PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561

เผือกร้อนลูกโต

เผือกร้อนลูกโต



ในที่สุดโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักตุลาการ เชิงดอยสุเทพ จังหวัด เชียงใหม่ ก็กลายเป็น “เผือก ร้อน” ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หน.คสช.
ถึงคิว นายกฯบิ๊กตู่ ต้องตัดสินใจผ่าทางตันด้วยตัวเอง
“แม่ลูกจันทร์” ประเมินว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะตัดสินใจอย่างไร หวยออกได้ 4 ประตู
1,เห็นชอบให้เดินหน้าก่อสร้างต่อไปตามแผนเดิม
2,เห็นควรให้ยุติโครงการอย่างสิ้นเชิง
3,พบกันครึ่งทาง รื้อทิ้งโครงการบางส่วนออกไป
4,ไม่รื้อทั้งหมด เปลี่ยนไปใช้ประโยชน์สาธารณะแทน
หรือถ้า “พล.อ.ประยุทธ์” มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าและทำให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันได้ยิ่งดีเลิศประเสริฐศรีทวีคูณ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมบ้านพักตุลาการ 38 หลัง และอาคารชุดเจ้าหน้าที่ศาลอีก 64 ยูนิตใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน 955 ล้านบาท บนที่ดินราชพัสดุ 147 ไร่ เชิงดอยสุเทพอันสวยงาม
กำลังเผชิญกระแสต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ให้ยุติโครงการ และให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างทั้งหมดออกไป
เนื่องจากโครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ทำให้ผืนป่าไม้เชิงดอยสุเทพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองเชียง-ใหม่ “แหว่ง” ไปเห็นชัดถนัดตา
จนเกิดฉายาเรียกขานโครงการสร้างบ้านพักตุลาการว่า “หมู่บ้านป่าแหว่ง” ไปทั่วบ้านทั่วเมือง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ากระแสคัดค้าน “หมู่บ้านป่าแหว่ง” แพร่ กระจายกลายเป็นปัญหาระดับชาติ จนนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสั่งให้ พล.ท. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 ในฐานะตัวแทน คสช.เปิดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความเห็นภาคประชาชน นักวิชาการ และกลุ่มอนุรักษ์ เพื่อหาทางออกสันติวิธีที่เห็นชอบร่วมกัน
โดยมีข้อเสนอปรองดอง ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างบางส่วน ไม่ต้องรื้อทิ้งทั้งโครงการ
ให้มีตัวแทนภาคประชาชนร่วมสำรวจพื้นที่ว่าจุดใด และอาคารใดบ้าง ที่จำเป็นต้องรื้อถอนออกไป
และให้รัฐบาลจัดหาพื้นที่ก่อสร้างศาลและบ้านพักตุลาการใหม่ที่มีความเหมาะสมมากกว่าเดิม
เพื่อคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งชาวเชียงใหม่รักหวงแหนกลับคืนมา
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ข้อเสนอของภาคประชาชนผ่านมือแม่ทัพภาค 3 ออกไปคนละทางกับผลการประชุมกรรมการศาลยุติธรรม เรื่องเดียวกัน วันเดียวกัน
โดยที่ประชุมกรรมการศาลยุติธรรมมีมติยืนยันว่า สำนักงานศาลยุติธรรมในฐานะคู่สัญญา “ไม่สามารถยกเลิกสัญญา” หรือ “รื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไป” จากพื้นที่เดิม ตามข้อเสนอของภาคประชาชน
เนื่องจากจะถูกเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหาย
และทำให้รัฐต้องเสียเงินชดเชยอีกก้อนโต
ที่ประชุม กก.ศาลยุติธรรม จึงมีมติให้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงให้นายกฯ และ หน.คสช. เป็นผู้ตัดสินใจว่าดำเนินการอย่างไรต่อไป??
เช่น...ให้ชะลอการใช้บ้านพักตุลาการในส่วนที่มีการคัดค้านไว้ชั่วคราว
หรือดำเนินการอื่นใด สุดแต่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นสมควร
สรุปว่า เผือกร้อนหล่นใส่มือ นายกฯบิ๊กตู่เต็มเปา!!
ไม่ว่าจะตัดสินใจทางไหน ก็ต้องมีฝ่ายเห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา
หรือ...หรือจะรอให้เผือกเย็นก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้นะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: