PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561

จับตาผลสอบปปช.นาฬิการหรูบิ๊กป้อมส่อรอด

จับตาผลสอบป.ป.ช. ‘บิ๊กป้อม’ส่อรอดคดีนาฬิกาหรู?

หลังจากที่นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีเซอร์ไพรส์ในการแถลงข่าวความคืบหน้าผลสอบกรณีอื้อฉาวนาฬิกาหรู 25 เรือนมูลค่าหลายสิบล้านบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ในการแถลงล่าสุดของเลขาธิการป.ป.ช.กลับไม่มีอะไรในกอไผ่โดยแค่การถอนตัวจากการสอบสวนกรณีนี้ของพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” ประธานป.ป.ช.ซึ่งเคยเป็นลูกน้องคนใกล้ชิดของ “บิ๊กป้อม” ท่ามกลางการคาดหวังของสื่อสำนักต่างๆ ที่คิดว่าเซอร์ไพรส์ที่ว่าจะเป็นข้อมูลเด็ดความคืบหน้าผลการสอบสวนของคณะทำงานของป.ป.ช.

ในการแถลงข่าว นายวรวิทย์ ก็แค่เท้าความว่า กรณีนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” จากเดิมมีแค่เรือนเดียว แต่ล่าสุดปรากฏภาพนาฬิกาหรูบนข้อมือของ “บิ๊กป้อม” ตามสื่อต่างๆ ถึง 25 เรือน ซึ่งป.ป.ช.กำลังตรวจสอบความมีอยู่จริงของบัญชีการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของ “บิ๊กป้อม” ที่ยื่นไว้เมื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อเดือนก.ย.2557

สำหรับนาฬิกาหรูนั้นป.ป.ช.ทราบจากสื่อว่า “บิ๊กป้อม” ชี้แจงว่านาฬิกาทั้งหมดไม่ใช่ของตัวเองแต่เป็นของเพื่อนและคืนไปหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี่จะมีการตรวจสอบข้อมูล แต่เนื่องจากนาฬิกามีจำนวนถึง 25 เรือนซึ่งภาพที่มีการเผยแพร่มีบางภาพที่ชัดเจน แต่บางภาพมีแต่ตัวเรือนหรือมีแต่สาย แต่มีการระบุว่าเป็นนาฬิกายี่ห้อนั้นรุ่นนั้น จึงเกิดคำถามว่านาฬิกาที่ “บิ๊กป้อม” ใส่มีจำนวนถึง 25 เรือนตามที่เป็นข่าวหรือไม่ หรือเป็นเรือนที่ซ้ำกันซึ่งอาจมีแค่ 15 เรือนจึงต้องมีการตรวจสอบต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และต้องตรวจสอบด้วยว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่งมีการตรวจสอบหมดแล้วเหลืออีก 1 รายซึ่งเป็นพยานสำคัญที่ยังไม่ได้ตรวจสอบเพราะพยานปากนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศจะกลับในสัปดาห์หน้า

นายวรวิทย์กล่าวอีกว่าจะมีการตรวจสอบไปยังตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาหรู 13 แห่งตามที่ปรากฏเป็นข่าวโดยเจาะทีละเรือนว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่งต้องใช้เวลาเยอะ โดยคาดว่าน่าจะรวบรวมหลักฐานแล้วเสร็จในเดือน ก.พ.นี้ พร้อมเปิดเผยปิดท้ายว่า “บิ๊กกุ้ย” ในฐานะประธานป.ป.ช.ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้

การถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ของ “บิ๊กกุ้ย” ไม่ได้ถือว่าเป็นการแสดงสปิริตหรือมีความสำคัญอะไรมากนัก ตรงกันข้ามหาก “บิ๊กกุ้ย” ยังยืนกรานทำหน้าที่ประธานในการลงมติของกรรมการป.ป.ช.ว่าจะชี้มูลความผิด “บิ๊กป้อม” หรือไม่นั่นจึงถือว่าผิดปกติ เพราะโดยมารยาท “บิ๊กกุ้ย” ในฐานะลูกน้องเก่าของ “บิ๊กป้อม” จะดันทุรังอยู่ทำหน้าที่ไม่ได้อยู่แล้ว หากขืนอยู่ทำหน้าที่มีหวังถูกสังคมโห่และทำให้ป.ป.ช.หมดความน่าเชื่อถือ

เมื่อนักข่าวถามว่าในกรณีหากนาฬิกาที่ “บิ๊กป้อม” ใส่เป็นของคนอื่นต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.หรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวชี้ช่องทางรอดของ “บิ๊กป้อม” ว่าไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเพราะการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินจะยื่นเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นของตัวเองและคู่สมรสพร้อมบุตร

และเมื่อถามต่อไปว่าหากนาฬิกาเป็นของบุคคลอื่นๆจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 103 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เกี่ยวกับการให้หรือรับสิ่งของที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ให้หรือยังยังไม่ทราบเพราะเจ้าตัวยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นการให้ที่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของตน

การที่ “บิ๊กกุ้ย” ถอนตัวคงไม่ส่งผลอะไรมากนักต่อความน่าเชื่อถือของป.ป.ช.ท่ามกลางความคลางแคลงใจของสังคมที่เกิดกระแสไม่เชื่อว่า
นาฬิกา 25 เรือนที่ “บิ๊กป้อม” ใส่ยืมมาจากเพื่อน

ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือผลสรุปการสอบสวนของคณะทำงานป.ป.ช. ซึ่งเมื่อพิจารณาจากคำแถลงของเลขาธิการป.ป.ช.ที่แพลมออกมาว่าหากเป็นนาฬิกาที่เพื่อนให้ยืมถือว่าไม่ผิดแล้วเริ่มมองเห็นสัญญาณแนวโน้มว่า คดีนี้ “บิ๊กป้อม” ส่อเค้ามีสิทธิ์รอดด้วยช่องทางที่ว่าเป็นนาฬิกาของเพื่อนที่ให้ยืมใส่ไม่ใช่ให้เลยจึงไม่ผิด ซึ่งประเด็นนี้มันพิสูจน์มัดยากว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นการจัดฉากลวงโลก

ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือผลการสอบสวนของป.ป.ช.ครั้งนี้จะมีคำชี้แจงที่มีน้ำหนักสมเหตุสมผลขจัดข้อเคลือบแคลงของสาธารณชนได้หรือไม่
แค่ไหน ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานตลอดจนตัวชี้ว่าความน่าเชื่อถือของป.ป.ช.ชุดนี้ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอยู่ภายใต้เงาของอำนาจรัฐคสช. ขณะที่หลายกลุ่มกำลังจับตาผลการตรวจสอบของป.ป.ช.ซึ่งหากผลออกมาแบบค้านสายตามหาชนเชื่อว่ากรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นจะไม่จบลงง่ายๆ โดยจะมีการขุดคุ้ยตีแผ่และเคลื่อนไหวโจมตีจนอาจกลายเป็นไฟลามทุ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อวิกฤติศรัทธาทั้งต่อป.ป.ช.และอำนาจรัฐคสช.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: