PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

ธงใหญ่ สองผืน ในมือ ‘ประชาธิปัตย์’ จะเหลือ 1 เดียว

ธงใหญ่ สองผืน ในมือ ‘ประชาธิปัตย์’ จะเหลือ 1 เดียว


เหมือนกับภาพในทางการเมืองจะสะท้อนให้เห็นลักษณะ 3 เส้า 3 ก๊ก นั่นก็คือ 1 คสช. 1 ประชาธิปัตย์ และ 1 เพื่อไทย
แต่ในที่สุดก็จะเหลือเพียง 2 ไม่ใช่ 3
แนวทางเช่นนี้ นายพิชัย รัตตกุล มองเห็นและสรุปออกมานานมาแล้วถึงได้เสนอให้พรรคการเมืองร่วมมือกันให้เป็นเอกภาพ
ต้านยันการสืบทอดอำนาจของ “คสช.”
แนวทางเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เท่านั้นที่ประมวลและขมวดออกมาว่าคือแนวทาง 1 เอาทหาร และ 1 ไม่เอาทหาร
หาก นายอลงกรณ์ พลบุตร ก็เห็นว่า 1 เอา คสช. 1 ไม่เอา คสช.
แม้ ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะยังประกาศชูธง 2 ผืน คือ 1 ต้านระบอบทักษิณ 1 ต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก”
แต่ในที่สุด แนวทาง “เพื่อไทย” จะเด่นชัดยิ่งกว่า
ต้องยอมรับว่า แนวทางพรรคเพื่อไทยกับแนวทางพรรคประชาธิปัตย์มีความแตกต่างกัน ไม่เพียงแต่จะแตกต่าง ณ ปัจจุบัน เท่านั้น
หากแตกต่างตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มาแล้ว
นั่นเป็นผลจากการเติบใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ทั้งในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ชัยชนะอย่างต่อเนื่องของพรรคไทยรักไทยมีผลสะเทือน
ไม่เพียงแต่นำไปสู่การเกิดขึ้นของ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล
หากแต่ดูดดึงพลังการเมืองอื่นๆ เข้าไปร่วมด้วยและหวังประโยชน์

พรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ได้เข้าร่วมอย่างเต็มที่แต่ก็ดำเนินไปในแบบของ “พันธมิตร” ใน “แนวร่วม” เพื่อเอาพลังจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าไปกำราบพรรคไทยรักไทย
และก็ประสบผลสำเร็จผ่านรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
จากเดือนกันยายน 2549 ไม่เพียงแต่นำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยในเดือนพฤษภาคม 2550 หากแต่ยังนำไปสู่การเกิดขึ้นของพรรคพลังประชาชน
และกำชัยจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550
ความพ่ายแพ้นี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นพันธมิตรกับกลุ่มทหารซึ่งมีอำนาจ “เหนือรัฐ” และประสานกับพลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก่อการเคลื่อนไหวอันนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชนในเดือนพฤศจิกายน 2551
เป็นผลให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
เป็นผลให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มทหารซึ่งมีอำนาจ “เหนือรัฐ” ได้แสดงบทบาทร่วมกันในการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
แต่แล้วการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยก็ได้ชัยชนะ
จุดนี้เองนำไปสู่การเกิดขึ้นของ “กปปส.” โดยคนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนอย่างเต็มพิกัด
แม้ ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศชูธง 2 ผืน ผืน 1 ต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ผืน 1 ต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”
แต่ในที่สุดก็จะเหลือธงเพียงผืนเดียว
สายสัมพันธ์ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ต่อเนื่องถึงรัฐประหารปี 2557 จะทำให้ธงผืนแรกเกิดการแปรเปลี่ยนและเหลือเพียงผืนเดียว คือ ต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”
และนั่นหมายถึง โอกาสที่ “ประชาธิปัตย์” กับ “คสช.” จะเป็นเนื้อเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น: