่สุดก็ล่มจม...
ครับ...ลองคิดย้อนกลับไปดูเราคลั่งเรื่องลัทธิการเมืองมากไปหรือเปล่า จนปล่อยให้คนเลวเข้าไปอยู่ในการเมืองเต็มไปหมด
เป็นประชาธิปไตยที่มีแต่คนชั่ว
การหนีของยิ่งลักษณ์ น่าจะทำให้สังคมไทยได้รับบทเรียน ว่าผู้นำที่ดีควรเป็นอย่างไร
บทเรียนนี้ราคาไม่น้อย ๕ แสนล้านบาท!!!!
ผักกาดหอม

ไม่มีความคิดเห็น: