PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

จุดประกายรวมพลังปฏิรูปฉบับ คสช. : ประสบการณ์สู่อนาคต

จุดประกายรวมพลังปฏิรูปฉบับ คสช. : ประสบการณ์สู่อนาคต

“การเมืองไทยจะวิกฤติอย่างไร ย่อมมีทางออก มีทางไปเสมอ”

เป็นการแย้มมุมคิดของนักรัฐศาสตร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ผ่านการให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ซึ่งพยายามบอกสังคมอยู่เสมอว่า การเมืองไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แม้มันจะช้า ไม่ทันใจพวกเรา

คราวนี้ก็เหมือนกัน หลังมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน รวมคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจและคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ทั้งหมด 13 คณะ พร้อมได้วางหลักเกณฑ์การปฏิรูปตามปฏิทินเอาไว้แล้ว คณะกรรมการปฏิรูปแต่ละด้านจะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์นี้
เราก็จะเริ่มประชุมนัดแรกเหมือนกัน โดยแนวทางเบื้องต้นต้องนำผลการศึกษาที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านการเมืองมาพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นผลการศึกษาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สถาบันพระปกเกล้า

คณะกรรมการชุดอื่นๆที่เคยมีผลการศึกษาที่ดีๆ สภาพัฒนาการเมือง แม้ถูกยุบไปแล้ว แต่ผลงานที่ดีเราก็จะรับทอดต่อ ไม่ให้มันสูญสลายไป สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พวกพัฒนาชุมชน สร้างสังคมเข้มแข็ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเราก็ต้องไปถาม

ในฐานะที่ผมเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศ ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีตัวแทนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นกรรมการ รวมถึงตัวแทนพรรคการเมืองใหญ่ ทราบว่าล่าสุด กกต.เพิ่งลงมติตั้งสถาบันวิทยาการเพื่อการเมือง

ฉะนั้นจะเอาตะกอนเหล่านี้และนำข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆพิจารณาใส่ในแผนการปฏิรูปการเมือง เพื่อจะได้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ เมื่อมีแผนจะเกิดสถานะขึ้นมา และจำเป็นจะต้องมีกฎหมายเพิ่มเติมเข้ามารองรับ
ใครคิดว่าอยากจะให้มีอะไรอยู่ในแผนปฏิรูป ขอให้เสนอความเห็นเข้ามา อย่าไปคิดว่าจะมาค้าน มากดดัน หรือมาสั่ง

การทำงานใหญ่ระดับประเทศจะอาศัยแค่คณะกรรมการฯ 10-15 คน มันก็จะคิดได้ในระดับหนึ่ง แต่มันไม่แตกฉาน มีความจำเป็นที่เราจะต้องไปต่อกับสติปัญญาอื่นๆอีกเยอะในสังคม

เพื่อก่อให้เกิดเป็นประกายไฟแห่งการปฏิรูปลุกลามขึ้นมา

ขอย้ำว่าการระดมสมองในรูปแบบคณะกรรมการฯ แค่ 10-15 คน ไปไม่ถึงไหนหรอก มันคิดอะไรไม่ออก คิดได้แต่มันตัน จำเป็นจะต้องเปิดตัวเอง ที่สำคัญต้องทำให้ทุกกลุ่มมีความหวังกับแผนการปฏิรูปด้านการเมือง อย่าไปคิดเชิงลบ มันหดหู่ ขอให้คิดบวก จะได้กระตือรือร้น

และถ้ามีโอกาสไปพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ ก็จะไปชวนให้คิดว่าเรามีโอกาสแล้วนะ ขอให้เสนอความเห็นเข้ามาได้เลยว่าอยากจะทำอะไร เพื่อนำไปกำหนดในแผนปฏิรูป

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า การปฏิรูปด้านการเมือง มองมิติที่จะวางโครงสร้างให้สังคมเพาะพันธุ์กล้านักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อปฏิรูปด้านอื่นๆ
ให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ชาติ จะมีการวางระบบให้เชื่อมโยงกับมิติปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ได้อย่างไร

นายเอนก บอกว่า การบริหารประเทศต้องเชื่อมโยงกันทุกด้านอยู่แล้ว
แต่ตอนแรกจะยังบอกไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร บางคนระบุว่าถ้ามิติด้านการเมืองดี มิติด้านสังคมและมิติด้านเศรษฐกิจก็ดีตามไปด้วย ฉะนั้นเราจะต้องพิจารณาการปฏิรูปด้านอื่นๆ
ว่าเรื่องอะไรที่จะเป็นโอกาส และจะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้นักการเมือง ประชาชน สังคมท้องถิ่น ที่จะผลักดันเรื่องนั้นๆที่เป็นโอกาสให้เป็นวาระของนักการเมือง ข้าราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน สถาบันพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงอบรมบ่มเพาะสร้างนักการเมือง เพื่ออาสาให้เข้ามาเป็นผู้ปกครองบริหารบ้านเมือง เราจะต้องออกแบบให้พรรคการเมืองอยู่แบบนั้นและมีความสามารถในระดับนั้น ซึ่งใช้ระยะเวลา 5 ปีอาจจะไม่ได้ อาจจะเป็น 10 ปี 15 ปี 20 ปี

มันไม่มีทางอื่นแล้ว ถ้าคิดว่าไม่ใช่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง คุณจะให้ใครใช้อำนาจบริหารปกครองประเทศ ใช้ทหารก็ใช้ไม่ได้นานหรอก เพราะจะถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ สุดท้ายเราต้องยอมรับว่าพรรคการเมือง นักการเมืองมีความสำคัญ ต้องสร้างขึ้นมาเป็นสถาบัน

เหมือนสมัยก่อนคนไทยไม่ชอบพ่อค้า เพราะมองเป็นพวกคนต่างด้าว คนไทยใช้ระบบขุนนาง ในที่สุดไม่รู้ว่าจะหาระบบไหนที่มันดีกว่านี้แล้วก็เปลี่ยนมายอมรับพ่อค้า จนกลายมาเป็นสถาบันขึ้นมา ถึงแม้ธุรกิจจะมีจุดอ่อนหรือข้อบกพร่อง แต่ข้อดีก็มีเยอะเหมือนกัน

วันนี้สังคมบางส่วนมองว่ารัฐบาลตั้งคณะทำงานปฏิรูปด้านต่างๆ ขึ้นมา มันซ้ำรอยย่ำอยู่กับที่เหมือนในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาใหม่ ซึ่งตั้ง สปช. สปท. แล้วการปฏิรูปก็หายไป ทำอย่างไรถึงจะจุดประกายไฟลามทุ่งให้สังคมตื่นตัวปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ นายเอนก บอกว่า ถึงเวลานี้แล้วคนไทยไม่ควรสิ้นหวัง

ขอให้ร่วมแรงรวมใจช่วยกันสนับสนุนการปฏิรูปด้านต่างๆ และเดินหน้าขับเคลื่อนไปให้ได้ ถึงไม่มีการปฏิรูปเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ยุคบูรพาภิวัตน์ โลกสลับขั้ว ไม่ใช่ยุโรป หรือตะวันตกจะเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว ซีกโลกตะวันออกมีโอกาสทางเศรษฐกิจเยอะมาก ถ้าเราทำเป็น

ฉะนั้นเราจะต้องเร่งปฏิรูปตัวเอง เรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์จากในอดีต ฝึกฝนทักษะต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ ปรับความคิดให้เข้ากับยุค 4.0

ไม่อยากให้ไปคิดว่าการปฏิรูปเป็นการชำระล้างบาป ไปกำหนดโทษคน ไปบังคับตรวจสอบคนอย่างเดียว หากคิดแบบนี้มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น ขอให้คิดว่าเป็นการปรับสมรรถนะให้เข้ากับตนเอง

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปตรงกับรัชสมัยรัชกาลใหม่ เราคนไทย กรรมการปฏิรูปจะต้องช่วยกันคิดว่าเราจะมีโครงการอะไรในช่วงนี้ เพื่อเฉลิมฉลองรัชกาลใหม่ จะทำอย่างไรให้ต้นรัชกาลใหม่เป็นต้นรัชกาลแห่งความหวังแห่งความสดใส ความสดใหม่
คงต้องใช้ความคิดของคนที่โบราณด้วย เพื่อทำให้การปฏิรูปเข้ากับโลก เข้ากับรัชสมัยรัชกาลใหม่
เพราะพระเจ้าอยู่หัวองค์เก่ายิ่งใหญ่มาก พระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่ก็เป็นความหวัง พระราชทาน 9 แนวทางปฏิบัติแห่งการปฏิรูป เราควรบวกเรื่องนี้เข้าไปด้วย
เพื่อรวมเป็นพลัง ทำด้วยความจงรักภักดีต่อ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่”

ขณะเดียวกัน สังคมไทยมีโอกาสเยอะมาก การปฏิรูปไม่ใช่แค่แก้ไขปัญหาอย่างเดียว แต่ปฏิรูปเพื่อรับโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามาในอนาคตทุกอย่างมุ่งหน้าไปสู่แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศไทย จะปรากฏให้เห็นภาพภายในเดือน เม.ย.2561 และจะเหลือเวลาการทำงานอีก 4 ปีเศษ ซึ่งเป็นเรื่องของการติดตาม เร่งรัด ตรวจสอบให้กลไกต่างๆ ของรัฐมีหน้าที่ดำเนินการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย

ให้ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคีปรองดอง มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจ สังคมมีความสงบสุข เป็นธรรม มีโอกาสอันทัดเทียมเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ
ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า อุปสรรคของการปฏิรูปด้านการเมือง จะต้องเริ่มต้นด้วยการปรองดองให้บรรลุเป้าหมายก่อน ตามสัญญาประชาคมที่คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธาน

นายเอนก บอกว่า ขณะนี้มันมีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้จากบรรยากาศ 4-5 พรรคการเมือง ทำงานร่วมกันด้วยความสมัครสมานสามัคคีในรูปคณะกรรมการพัฒนาการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศ
ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าหลังการเลือกตั้งใหญ่จะตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ขอให้คนไทยใช้จังหวะนี้เสนอความเห็นเข้ามา
เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ และเปิดรับโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามา.

ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: